“เชิญนั่ง!” นัทธีไม่ได้ตอบ ได้ยกคางชี้ไปทางเก้าอี้ที่อยู่ด้านหน้าโต๊ะทำงาน
วารุณีเดินไปยังเก้าอี้ หลังจากขอบคุณแล้ว ก็ดึงเก้าอี้แล้วนั่งลง
นัทธีเอามือสอดประสานกัน จึงได้เข้าสู่หัวข้อสนทนา “ครั้งที่แล้วเรื่องแบบที่เอ่ยถึงในห้องประชุม แบบของฤดูหนาวในปีนี้ คุณออกแบบถึงไหนแล้ว?”
“ใกล้จะเสร็จแล้วค่ะ” วารุณีตอบ
มีไฟล์งานมั้ย? นัทธีถาม
“มีค่ะ” วารุณีพยักหน้า
นัทธีได้หันทิศทางของโน๊ตบุ๊ค แล้วเลื่อนมันไปตรงหน้าของเธอ
วารุณีเคาะแป้นพิมพ์ไปสองสามี แล้วยื่นโน๊ตบุ๊คคืนไปให้กับนัทธี “ประธานนัทธี ได้แล้วค่ะ”
นัทธีตอบรับไปหนึ่งคำ ก็ได้เลื่อนเมาส์ดูงานที่ออกแบบ
ดูไปครู่หนึ่ง จู่ๆเขาก็นึกอะไรขึ้นมาได้ ก็เรียกมารุตเข้ามา “ชงกาแฟมาให้คุณวารุณีหนึ่งแก้ว แล้วเอาแบล็คฟอรเรสต์เค้กมาหนึ่งชิ้น”
“ประธานนัทธี………” วารุณีกำลังจะปฏิเสธ มารุตได้ตอบรับไปเสียก่อน “ครับผม ผมจะไปเตรียมเดี๋ยวนี้เลย”
ขณะที่พูด เขามองวารุณีอย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง จึงหันหลังเดินออกไป
เขายังสงสัยอยู่เลย ทำไมช่วงนี้ ท่านประธานจึงได้ให้เขาไปซื้อเค้ก
ซื้อกลับมาแล้ว ตัวท่านประธานกลับไม่กิน ก็เก็บไว้ในตู้เย็น เมื่อถึงเวลาเลิกงานก็ทิ้งมันไป จากนั้นวันที่สองก็ซื้อมาใหม่ ที่แท้มันก็เป็นอย่างนี้นี่เอง
ไม่นานนัก มารุตก็ได้ยกถาดเข้ามา ได้วางกาแฟกับขนมเค้กตรงหน้าวารุณี
วารุณีมองนัทธีที่อยู่ตรงหน้าอย่างอายๆ “ประธานนัทธี แบบนี้ไม่ดีมั้งคะ?”
“ทำไม ไม่ชอบเหรอ?” นัทธีได้เงยหน้าขึ้นมาหน้าจากหลังโน๊ตบุ๊ค
วารุณีโบกมือ “ไม่ใช่ค่ะ เพียงแต่ว่าทานขนมในห้องทำงานของคุณ……….”
“ไม่เป็นไร แผนงานค่อนข้างเยอะ ผมดูเสร็จยังต้องใช้เวลาสักพัก คุณสามารถทานของว่างเพื่อฆ่าเวลาไปก่อน
เมื่อพูดจบ นัทธีก็ก้มหน้าลงไปเหมือนเดิม ไม่ได้สนใจเธออีก
เขาก็ได้พูดถึงขนาดนี้แล้ว วารุณีก็ไม่กล้าที่จะปฏิเสธอีก หยิบซ้อมที่ประณีตตัดเค้กไปหนึ่งชิ้นป้อนเข้าไปในปาก รสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ถูกปากของเธอ ทำให้เธอหรี่ตาลงอย่างมีความสุข
“อร่อยมั้ย?” นัทธีจู่ๆก็ถามขึ้น มือที่เลื่อนเมาส์ก็ได้หยุดลงไปด้วย
“อร่อยมากค่ะ” วารุณีเลียครีมที่อยู่บนซ่อม ยิ้มตอบ
นัทธีมองริมฝีปากที่สวยงามของเธอ แววตาหมองลง น้ำเสียงก็ต่ำลง แฝงไว้ด้วยความแหบแห้ง “งั้นก็ดี ที่เหลือเดี๋ยวคุณก็เอากลับไปด้วย”
“เอ่อ…………”
“เอาไปให้เด็กๆกิน” รู้ว่าเธอจะพูดอะไร นัทธีก็พูดขัดคำพูดของเธอโดยตรง
วารุณีที่อ้าปาก ก็ยิ้มขึ้นมาทันที “งั้นก็ขอบคุณประธานนัทธีแล้วค่ะ”
นัทธีก็ตอบกลับไปหนึ่งคำ มองไปทางมารุต
มารุตขยับแว่น “ทราบแล้วครับ ผมไปใส่กล่องตอนนี้เลย”
เห็นมั้ยล่ะ ถูกเขาทายถูกแล้ว
ขนมเค้กนั้น ก็เตรียมเพื่อคุณวารุณี
ครึ่งชั่วโมงให้ต่อมา วารุณีถือกล่องเค้กเดินออกมาจากห้องท่านประธาน เดินไปแผนกออกแบบ
ระหว่างทาง เธอก็ได้รับสายของพงศกร “คุณวารุณี คืนนี้ว่างมั้ย?”
“ว่างสิ ทำไมเหรอ?” วารุณีถามกลับ
พงศกรยืนอยู่ตรงหน้าต่าง พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “คืออย่างนี้ วิทยานิพนธ์ที่เกี่ยวกับสมองของผมได้ถูกตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์นานาชาติ”
“จริงเหรอ?” วารุณีเซอร์ไพรส์อย่างมาก
พงศกรพยักหน้าเบาๆ “ใช่”
“คุณพงศกร งั้นก็ยินดีกับคุณด้วย” วารุณีรีบแสดงความยินดี อดไม่ได้ที่จะดีใจแทนเขา
พงศกรหัวเราะเบาๆ “ขอบใจนะ คืนนี้เราทานข้าวด้วยกันเป็นไง ถือเป็นการฉลอง”
“แค่เราสองคนเหรอ?” วารุณีถาม
ดวงตาของพงศกรเปล่งประกายเล็กน้อย “ไม่ใช่ ผมก็ชวนปาจรีย์แล้ว”
“ได้ งั้นคุณส่งโลเคชั่นมาให้ฉัน ฉันเลิกงานแล้วจะไป” วารุณีได้ยินว่าปาจรีย์ก็ไปด้วย เลยตอบตกลงอย่างสบายใจ
หลังจากวางสาย พงศกรก็ได้ส่งข้อความมาให้เธอ
วารุณีเห็นที่อยู่บนข้อความ ก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว “Burgrill ฉันจำได้ว่ามันเป็นร้านอาหารกึ่งพับ ดูท่าคงจะไม่สามารถที่พาเด็กๆไปด้วยแล้ว”
หลังจากพึมพำเสร็จ เธอเก็บโทรศัพท์ ผลักประตูของแผนกออกแบบออกแล้วเดินเข้าไป
หลังจากที่เธอลับตาไปไม่นาน นัทธีก็ได้เดินออกมาจากมุมของลิฟต์ ในมือได้ถือถุงไว้หนึ่งใบ มองไปทางแผนกออกแบบด้วยสายตาที่หนักอึ้ง ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่
ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาเม้มริมฝีปากบาง หันกลับไปโดยไม่ลังเล กลับไปที่ชั้นบริหาร
มารุตเห็นนัทธีที่กลับมาเร็วขนาดนี้ ก็เกิดความประหลาดใจเล็กน้อย “ท่านประธาน คุณเอาชุดไปให้คุณวารุณีไม่ใช่เหรอ ทำไมชุดยังอยู่ตรงนี้ล่ะ?”
สายตาของเขาไปหยุดอยู่บนถุงของนัทธี
นัทธีไม่ได้ตอบเขา หลังจากวางถุงลง ก็กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย “พิชิตชวนผมไปดื่มเหล้าที่ร้าน Burgrillใช่หรือเปล่า?”
“ใช่ครับ” มารุตพยักหน้า
นัทธีดึงกระชากเนคไท “บอกเขา ว่าผมจะไปตามนัด”
มารุตอึ้งไปครู่หนึ่ง “แต่ว่าคุณได้บอกแต่เนิ่นๆแล้วว่าไม่ไปไม่ใช่เหรอ?”
“หืม?” นัทธีขมวดคิ้วมองเขาอย่างอารมณ์ไม่ดี
มารุตที่เผชิญกับสายตาที่เย็นของเขา ลูบสันจมูกไปครู่หนึ่ง ก็รีบเปลี่ยนคำพูด “ผมเข้าใจแล้ว ผมจะไปติดต่อคุณหมอพิชิตเดี๋ยวนี้”
พูดจบ เขาก็รีบหยิบโทรศัพท์ออกมา
นัทธีจึงได้ถอนสายตากลับมา
ตอนค่ำ วารุณีรับลูกกลับมาจากโรงเรียนอนุบาล หลังจากที่จัดการทุกอย่างแล้ว ก็เรียกรถไปที่ร้าน Burgrill
เมื่อมาถึง พงศกรได้นั่งอยู่บนเก้าอี้แล้ว
วารุณีเดินเข้าไป “ขอโทษด้วยค่ะคุณพงศกร ฉันมาสายแล้ว รถติดนิดหน่อย”
เธอพูดอย่างเขินอาย
พงศกรช่วยเธอวางกระเป๋าลงข้างๆ ยิ้มเล็กน้อย “ไม่หรอก ผมก็เพิ่งถึงไม่นาน รีบนั่งลงเถอะ”
วารุณีตอบรับไปหนึ่งที จับกระโปรงแล้วนั่งลงไป จากนั้นก็พบว่าขาดไปหนึ่งคน มองไปทางพงศกร “ปาจรีย์ยังไม่ถึงเหรอ?”
รอยยิ้มของพงศกรจางไปชั่วขณะ ก้มหน้าแล้วตอบ “เมื่อกี้คุณปาจรีย์ส่งข้อความมาให้ผม บอกว่ามีธุระด่วน มาไม่ได้แล้ว”
“น่าเสียดายจัง” วารุณีไม่ได้คิดมาก เพียงแต่รู้สึกเสียดายนิดหน่อย
พงศกรยิ้มแล้วยื่นเมนูให้เธอ “สั่งอาหารเถอะ ดูสิว่าอยากจะกินอะไร”
“งั้นฉันก็ไม่เกรงใจแล้วนะ” วารุณีรับเมนูมาเปิดดู
หลังจากที่สั่งกับข้าวไปสามอย่าง เธอก็ได้ยื่นเมนูให้กับพงศกร
พงศกรกลับแค่ดูไปครู่หนึ่ง ไม่ได้สั่งกับข้าว แต่ได้สั่งเหล้าที่ดีกรีสูงอย่างRemy Martin Louis XIIIมาหนึ่งขวด
วารุณีเห็นแล้ว ก็มีความกังวลเล็กน้อย “คุณพงศกร เราอย่าดื่มเหล้าเลย ฉันได้ยินมาว่าเหล้ามีผลต่อความแม่นยำของมือ คุณเป็นหมอ หากทำการผ่าตัดแล้ว…….”
“ไม่เป็นไร วันนี้ผมอารมณ์ดี ดื่มนิดหน่อยไม่เป็นไร” พงศกรยิ้มๆ แสดงว่าไม่เป็นไร
เขาก็พูดขนาดนี้แล้ว วารุณีจะทำอะไรได้อีก ทำได้เพียงตามใจเขาแล้ว
ไม่นานนัก กับข้าวและเหล้าก็ถูกเสิร์ฟมาแล้วทั้งหมด
พงศกรเปิดฝาขวดเหล้า รินเหล้าสองแก้ว แล้วดันเหล้าแก้วหนึ่งไปตรงหน้าของวารุณี
วารุณียกมาขึ้นมา ไปชนแก้วของเขาเบาๆ จากนั้นก็เงยหน้าดื่มเหล้าจนหมดแก้ว
Remy Martin Louis XIIIเป็นเหล้าที่มีความแรงมากที่สุดในบรรดาเหล้าที่มีชื่อ รสชาติฉุนมาก หนึ่งแก้วลงท้อง ใบหน้าของวารุณีก็แดงขึ้นมาทันที หางตาก็ชุ่มไปด้วยเม็ดเหงื่อ
พงศกรที่เห็นแบบนี้ มุมปากที่ถูกแก้วเหล้าบดบัง โค้งขึ้นเล็กน้อยแอบมองโดยที่ไม่สามารถเข้าใกล้ได้
วารุณีไม่ทันสังเกต ดื่มน้ำไปหนึ่งอึก กลบกลิ่นเหล้าที่อยู่ในปากแล้ว ได้หยิบกล่องที่ประณีตเล็กๆกล่องหนึ่งออกมาจากกระเป๋า คุณพงศกร “ของขวัญวิทยานิพนธ์”
พงศกรคิดไม่ถึงว่าเธอจะเตรียมของขวัญให้เขา อดไม่ได้ที่จะตะลึงไปครู่หนึ่ง
แต่ไม่นาน ก็กลับมาสู่ใบหน้าที่มีรอยยิ้มอ่อนโยน แกะของขวัญออก
ในกล่องเป็นนาฬิกาหรูหนึ่งเรือน แม้ว่าจะไม่ใช่ของหรูโดยแท้จริง แต่ว่าราคาก็น่าจะไม่เบา
พงศกรได้ถอดนาฬิกาที่สวมอยู่บนข้อมือลงมา แล้วใส่นาฬิกาเรือนที่วารุณีมอบให้เขา จากนั้นก็พลิกข้อมือไปมา “คุณวารุณี ขอบคุณครับ ผมชอบมาก”
“ชอบก็ดีแล้วค่ะ” วารุณีพยักหน้าอย่างดีใจ
พงศกรก็ได้รินเหล้าให้เธออีกแก้ว
ห้องวีไอพีบนชั้นสองของห้องอาหาร ผู้ชายที่สูงคนหนึ่งเตี้ยคนหนึ่งยืนมองลงมาจากหน้าต่าง
จู่ๆผู้ชายคนที่เตี้ยก็ทำเสียงจุ๊ๆสองที พูดกับผู้ชายที่อยู่ข้างกาย “นัทธี ไอ้พงศกรคนนี้ เหมือนจะคิดไม่ซื่อนะ”