ทุกคนต่างมองหน้ากัน ไม่มีใครตอบคำถาม
สายตาที่เฉียบคมของวารุณีกวาดมองไปที่ใบหน้าของแต่ละคน “ใครเป็นคนแรกที่เห็นว่าเสื้อผ้านี้ถูกทำลาย ?”
“เราเห็นพร้อมกันค่ะ ” ท่ามกลางผู้คน หญิงสาวสามคนยกมือขึ้น
วารุณีเดินเข้าไปหา“งั้นพวกคุณบอกฉันหน่อย ตอนที่พวกคุณมาถึง เป็นเวลากี่โมง?”
“เวลาที่แน่ชัดนั้นจำไม่ค่อยได้ค่ะ แต่ก็ราวๆประมาณหกโมงเช้า ”
“แล้วตอนที่พวกคุณเข้ามาถึง เสื้อผ้าก็เสียหายแล้วเหรอ?”
“ใช่ค่ะ”หญิงสาวสามคนพยักหน้าพร้อมกัน
วารุณีหลับตาลง ครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ เดินผ่านผู้ช่วยฝ่ายเสื้อผ้าเหล่านั้นแล้วเดินไปที่ประตู ตรวจเช็กตัวล็อกของประตู
เมื่อเห็นล็อกของประตูไม่ได้รับความเสียหายอะไร ใบหน้าของเธอก็เย็นวาบราวกับน้ำแข็ง
เสื้อผ้าเสียหายตั้งแต่หกโมงเช้า จากเรื่องราวที่ได้ยินมานี้แสดงให้เห็นว่า คนร้ายเข้ามาในช่วงกลางดึก และไม่ได้ทำลายล็อกของประตู เห็นได้ชัดว่า เรื่องนี้มีพนักงานคนในของแฟชั่นพาวิลเลี่ยนร่วมด้วย
เมื่อคิดได้ดังนั้น วารุณีก็มองไปที่ผู้ช่วยฝ่ายเสื้อผ้า พูดเสียงต่ำไปว่า “พวกคุณทุกคนอยู่รวมกันที่นี่ ไม่ได้รับอนุญาตจากฉัน ห้ามออกจากห้องแต่งตัวเด็ดขาด ไม่งั้นอย่าหาว่าฉันไม่เตือน !”
พูดจบ เธอก็เดินออกจากห้องแต่งตัวไป ระหว่างทางก็โทรแจ้งตำรวจ แล้วเดินไปที่ห้องควบคุม เพื่อตรวจดูกล้องวงจรปิด
แม้เธอจะรู้ว่าวิธีนี้อาจจะไม่ได้ผลอะไร แต่ก็อยากจะลองดู
เป็นไปตามคาด อย่างที่วารุณีคิดไว้ กล้องวงจรปิดไม่มีอะไรที่น่าสงสัย
เธอใช้ความเร็วสามเท่าดูอยู่สองรอบ ดูตั้งแต่หลังจากที่เธอออกจากแฟชั่นพาวิลเลี่ยนไป จนกระทั่งถึงตอนหกโมงเช้า ในช่วงนี้ ไม่ว่าจะเป็นห้องแต่งตัว หรือโถงทางเดินที่จะไปยังห้องแต่งตัว ก็จับภาพคนที่เดินเข้าออกห้องแต่งตัวไม่ได้เลย
นี่มันเป็นไปได้ยังไง ไม่มีคนเดินเข้าห้องแต่งตัว แต่เสื้อผ้ากลับถูกทำลายเสียหาย มันไม่สมเหตุสมผลเลย
วารุณีรู้สึกว่ามันมีบางอย่างผิดปกติ แต่ก็อธิบายไม่ถูก ด้วยความสิ้นหวัง เธอทำได้เพียงให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยส่งภาพของกล้องเหล่านั้นเข้าไปที่มือถือของเธอ แล้วค่อยมาตรวจดูเอาทีหลัง
ตอนนี้สิ่งสำคัญ คือเสื้อผ้า!
กลับมาที่ห้องแต่งตัว คนในห้องแต่งตัวก็เพิ่มมากขึ้น นั้นคือนางแบบที่จะเดินโชว์
เมื่อนางแบบเห็นเสื้อผ้าที่ถูกทำลาย ต่างก็ส่งเสียงอึกทึกครึกโครมลั่นไปหมด
วารุณีนวดคลึงไปที่ขมับ กำลังจะปรบมือเพื่อให้ทุกคนเงียบลง น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยเจตนาร้ายของผู้หญิงคนหนึ่งก็ดังขึ้นมาจากทางประตู “โอ้ ที่นี่ช่างครึกครื้นดีจริงๆ !”
พิชญา!
วารุณีหันหลังไปทันที เห็นพิชญาเหน็บกระเป๋าแล้วพิงไปที่ขอบประตู ขมวดคิ้วเล็กน้อย“ เธอมาที่นี่ทำไม ?”
“ได้ยินว่าเสื้อผ้าที่เธอจะเดินแบบถูกทำลาย ฉันก็ต้องมาดูเรื่องสนุกของเธอนะสิ”พิชญาพูดอย่างมีความสุขบนความทุกข์ของวารุณี
วารุณีขบเม้มริมฝีปากแน่น “เธอได้ยินใครพูด ?”
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอ เธอน่าจะคิดว่าควรทำยังไงจะดีกว่า จุ๊ๆๆ เสื้อผ้าพวกนี้ ถูกทำลายไปแบบนี้ ช่างน่าอนาถจริงๆ !”
สายตาของพิชญาจ้องมองไปยังเสื้อผ้าในห้องแต่งตัว ดวงตาก็เต็มไปด้วยความพึงพอใจ
เห็นท่าทีตื่นเต้นอย่างมากของเธอ วารุณีหรี่ตาลง “เธอใช่ไหม ?”
“อะไร?”พิชญาหน้าเหวอ
วารุณีเดินเข้ามาใกล้เธอ น้ำเสียงหนักแน่น “เสื้อผ้าพวกนี้เธอเป็นคนทำลายใช่ไหม?”
ดวงตาของพิชญาฉายแสงวูบหนึ่ง แล้วก็พลันหายไป เธอหัวเราะออกมา“ เธอเอาอะไรมากล่าวหาฉัน ? มีหลักฐานเหรอ?”
“ฉันไม่มีหลักฐานก็จริง แต่ข้อสงสัยหลายอย่างชี้ชัดไปที่เธอ”วารุณีจ้องเขม็งไปที่เธอ
พิชญาจ้องกลับอย่างไม่สะทกสะท้านอะไร “โอ้ ?ไหนพูดมาสิ ข้อสงสัยอะไร”
วารุณีพูดอย่างไร้อารมณ์ไปว่า “อย่างแรกเลยเธอไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในโครงการ‘Bath fire rebirth’นี้ แต่กลับรู้เรื่องเสื้อผ้าถูกทำลายอย่างรวดเร็ว มันชี้ชัดว่าเรื่องนี้เธอมีส่วนเกี่ยวข้อง และอย่างที่สองคือความแค้นระหว่างเรา เธอจ้องจะเอาคืนฉันอยู่หลายครั้ง เพราะฉะนั้นฉันจึงสงสัยเธอที่สุด”
ราวกับได้ยินเรื่องที่ตลกที่สุด พิชญากุมท้องหัวเราะออกมาเสียงดัง“ ไม่เลวใช้ได้ เป็นเหตุผลที่ยอดเยี่ยมมาก แต่น่าเสียดาย……”
“เสียดายอะไร?”วารุณีขมวดคิ้ว
พิชญาปาดน้ำตาที่เล็ดออกมาจากการหัวเราะมากเกินไป“ เสียดายที่ทุกอย่างผิดหมด เธอจบแน่วารุณี ฉันรอให้เธอจบงานวันนี้แล้วถูกลบชื่อออกจากวงการแฟชั่น !”
หลังจากที่พูดจบ หญิงสาวที่สวมใส่รองเท้าส้นสูง ก็หันหลังเดินจากไป
วารุณีมองแผ่นหลังของเธอ เลิกคิ้วแล้วพึมพำ“ ฉันจบงั้นเหรอ ? จะเป็นไปได้ยังไง!”
ละสายตากลับ วารุณีก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกจากกระเป๋า แล้วกดโทรออก “ฮัลโหล ปาจรีย์ ของที่ฉันให้ไปคราวที่แล้ว เธอส่งมาให้ฉันภายในครึ่งชั่วโมงได้ไหม ?”
“ได้สิ เกิดอะไรขึ้น?”ปาจรีย์ถามกลับ
วารุณีคลึงขมับไปมา “เดี๋ยวเธอมาถึงก็รู้เอง เร็วหน่อยนะ ฉันจะรออยู่ที่หน้าประตูแฟชั่นพาวิลเลี่ยน”
“ได้ๆ!”ปาจรีย์พยักหน้า
หลังจากที่วางสายไป วารุณีก็หาพนักงานที่ร่างกายกำยำแข็งแรง ออกมายืนรอที่หน้าประตูแฟชั่นพาวิลเลี่ยนพร้อมกัน
รออยู่ราวๆยี่สิบนาที ปาจรีย์ก็ขับรถบรรทุกเล็กเข้ามา
วารุณีให้พนักงานขนกล่องที่อยู่บนรถบรรทุกลงมา เธอยืนกำกับอยู่ข้างๆด้วยตัวเอง “ระวังหน่อย อย่าให้มันกระแทกใส่กัน ที่ฉันเช็กแล้ว ย้ายเข้าไปในห้องแต่งตัวได้เลย ปาจรีย์เธอมากับพวกเรา มาเฝ้าให้หน่อย ห้ามให้ใครแกะกล่องพวกนี้เด็ดขาด หากใครขัดคำสั่ง ก็ไล่ออกไปได้เลย”
“ได้!”ปาจรีย์รับคำ
หลังจากที่เธอเดินจากไป รถสีดำคันหนึ่งก็มาหยุดลงตรงหน้าของวารุณี กระจกด้านหลังรถเลื่อนลงมา เผยให้เห็นใบหน้าที่หล่อเหลาของนัทธี
เขามองดูวารุณีที่กำลังก้มๆเงยๆ และหมุนไปรอบๆกล่องกระดาษเหล่านั้น ก็ขมวดคิ้วขึ้นมา “คุณกำลังทำอะไร ?”
“ประธานนัทธี”วารุณีได้ยินเสียงของเขา ก็ยืนตัวตรงแล้วมองไปทันที
นัทธีตอบรับไปคำหนึ่ง “นี่มันคืออะไร?”
“เสื้อผ้าค่ะ”วารุณีปิดสมุดที่จดบันทึกลงแล้วตอบกลับไป
นัทธีเลิกคิ้ว “เสื้อผ้า?”
วารุณีพยักหน้า “แค่นี้ก่อนนะคะประธานนัทธี ไว้เราค่อยคุยกัน งานแสดงใกล้จะเริ่มขึ้นแล้ว ฉันต้องรีบไปเตรียมตัวก่อน แล้วเจอกันนะคะ !”
หลังจากพูดจบ เธอให้พนักงานที่เหลือยกกล่องทั้งหมดนั้น เดินตามหลังไป
นัทธีมองแผ่นหลังที่รีบร้อนของเธอ ดวงตาก็หรี่ลง “ไปเช็กดูหน่อย ว่าเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า ”
“ครับ”มารุตที่นั่งอยู่ด้านข้างคนขับตอบรับทันที
สิบนาทีต่อมา มารุตที่มีสีหน้าไม่ดีเดินเข้ามาที่ห้องรับรองของนัทธี “ ท่านประธานครับ ตรวจเช็กมาแล้ว เกิดเรื่องขึ้นจริงๆ เสื้อผ้าที่ต้องเอามาแสดง ถูกคนทำลายจนเสียหายครับ ”
“อะไรนะ?”สีหน้าของนัทธีมืดมัว “ฝีมือใคร?”
“ตอนนี้ยังไม่ทราบครับ คุณวารุณีแจ้งความกับตำรวจแล้ว และตอนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจก็มาตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุแล้วครับ แต่ยังไม่ทราบผลอะไร”
“เหรอ?!”นัทธีกำหมัดแน่น ไอเย็นในร่างแผ่ซ่านออกมา “งั้นก็เร่งดำเนินการสืบสวน หาตัวคนคนนี้ออกมาให้ได้ !”
ทำลายเสื้อผ้างานแสดงโชว์ ไม่เพียงทำลายวารุณี ชื่อเสียงของบริษัทไชยรัตน์กรุ๊ป ก็จะเสียหายไปด้วยเช่นกัน
เพราะฉะนั้นคนคนนี้ เขาไม่ปล่อยไว้เด็ดขาด !
“ครับ!”มารุตพยักหน้ารับคำ
นัทธีลุกขึ้นยืน แล้วเดินออกจากห้องรับรองมุ่งตรงไปยังห้องแต่งตัว
เมื่อไปถึงที่ประตูห้องแต่งตัว เขาไม่ได้เข้าไป แต่ยืนเคาะประตูอยู่ตรงด้านนอก
คนที่มาเปิดประตูคือปาจรีย์ เมื่อเห็นเขาหญิงสาวก็รู้สึกประหลาดใจ “ประธานนัทธี”
นัทธีไม่ได้ถามเธอว่ามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง พูดเสียงแผ่วไปว่า “วารุณีล่ะ?”
“ดูนางแบบแต่งหน้าอยู่ด้านในค่ะ”ปาจรีย์ตอบกลับ
นัทธีเงยหน้าขึ้น “ผมต้องการพบเธอ ”
“ได้ค่ะ ฉันจะไปตามให้เดี๋ยวนี้”
พูดจบ ปาจรีย์ก็หันหลังแล้วตะโกนขึ้นว่า “วารุณีประธานนัทธีมาหาเธอ ”
“มาแล้วๆ!”วารุณีตอบกลับ
สิบวินาทีต่อมา เธอก็มาถึงที่ประตู “ประธานนัทธี มาหาฉันมีธุระอะไรหรือเปล่าคะ ?”
“ออกมาคุยกันข้างนอก”นัทธีชี้ไปที่โถงทางเดิน
วารุณีไม่ได้คัดค้านอะไร เดินตามเขาไปสองสามก้าว ถึงยังตรงปลายทางเดินที่เงียบๆแล้วหยุดลง
“เรื่องเสื้อผ้า ผมรู้เรื่องแล้ว ”นัทธีหันกลับมา เป็นฝ่ายเริ่มพูดก่อน