วารุณียิ้มอย่างเขินอาย“ ต้องขอโทษประธานนัทธีด้วย ที่ฉันคิดเองเออเอง ไม่ได้แจ้งให้คุณทราบ”
นัทธีส่ายหัว มองดูเธออย่างชื่นชม“คุณทำได้ดี หากไม่ใช่เพราะคุณเตรียมการไว้ล่วงหน้า งานแสดงของวันนี้ คงพังไปแล้ว!”
“ก็ใช่นะสิคะ”วารุณีเม้มปากอย่างมีอารมณ์
เธอก็แอบชื่นชมกับสิ่งที่เธอทำในตอนนั้นเช่นกัน
พิชญาที่ฟังอยู่ก็เข้าใจแล้วเช่นกัน
มิน่าเสื้อผ้าของนางแบบที่ใส่เดินโชว์นั้นจึงยังอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์
ที่แท้ความจริงก็เป็นอย่างนี้นี่เอง !
วารุณีหัวเราะ “ผู้จัดการพิชญา แปลกใจไหมคะ ?”
พิชญายิ้มเยาะอย่างดูหมิ่น “เหอะ ไม่ได้แปลกใจอะไรเลย แค่ประหลาดใจ แต่ที่เธอพูดมาทั้งหมดนี้จะมีประโยชน์อะไร ฉันก็ยังยืนยันคำเดิม ฉันไม่ได้ทำ!”
“จริงเหรอ?”รูม่านตาสีดำสนิทของนัทธีจ้องมองไปที่เธอ
ดวงตาของพิชญาไหววูบไปชั่วขณะ แล้วก็พยักหน้า“ ฉันสาบาน เรื่องนี้ฉันไม่ได้ทำจริงๆ”
“แล้วคนคนนี้ล่ะคุณรู้จักไหม ”นัทธีปรบมือขึ้นสองที บอดี้การ์ดคนหนึ่งก็พาตัวผู้ชายคนหนึ่งเข้ามา
เมื่อเห็นชายคนนั้น พิชญาก็ตื่นตกใจ แล้วเก็บอาการลงไปอย่างรวดเร็ว
“ดูแล้วเหมือนคุณจะรู้จักเขานะ” ริมฝีปากบางของนัทธีมีไอเย็นแผ่ซ่านออกมาเล็กน้อย
พิชญาสูดหายใจเข้าลึก เหมือนจะเทหมดหน้าตัก “ใช่ ฉันรู้จักเขา”
วารุณีเลิกคิ้ว
ยอมรับเร็วดีจริงๆ !
“ไหนคุณบอกมาสิ ว่าเขาเป็นใคร?”นัทธีผลักชายคนนั้นไปตรงด้านหน้าของพิชญา
ยังไม่ทันที่พิชญาจะได้เปิดปากพูด วารุณีก็จ้องมองไป จู่ๆก็ทุบฝ่ามือไปที่ชายคนนั้นทันที“ห๊า ฉันจำเขาได้ เขาคือพนักงานคนเมื่อวานที่มาบอกฉันว่าพิชญามาหาฉัน!”
“ครับผมเอง ขอโทษครับ ผมก็ถูกเงินบังตา เป็นเพราะคุณพิชญาบอกว่า หากช่วยเธอปั๊มกุญแจห้องแต่งตัวมาได้ แล้วเอารูปถ่ายไปติดไว้กับกล้องวงจรปิด ก็จะให้ผมห้าแสน ผมเลย……” ชายหนุ่มก้มหน้าลงด้วยความละอาย
วารุณีสีหน้ามึนงง “รูปถ่าย ? รูปถ่ายอะไร ?”
“รูปถ่ายห้องแต่งตัว และโถงทางเดินที่ไปยังห้องแต่งตัว”นัทธีเม้มริมฝีปากบาง แล้วอธิบายให้เธอ
วารุณีขมวดคิ้ว จากนั้นก็เข้าใจทันที “ ฉันรู้แล้ว พิชญาถ่ายรูปของห้องแต่งตัวและโถงทางเดินเอาไว้ จากนั้นก็นำรูปถ่ายไปติดไว้ที่หน้ากล้องวงจรปิด แล้วสิ่งที่กล้องวงจรปิดจับภาพได้ ก็จะเป็นห้องแต่งตัวและโถงทางเดินที่ไม่มีคนอยู่ตลอดเวลา”
“ถูกต้อง”นัทธีพยักหน้า
วารุณีขบริมฝีปาก“ มิน่าล่ะฉันถึงรู้สึกว่ากล้องวงจรปิดมันแปลกๆ ที่แท้ปัญหาก็อยู่ตรงนี้นี่เอง !”
ต้องยอมรับจริงๆ วิธีนี้ของพิชญา ถือว่าฉลาดมาก เกือบจะหลอกทุกคนได้แล้ว
วารุณีมองไปที่พิชญาอย่างแค้นเคือง
พิชญาก็จ้องมองกลับ จากนั้นก็รีบหันมองไปที่นัทธี“นัทธีฉันยอมรับ ว่าฉันใช้เงินซื้อคนคนนี้มา ตอนแรกฉันมีความคิดที่จะทำลายเสื้อผ้าเหล่านั้น เพราะฉันเกลียดวารุณี สถานะคุณหนูใหญ่ของตระกูลศรีสุขคําและคู่หมั้นของคุณ เป็นเพราะเธอทุกอย่างถึงได้ตกมาอยู่กับฉัน เพราะฉะนั้นตลอดเวลาฉันไม่มีความมั่นใจอะไรเลย ฉันต้องการให้วารุณีไปให้พ้นๆ แต่……”
“แต่อะไร?”สีหน้าของนัทธีมืดมน
วารุณีก็มองไปที่พิชญาด้วยความประหลาดใจ
เธอไม่คิดมาก่อนว่า พิชญาจะพูดความเกลียดชังที่มีต่อเธอออกมาตรงๆแบบนี้
“แต่ฉันกล้าสาบาน ว่าฉันไม่ได้ทำลายเสื้อผ้าพวกนั้นจริงๆ!”พิชญาชูสามนิ้วขึ้น
พนักงานคนนั้นก็พูดขึ้นในตอนนี้ด้วยเช่นกันว่า “ สิ่งที่คุณพิชญาพูดเป็นเรื่องจริงครับ เธอให้ผมไปจัดการกับกล้องวงจรปิดแล้วไปช่วยเหลือเธอที่ห้องแต่งตัว แต่ตอนที่เราไปถึงที่ห้องแต่งตัว เสื้อผ้าเหล่านั้นก็ถูกทำลายไปหมดแล้ว !”
“อะไรนะ?”วารุณีอุทานออกมาอย่างไม่อยากเชื่อ
นัทธีก็ประหลาดใจเช่นกัน จนคิ้วขมวดแน่น
พิชญากำหมัดแน่น ใบหน้าแสดงออกถึงความโกรธที่มี“ คนที่ทำลายเสื้อผ้าตัวจริง คงอยากที่จะใส่ร้ายป้ายสีฉัน คงเหมือนครั้งที่แล้วที่วารุณีถูกตำรวจทำร้ายที่โรงพัก เห็นๆอยู่ว่าตำรวจคนนั้นไม่ได้ถูกฉันจ้างวาน แต่พวกคุณทุกคนต่างก็เอาแต่สงสัยฉัน”
แม้ว่าเธอจะรู้สึกพอใจที่เห็นคนอื่นทำลายเสื้อผ้าเหล่านั้น แต่เธอก็รับไม่ได้ที่จะต้องมารับเคราะห์แทนคนอื่นแบบนี้
“เธอบอกว่าครั้งที่แล้วที่ติดสินบนเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่ใช่ฝีมือเธอ ?”วารุณีในตอนนี้ก็รู้สึกมึนงงสับสน
เธอคิดว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งสองครั้งนั้นล้วนเป็นฝีมือของพิชญา
แต่ผลกลับไม่ใช่
“ไร้สาระ ไม่ใช่ฉันแน่นอน หากฉันเป็นคนติดสินบนจริง เธอคิดว่าฉันจะได้ออกมาอย่างครบสมบูรณ์เหรอ ?” พิชญามองเหยียดวารุณี
วารุณีกลัดกลุ้ม แววตาคาดเดาไม่ได้“ หากเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นไม่ใช่ฝีมือเธอ แล้วเป็นฝีมือใครกัน?”
“ใครจะไปรู้ว่านอกจากฉันแล้ว เธอจะมีศัตรูที่ไหนอีก ”พิชญาส่งเสียงหึในลำคอ
นัทธีมือลูบคาง หลุบตาลงต่ำไม่รู้กำลังคิดอะไรอยู่
ผ่านไปสักพัก ก็วางมือลง แล้วมองไปที่พิชญาอย่างเย็นชา “ในเมื่อเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ไม่ใช่ฝีมือเธอ แต่ก็จะปล่อยเลยตามเลยไม่ได้ มารุต”
นัทธีส่งเสียงเรียก
มารุตก็ลุกยืนขึ้น
นัทธีชี้ไปที่พิชญา “พาตัวเธอกลับไปที่ตระกูลศรีสุขคํา บอกคุณสุภัทร ว่าดูเธอให้ดีๆ ไม่อย่างนั้นเกิดอะไรขึ้นผมจะไปหาเขาแน่นอน ”
“ครับ”มารุตพยักหน้า จากนั้นก็เดินไปที่พิชญา
พิชญาถอยร่นออกไป“นัทธี ฉันบอกไปแล้วว่าไม่ใช่ฝีมือฉัน ทำไมคุณยังต้องลงโทษฉันอีก?”
“เพราะเธอมีเจตนาไง”วารุณีกล่าว
นัทธีพยักหน้า“คุณต้องขอบคุณที่เธอทำมันไม่สำเร็จ ไม่อย่างนั้นชื่อเสียงของบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ปในวันนี้ คงถูกเธอทำลายไปแล้ว!”
ร่างของพิชญาสะดุ้ง “มัน…… มันก็ไม่ขนาดนั้นไหม ?”
“พรืด!”เมื่อได้ยินคำนี้ วารุณีอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “ผู้จัดการพิชญา คุณคิดว่าประธานนัทธีล้อเล่นกับคุณอยู่เหรอ ? งานแสดงของวันนี้ แขกที่รับเชิญมาล้วนแต่เป็นผู้มีอิทธิพลมีตำแหน่งของแบรนด์ในต่างประเทศ ไม่เพียงเท่านี้ ไม่ว่าจะเป็นนักวิจารณ์หรือนางแบบ ล้วนแต่เป็นผู้ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก รวมถึงสื่อด้วย”
“คุณวารุณีพูดถูก”มารุตพูดเสริมขึ้นมาทันที “เราเชิญผู้มีชื่อเสียงมากมายเหล่านี้ ก็เพื่อทำให้บริษัทเสื้อผ้านั้นมีชื่อเสียงไปทั่วโลก หากไม่ใช่เพราะคุณวารุณีสำรองเสื้อผ้าเอาไว้ งานแสดงของวันนี้ไม่เพียงบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ปจะกลายเป็นตัวตลก แต่จะทำให้แขกเหรื่อเหล่านั้นต่อต้านบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ปอีกด้วย เพราะพวกเขาจะคิดว่าบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ปกำลังเล่นตลกกับพวกเขา!”
“ตอนนี้คุณเข้าใจแล้วหรือยัง ? ”นัทธีก้มต่ำมองจากที่สูง จ้องไปที่พิชญา
“ฉัน……”พิชญาอึกอัก พูดไม่ออก จากนั้นก็ถูกมารุตพาตัวออกไปอย่างว่าง่าย
ส่วนพนักงานคนนั้น ก็ถูกบอดี้การ์ดนำตัวไปให้กับทางตำรวจ
เพียงไม่นาน ในห้องรับรองก็เหลือเพียงนัทธีกับวารุณีสองคน
นัทธีมองดูเวลา แล้วพูดกับวารุณีไปว่า “ผมจะส่งคุณกลับบ้าน ”
“ค่ะ”วารุณีตอบรับทันที
ทั้งสองคนเดินตามกันไปที่ลานจอดรถ
ระหว่างทาง วารุณีมองไปที่นัทธีอยู่หลายครั้ง แต่แล้วก็อดไม่ได้ที่จะถามไปว่า“ประธานนัทธี ขอโทษด้วยนะคะ ถึงแม้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนี้จะไม่ใช่ฝีมือของพิชญา แต่พิชญาพูดถูก ฉันคงจะมีศัตรูที่เป็นคนอื่นจริงๆฉัน……”
“บางทีอาจจะไม่ใช่ศัตรูของคุณก็ได้”นัทธีหรี่ตาลงแล้วพูดขัดเธอขึ้นมา
วารุณีกะพริบตาปริบๆ “ประธานนัทธีหมายความว่า ……”
“เป็นไปได้ว่า ผู้ที่ลงมือในครั้งนี้ พุ่งเป้ามาที่ผมกับบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ป ”นัทธีเหล่ตามองแล้วตอบกลับ
ในฐานะผู้มีอำนาจของบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ป ไม่ว่าจะในเรื่องของธุรกิจ หรือเรื่องส่วนตัว คนที่ไม่ชอบขี้หน้าเขานั้นมีอยู่มาก คนที่อยากจะเลื่อยขาเก้าอี้เขาก็มีอยู่มากเช่นกัน นิรุตติ์ก็เป็นหนึ่งในนั้น
บางทีเรื่องนี้ อาจจะเป็นฝีมือของนิรุตติ์ก็เป็นได้?
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ มือที่ล้วงกระเป๋าของนัทธีก็กำแน่น“เรื่องนี้ ผมจะตรวจสอบอย่างละเอียด เพื่อให้คำอธิบายกับคุณ ”
“ค่ะ”วารุณีพยักหน้า
หลังจากหนึ่งชั่วโมงผ่านไป ก็มาถึงที่คอนโด
นัทธีจอดรถไว้ชั้นล่าง“ คุณกลับไปพักผ่อนสักสองสามชั่วโมงเถอะ แล้วงานเลี้ยงค่ำนี้อย่าไปสายก็แล้วกัน ”
“ทราบแล้วค่ะ”วารุณีโบกมือให้เขา
นัทธีเลื่อนปิดหน้าต่างรถ จากนั้นก็สตาร์ทรถแล้วขับออกไป
วารุณียืนมองเขาขับรถออกไป จนลับตา แล้วจึงหันหลังเดินกลับเข้าคอนโดไป