กลับมาถึงที่คอนโด ปาจรีย์จูงมือเด็กทั้งสองคนไปรอรับที่หน้าประตู
“วารุณี ในที่สุดเธอก็กลับมาแล้ว ”
“หม่ามี๊ กอดๆ!”เด็กทั้งสองคนตรงไปที่วารุณีแล้วกางแขนออกพร้อมกัน
วารุณีย่อตัวลง แล้วกอดพวกเขาสองคนเข้าด้วยกัน“ อยู่บ้านเชื่อฟังแม่บุญธรรมหรือเปล่า ?”
“เชื่อฟัง”เด็กทั้งสองพยักหน้าพร้อมกัน
วารุณีลูบไปที่ศีรษะของเด็กน้อยทั้งสอง“ งั้นก็ดีแล้ว พอแล้ว กลับเข้าไปเล่นที่ห้องกันเถอะ แม่มีธุระจะคุยกับแม่บุญธรรมสักหน่อย”
“ครับ/ค่ะ”เด็กทั้งสองจับมือกัน แล้วกลับเข้าไปที่ห้อง
ตรงประตูจึงเหลือเพียงวารุณีกับปาจรีย์
วารุณีเปลี่ยนรองเท้า แล้วเดินไปที่ห้องรับแขกกับปาจรีย์
ปาจรีย์รินน้ำให้เธอแก้วหนึ่ง จากนั้นก็ถามอย่างร้อนใจไปว่า “เป็นยังไงบ้าง พิชญาถูกลงโทษไหม ?”
วารุณีส่ายหัว “ไม่ใช่ฝีมือเธอ”
“อะไรนะ?ไม่ใช่ฝีมือเธอ?”ปาจรีย์อุทานออกมาด้วยความตกใจ“แล้วฝีมือใคร?”
“ฉันไม่รู้ เพราะฉะนั้นฉันเลยอยากถามเธอ เป็นไปได้ไหมว่าจะเป็นศัตรูของเราที่อยู่ต่างประเทศ ?”วารุณีจิบน้ำไปแล้วถามออกมา
ปาจรีย์ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ปฏิเสธไปทันทีว่า“ ไม่น่าจะเป็นไปได้ ไม่ได้ยินข่าวว่าพวกเขากลับมาที่ประเทศจีนนะ”
“ก็ใช่”วารุณีถอนหายใจเบา แล้วไม่ได้พูดอะไรอีก
ศัตรูของเธอไม่ได้มีมากเท่าไร นอกจากพิชญาแม่ลูกแล้ว ก็เป็นเพื่อนร่วมชั้นชาวต่างชาติพวกนั้น เพราะในตอนที่อาจารย์เลือกลูกศิษย์นั้นอาจารย์เลือกเธอ จึงทำให้พวกเขาไม่พอใจและเกลียดเธอ จึงเกิดความขัดแย้งกันอยู่ตลอด
ในเมื่อหากพวกเขาไม่ได้มาที่ประเทศจีน และไม่ใช่ฝีมือของพิชญา และนางขยานีก็ไม่ได้มีความสามารถขนาดนั้น ดูไปแล้วก็น่าจะเป็นฝีมือของศัตรูทางฝั่งนัทธีแล้วล่ะ
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ วารุณีก็ปวดหัวจนต้องบีบจมูก ความรู้สึกที่ต้องเข้าไปพัวพันกับบุญคุณความแค้นแบบนี้ ช่างน่าอึดอัดยิ่งนัก
ในตอนค่ำ หลังจากที่วารุณีฝากเด็กทั้งสองคนไว้กับปาจรีย์ ก็เปลี่ยนชุดแล้วเดินทางไปที่โรงแรม เพื่อร่วมงานเลี้ยงฉลองของ ‘Bath fire rebirth’
งานเลี้ยงฉลองนี้ นอกจากพนักงานของบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ปแล้ว ยังมีนักวิจารณ์และนางแบบที่มาร่วมด้วย ดังนั้นงานจึงได้จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่มาก
วารุณีในฐานะหัวหน้าผู้ออกแบบของ‘Bath fire rebirth’ พอมาถึงก็ได้รับความสนใจมากเป็นพิเศษ แบรนด์ต่างๆต่างก็เข้ามาผูกมิตรไมตรีด้วย
ในเวลาเพียงไม่กี่สิบนาที นามบัตรในมือของเธอก็หนาเป็นปึกแล้ว
“คุณวารุณี”มารุตเดินมาทางด้านหลังของวารุณี
วารุณีเก็บนามบัตรเข้าในกระเป๋าถือ แล้วหันกลับไปหาเขา “ผู้ช่วยมารุต”
“ท่านประธานขอเชิญตัวคุณสักครู่”มารุตชี้ไปยังด้านหน้า
วารุณีมองตามไป เห็นนัทธีถือไมโครโฟนยืนอยู่ด้านล่างของเวที และกำลังพูดอะไรบางอย่างกับพนักงานเสิร์ฟ จากนั้นก็พยักหน้า“ฉันทราบแล้วค่ะ จะไปเดี๋ยวนี้ ”
เธอก้าวเท้าแล้วเดินมุ่งตรงไปหานัทธี
เมื่อมาถึงตรงหน้านัทธี เธอก็เอ่ยเรียกเสียงเบา “ประธานนัทธี”
นัทธีหยุดการสนทนากับพนักงานเสิร์ฟ แล้วหันข้างมองมา“ คุณมานานแค่ไหนแล้ว?”
“สักพักแล้วค่ะ ประธานนัทธีหาฉันมีธุระอะไรหรือเปล่าคะ ?”วารุณีเอ่ยถาม
นัทธีไม่ได้ตอบ หลังจากที่ปรับระดับเสียงของไมโครโฟนแล้ว ก็พูดกับเธอไปว่า “ เรื่องของรางวัล”
พูดจบ เขาก็หยิบไมโครโฟนแล้วขึ้นไปบนเวที
การปรากฏตัวของเขา ทั่วบริเวณห้องโถงของงานเลี้ยงก็เงียบลง ทุกสายตาหันไปมองที่เขา
นัทธีเทสเสียงไมโครโฟนไปสองที ริมฝีปากบางก็พูดขึ้นว่า “ยินดีต้อนรับเข้าสู่งานเลี้ยงฉลองของคืนนี้ ทุกคนต่างก็รู้กันดี งานแสดงของวันนี้ประสบความสำเร็จอย่างมาก ทุกคนล้วนเป็นบุคคลสำคัญ และรางวัลก็ขาดไม่ได้ ตอนนี้คนที่ผมเอ่ยชื่อให้ขึ้นมารับรางวัลด้วย คนแรก คุณวารุณี !”
ข้างล่างของเวทีก็มีเสียงปรบมือของผู้ชมดังขึ้นทันที
วารุณียกยิ้มแล้วเดินขึ้นไปบนเวที ยืนอยู่ข้างๆนัทธี
นัทธีหยิบเช็คใบหนึ่งมอบให้เธอ
วารุณีรับเช็คนั้นมาด้วยสองมือ แล้วมองดู ก็ตกใจขึ้นมาทันที “ประธานนัทธี มันเยอะเกินไปหรือเปล่าคะ ?”
เธอรู้ว่าหลังจบงานแสดงโชว์แล้ว จะได้รับรางวัลก้อนโต
แต่ก็ไม่คิดว่า จะได้ถึงห้าล้าน!
ริมฝีปากบางของนัทธีก็อธิบายเสียงแผ่วไปว่า “ไม่ได้มากอะไรเลย ความสำเร็จของงานแสดงโชว์ครั้งนี้ สื่อให้เห็นถึงบริษัทเสื้อผ้าแบรนด์หรูระดับไฮเอนด์ทั้งหลายที่กำลังจะเกิดขึ้นใหม่ภายใต้บริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ป เรียกได้ว่าคุณได้สร้างเม็ดเงินกว่าพันล้านให้กับบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ป และบรรดาบริษัทลูกอีกนับหมื่นล้าน เพราะฉะนั้นที่ให้ไปนี้ก็ถือว่ายังน้อย ”
เมื่อได้ยินเขาพูดแบบนี้ วารุณีก็เบาใจ รับเช็คนั้นมาด้วยความเบิกบานใจ ยิ้มกริ่มจนตาหยี“ งั้นต้องขอบคุณประธานนัทธีแล้วค่ะ”
ท่าทางที่เห็นแก่เงินแบบนี้ของเธอ ทำให้นัทธีอดกลั้นที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ แววตาประกายยิ้ม แล้วก็ขานรายชื่อคนต่อไป
วารุณีไม่ได้ยืนบื้ออยู่บนเวทีต่อ หันหลังเดินลงเวที รับคำยินดีจากผู้คนด้านล่างของเวที เธอส่งยิ้มตอบกลับอย่างยินดีเช่นกัน
แต่ต้องตอบรับคำยินดีอยู่อีกนาน เธอก็เริ่มที่จะรับมือไม่ไหว จึงได้หาข้ออ้าง แล้วขอตัวไปยังพื้นที่บริเวณที่นั่งเพื่อพักผ่อน
แต่เมื่อมาถึงที่โซนพักผ่อนได้ไม่นาน ก็ถูกคนผู้หนึ่งทักขึ้นมา “คุณวารุณี ยินดีด้วยครับ หลังจากวันนี้เป็นต้นไป คุณก็เป็นนักออกแบบที่มีชื่อเสียงแล้ว !”
เมื่อได้ยินเสียงนี้ หลังวารุณีก็ยืดตรง หันกลับไปมอง เห็นคนสองคนที่ยืนอยู่ด้วยกัน ก็มีอาการตกใจขึ้นมา
“ผู้อำนวยการนิรุตติ์ คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงคะ ?”วารุณีจ้องมองไปที่นิรุตติ์ ถามออกไปด้วยความสงสัย
นิรุตติ์มือดันไปที่กรอบแว่น“วันนี้เป็นงานเลี้ยงฉลอง ผมก็เป็นผู้บริหารของบริษัท มาร่วมงานเลี้ยงก็สมควรนี่ครับ ”
ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง!
ฉับพลันสายตาวารุณีไหววูบ แล้วหายวับไป เธอวางแก้วไวน์ในมือลง “ถ้าอย่างนั้นผู้อำนวยการนิรุตติ์ก็เชิญพักผ่อนตามสบาย ดิฉันไม่รบกวนแล้วค่ะ”
พูดจบ ก็เตรียมที่จะเดินออกไป เพื่อไปพักผ่อนยังจุดอื่น
ยังไงเสีย ก็คือไม่อยากที่จะอยู่กับนิรุตติ์นั่นแหละ
แต่นิรุตติ์กลับคว้าไปที่แขนของเธอ ยิ้มอย่างมีเลศนัย “ทำไมครับ ผมเพิ่งมาถึงคุณก็จะไปซะแล้ว กลัวผมขนาดนี้เลยเหรอ ?”
วารุณีดึงแขนออกด้วยความรังเกียจ “ผู้อำนวยการนิรุตติ์ กรุณาอย่าทำตัวรุ่มร่ามกับฉัน การกระทำของคุณสร้างความอึดอัดใจกับฉันมาก หากยังมีครั้งต่อไป ฉันจะแจ้งความข้อหาคุกคาม!”
“โอ้!”นิรุตติ์ทำตัวกร่างไม่สนใจแล้วผิวปาก “ไม่เจอหลายวัน อารมณ์คุณฉุนเฉียวได้ถึงขนาดนี้เลยเชียวเหรอ”
วารุณีปัดไปที่แขนราวกับมีฝุ่นเกาะ ไม่ปิดบังความรังเกียจที่มีบนใบหน้า “อารมณ์ของฉันจะดีหรือร้าย ก็ต้องดูคนค่ะ”
“จริงเหรอ” นิรุตติ์มือลูบคางแล้วพยักหน้า “ คุณอารมณ์ดีได้กับทุกคน แต่ร้ายกับผมคนเดียว นี่แสดงว่าผมเป็นคนพิเศษสำหรับคุณใช่ไหม ? ”
เขาชี้ไปที่ตรงหัวใจของเธอ
วารุณีขมวดคิ้ว “คุณคิดมากไปแล้ว ฉันแทบไม่เคยคิดอะไรกับคุณเลย ”
นิรุตติ์รู้สึกขำ หลังจากหัวเราะแล้ว ก็ถอดแว่นตาออกมาแล้วเช็ด “อ๋อ ? จริงเหรอ ? งั้นผมจะคอยดู ว่าผมจะเข้าไปอยู่ในใจคุณได้ไหม”
“คุณลองดูได้ค่ะ” วารุณีพูดด้วยใบหน้าที่เย็นชา
สายตาราวกับเหยี่ยวของนิรุตติ์จ้องมองไปที่เธอ หลังจากที่มองอยู่สักพัก ก็ยกยิ้มแล้วผละสายตาออก “ ผมต้องลองดูอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ผมมีเรื่องจริงจัง คุณวารุณี ผมได้ยินมาว่าคุณไม่ใช่พนักงานประจำของบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ปเหรอ ?”
วารุณีพยักหน้า“ค่ะใช่ ทำไมเหรอคะ ?”
นี่มันไม่ใช่ความลับอะไร
และเธอเองก็ไม่คิดที่จะปิดบัง
นิรุตติ์โน้มตัวขยับเข้าไปใกล้เธอ “คุณสนใจที่จะไปอยู่กับผมไหม ? ”
“หืม?”วารุณีก้าวถอยหลัง “ผู้อำนวยการนิรุตติ์ คุณหมายความว่ายังไง ? ”
“ผมเตรียมจะเปิดบริษัทเสื้อผ้าของตัวเอง อยากให้คุณมาทำงานด้วย ขอแค่คุณตกลง ตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายออกแบบจะเป็นของคุณทันที ”
ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง มาเพื่อแย่งตัวเธอ !
วารุณีสะบัดผม “ต้องขออภัยด้วยผู้อำนวยการนิรุตติ์ ฉันยังไม่มีแผนที่จะย้ายงานตอนนี้ค่ะ”
“เพราะอะไร หรือคุณยินดีที่จะอยู่ช่วยงานนัทธี เป็นแค่นักออกแบบตัวเล็กๆคนหนึ่ง?”นิรุตติ์หรี่ตาลง ไม่พอใจเล็กน้อย กับการปฏิเสธของเธอ
ริมฝีปากของวารุณีขยับ กำลังจะพูดออกไป เสียงของนัทธีก็ดังขึ้นจากทางด้านหลัง “แน่นอนว่าเธอจะไม่ได้เป็นแค่นักออกแบบตัวเล็กๆ ด้วยความสามารถของเธอ ตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายออกแบบก็ไม่ใช่แค่เป้าหมายของเธอ ”
“ประธานนัทธี!”วารุณีหันกลับไปมองด้วยความดีใจ