นัทธีมองเธอจากกระจกมองหลัง“คุณถามสิ”
“ประธานนัทธีคิดว่า คนที่อยากฆ่าฉัน จะเป็นพิชญาหรือไม่?”วารุณีบีบฝ่ามือไว้แล้วพูด
เอี๊ยด!
นัทธีเหยียบคันเร่ง แล้วหยุดรถลง
ร่างไม่กี่คนในรถเอนไปด้านหน้าอย่างควบคุมไม่อยู่ สุดท้ายก็ถูกเข็มขัดนิรภัยดึงกลับไป
แต่เด็กทั้งสองคนกลับตื่นเพราะสิ่งนี้
“หม่ามี๊ เกิดอะไรขึ้นคะ?”ไอริณขยี้ตา หรี่ตาลงถาม
อารัณนั่งขึ้นมา มองซ้ายมองขวา“เกิดเรื่องเหรอครับ?”
“เปล่าจ้ะ นอนต่อเถอะ”วารุณีลูบหัวลูกทั้งสองคน กดลูกทั้งสองคนกลับไปที่ขา ตบหลังลูกสองคนเบาๆ
ไอริณยังไม่ทันตื่นตัวเท่าไหร่นัก ไม่นานจึงหลับไปอีก
แต่อารัณกลับลืมตาทั้งสองข้าง นอนบนขาของวารุณีอย่างเชื่อฟัง ยังไงก็ไม่ยอมหลับ
วารุณีก็ปล่อยเขาไป
“นัทธี ทำไมจู่ๆ คุณก็หยุดรถล่ะ?”วรยาที่นั่งข้างคนขับก็พูดด้วยความโมโหที่เสียขวัญ
“ขอโทษครับ”นัทธีเม้มริมฝีปาก จากนั้นหันไปมองวารุณีที่นั่งอยู่ด้านหลัง“ทำไมคุณคิดว่าเป็นพิชญา?”
“เพราะว่าตอนนั้นฆาตกรพูดข้างหูฉัน บอกว่าฉันแย่งผู้ชายของคนอื่น ตั้งแต่ฉันกลับประเทศมาจนตอนนี้ มีแค่ประธานนัทธีที่ใกล้ชิดฉันที่สุด และพิชญาก็เคยพูดอยู่หลายครั้งว่า ฉันอยากแย่งตำแหน่งคู่หมั้นของเธอ”วารุณีมองตรงไปที่ดวงตาอันลึกซึ้งของเขาแล้วตอบกลับ
วรยาก็หันหน้าไป ตบวารุณีเล็กน้อย“อะไรนะ ฆาตกรพูดคำพูดพวกนี้กับลูกด้วยเหรอ งั้นทำไมเมื่อกี๊ลูกไม่บอกตำรวจล่ะ?”
วารุณีไม่ตอบ ยังคงมองนัทธี
อารัณก็หรี่ตามองนัทธี ความกตัญญูที่มีต่อนัทธีก็เจือจางลงไม่น้อย
ที่แท้หม่ามี๊เกือบถูกคนฆ่า ก็เพราะว่าคุณอานัทธีเหรอ?
นัทธีจับได้ถึงความเปลี่ยนแปลงทางสายตาของอารัณ ในใจก็ไม่รู้ว่าทำไม เหมือนว่าถูกคนจับได้ และยังเหมือนว่ามีของสำคัญหายไป กำพวงมาลัยแน่นแล้วพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่ว่า“ผมเข้าใจแล้ว ผมจะสืบให้กระจ่าง!”
“สืบให้กระจ่างไม่พอหรอก!”วรยาชักสีหน้า“นัทธี ถ้าสุดท้ายสืบได้ว่าเป็นพิชญาจริงๆ ฉันหวังว่าคุณจะยกเลิกงานแต่งกับเธอ และเอาเธอเข้าคุก”
“ผมจะทำครับ”นัทธีละสายตาลง เพื่อปกปิดความทรงพลังอันรุนแรงในดวงตา
ไม่ต้องให้เธอเตือน เขาก็จะทำแบบนี้อยู่แล้ว
บริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ปไม่ต้องการภรรยาของท่านประธานที่มีความผิดในการฆาตกรรม
มองออกว่านัทธีไม่ได้ทำลวกๆ แบบขอไปทีใส่ตัวเอง วรยาจึงพอใจ สีหน้าดูอบอุ่นขึ้น“งั้นก็ดี นัทธี คุณขับรถต่อไปเถอะ”
นัทธีตอบอือไปเบาๆ แล้วมองวารุณีอีกครั้ง จากนั้นก็สตาร์ทรถออกไป
พอถึงอพาร์ทเม้นท์ นัทธีส่งพวกเขาหน้าประตูเสร็จก็จากไป
อารัณจูงไอริณที่ตื่นแล้ว เข้าไปในห้องนอนเด็ก
วรยาถือผลไม้ที่ล้างเสร็จแล้วออกมาจากครัว “ลูกรัก ลูกรีบลาออกจากบริษัทของนัทธีเถอะ”
วารุณีกำลังรีดเสื้อคลุมตัวนอกของพงศกร ได้ยินคำนี้ การเคลื่อนไหวก็หยุดลงเล็กน้อย“ทำไมคะ?”
“ลูกยังจะถามอีก เรื่องวันนี้เกือบจะทำแม่ตกใจตายไปแล้ว ลูกอยู่ใกล้นัทธีขนาดนั้น ต่อไปก็ไม่แน่ว่าจะมีอันตรายอะไรอีก”
ได้ยินคำเป็นห่วงของแม่ที่อยู่ข้างใน ในใจวารุณีก็รู้สึกอบอุ่น อาการที่ใบหน้าก็อ่อนโยนลง“ฉันรู้แล้ว วางใจเถอะ อีกสองสามวันฉันจะเขียนใบลาออก”
เวลาที่เธอทำงานที่บริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ป เหลือแค่หนึ่งเดือน
ตอนนี้โชว์ Bath fire rebirth ก็จบลงแล้ว เธอก็สมควรไปได้แล้ว
ระงับความรู้สึกที่ทำใจไม่ได้บางๆ นั้นไว้ในใจ วารุณีเอาเตารีดวางไว้ข้างๆ “โอเคแม่ ฉันไปแช่น้ำก่อน”
“ไปเถอะ แช่เสร็จก็รีบพักผ่อน”วรยาพยักหน้า
วารุณีตอบกลับไป แล้วหยิบชุดนอนไปห้องอาบน้ำ
คืนนั้น วารุณีแทบจะนอนไม่ได้เลยทั้งคืน หลับตาลงในหัวก็มีฉากที่ตัวเองเกือบจะหายใจไม่ออกและตาย ทำให้เช้าวันถัดมา ขอบตาดำๆ ก็ทิ้งไว้ที่ใบหน้า ทำเอาวรยาตกใจ
“ลูกรัก เป็นอะไรลูก?”วรยาลูบหัวของวารุณีอย่างสงสาร
วารุณีส่ายหน้า“ไม่เป็นไรค่ะ แม่ ที่บ้านไม่มีข้าวสารแล้ว ฉันออกไปซื้ออาหารเช้าหน่อยนะ”
“โอเค เดินทางปลอดภัยนะ”วรยากำชับ
วารุณียิ้ม แล้วหยิบกระเป๋าเงินออกไป เดินไปที่ลิฟต์
ถึงตรงหน้าลิฟต์ เธอก็กดปุ่มเปิด
แป๊บเดียวลิฟต์ก็มาถึง วารุณียกเท้าขึ้นมา จะเข้าไป ทันใดนั้นวรยาก็วิ่งมา“รอเดี๋ยว”
“ทำไมคะ?”วารุณีเก็บเท้าข้างหนึ่งที่จะก้าวเข้าไปในลิฟต์ หันไปมองเธอ
วรยาหยิบโพสอิทอันหนึ่งยื่นให้วารุณี“ตอนที่ลูกกลับมา ช่วยแม่ซื้อของพวกนี้ด้วย”
“ไหนฉันดูสิ”วารุณีรับโพสอิทนั้นมาดู พยักหน้ารับรู้“โอเค งั้นฉันไปละนะแม่”
พูดจบ เธอก้าวไปใหม่อีกครั้ง
ตอนตอนที่เท้าเธอข้างหนึ่ง เหยียบเข้าไปในลิฟต์ จู่ๆ ลิฟต์ก็สั่นขึ้นมาอย่างแรง
“วารุณี!”รูม่านตาวรยาหดลง ดึงมือของวารุณีไว้จากจิตใต้สำนึก ดึงเธอไปด้านหลัง
ตอนที่ดึงไปตรงทางเดิน จู่ๆ ตัวลิฟต์ก็จมลงไปอย่างควบคุมไม่ได้ ส่วนประตูลิฟต์ กลับไม่ได้ปิด
วารุณีกับวรยาจึงมองตัวลิฟต์ ตกลงไปชั้นหนึ่งด้วยความรวดเร็วอย่างเงียบๆ ส่งเสียงดังปัง
เสียงดังนั้น ทำให้วารุณีกับวรยาทั้งสองคนตัวสั่น หน้าซีดขาว
“แม่……”วารุณีกอดวรยาแน่น เสียงสั่นสุดๆ
ตอนนี้วรยาก็ไม่สู้ดีเท่าไหร่ แต่ยังคงตบหลังของเธอแล้วพูดปลอบ“ไม่เป็นไรไม่เป็นไรนะ ลูกรักไม่เป็นไร”
ตาทั้งคู่ของวารุณีมองไปที่ประตูลิฟต์ที่ยังไม่ปิดอย่างเหม่อลอย รวมทั้งโซ่เหล็กเส้นนั้นที่เชื่อมกับตัวลิฟต์ มือเท้าเย็นทันที“แม่ นี่ไม่ใช่อุบัติเหตุแน่!”
ถ้าเมื่อกี๊ไม่ใช่แม่ที่จู่ๆ ออกมาเรียกเธอไว้ ให้เธอไปซื้อของอย่างอื่น ตอนนี้เธอน่าจะถูกกดทับเป็นเนื้อไปแล้ว
“แม่รู้ว่า นี่ไม่ใช่อุบัติเหตุ มีคนจะทำร้ายลูก!”วรยาตาแดงก่ำ กัดฟันแน่นพูด
เมื่อคืนลิฟต์ก็ยังดีๆ อยู่ ทำไมวันนี้เช้าถึงพังได้ และยังพังถึงขั้นสุด เห็นได้ชัดว่าเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
“แจ้งความ!”วรยาปล่อยวารุณี รีบหยิบโทรศัพท์โทรแจ้งความ
แป๊บเดียว ตำรวจก็มา และยังเป็นใบหน้าที่คุ้นเคย นั่นก็คือพวกตำรวจคนเมื่อคืน
“ผลชันสูตรออกมาแล้ว มีคนลงมือทำบางอย่างในลิฟต์จริงๆ ”คนที่ชันสูตรเดินเข้ามา พูดกับวารุณีกับวรยา
วารุณีนั่งบนโซฟา ในมือถือน้ำร้อนไว้
แต่ถึงแม้จะเป็นร้อนสุด ตอนนี้ก็ไม่มีทางที่จะทำให้ฝ่ามือที่เย็นเฉียบของเธออุ่นลงได้
พอคิดถึงเมื่อกี๊ที่ตัวเองเกือบตายอีกครั้ง เธอไม่อาจสงบลงได้
วรยายืนอยู่ด้านหลังวารุณี มือวางไว้บนไหล่ของเธอ“จริงๆ ด้วย ใครกันที่น่าขยะแขยงขนาดนี้ ลงมือกับลูกสาวฉันถึงสองครั้งติด!”
พวกตำรวจมองหน้ากัน สุดท้ายก็เป็นคนชันสูตรที่พูดออกมาก่อนว่า“คุณวารุณีน่าจะมีเป้าหมายที่สงสัยอยู่ใช่ไหมครับ?”
“หมายความว่าไง?”วรยาขมวดคิ้ว
คนที่ทำการชันสูตรมองวารุณี“เมื่อกี๊ที่พวกเราอยู่ด้านบนตัวลิฟต์ พบข้อความแถวหนึ่ง ด้านบนเขียนว่า……”
เขาดูลำบากใจเล็กน้อยที่จะพูด
สุดท้าย เขาเอาภาพที่ถ่ายไว้ยื่นให้วารุณี“คุณวารุณีดูเองละกันครับ”
วารุณีวางแก้วน้ำลงแล้วรับรูปภาพมา มองเห็นด้านบนตัวลิฟต์เขียนตัวอักษรใหญ่ๆ ไว้ว่า‘ยัยแพศยา แย่งผู้ชายฉัน ไปตายซะ!’จากนั้นก็บีบรูปจนกลายเป็นก้อนกลมทันที
วรยาก็มองเห็น กำลังจะระเบิดออกมา วารุณีก็วางรูปลง“แม่ แม่เอาโทรศัพท์ให้ฉัน”
“โอเค”วรยาพยายามระงับความโกรธ เอาโทรศัพท์ให้เธอ
วารุณีสุดหายใจลึกๆ โทรหาพิชญา
เสียงของพิชญาก็พูดเข้ามาอย่างรวดเร็ว“โหย ห่างหายไปนานจริงๆ นะ จู่ๆ เธอก็มาติดต่อฉัน?”