นัทธีขมวดคิ้ว“อย่าพูดแบบนี้สิ ไม่มีทาง”
นวิยายิ้มอย่างขมขื่น“นัทธี สภาพร่างกายของฉัน ไม่ใช่ว่าคุณไม่รู้ คุณหมอพงศกรบอกแล้ว ถึงฉันฟื้นฟูร่างกายออกจากโรงพยาบาลได้ ก็อยู่ไม่ถึงสิบปี!”
พูดคำนี้จบ เธอก็หันกลับออกไปอย่างโดดเดี่ยว
นัทธีเม้มริมฝีปาก สุดท้ายก็มองไปที่ใต้ราวบันได แล้วตามไป
ชั้นหนึ่ง วารุณีหยุดพูดคุยหัวเราะกับวรยา เงยหน้ามองราวบันไดชั้นสอง มองเห็นตรงนั้นไม่มีใคร ก็อดไม่ได้ที่จะสงสัย
“เป็นอะไรไปลูกรัก?”วรยามองสิ่งผิดปกติของเธอออก ก็มองตามไป ก็ไม่เห็นอะไรเลย
วารุณีส่ายหน้า“ไม่มีอะไรค่ะ แค่เมื่อกี๊รู้สึกว่ามีคนมองฉันอยู่ ฉันน่าจะรู้สึกมั่วไปเอง”
“ลูกน่าจะไม่ได้รู้สึกมั่วไปเองหรอก”วรยาจัดผมของวารุณี
วารุณีกะพริบตา“แม่ก็เห็นเหรอคะ?”
“เปล่านี่ แต่ว่าลูกสาวแม่สวยขนาดนี้ ไม่มีคนมองสิแปลก”วรยาพูดขำๆ
วารุณีกลืนไม่เข้าคายไม่ออก“แม่!”
“โอเคๆ ลองเสื้อผ้าเสร็จยัง?”วรยาเปิดประตูห้องลองเสื้อผ้าแล้วมองดู
วารุณีพยักหน้า“เสร็จแล้วค่ะ”
“งั้นก็เอาไปจ่ายด้วยไป”วรยาโบกมือ พูดอย่างภาคภูมิใจ
วารุณีรีบห้ามเธอ“แม่ เสื้อผ้ามากมายขนาดนี้ แม่ซื้อมาอย่างน้อยก็หกหลักขึ้นไป และตัวฉันเองก็เป็นดีไซเนอร์ เสื้อผ้าก็มีเยอะแล้ว ไม่ต้องซื้อเยอะขนาดนี้เลย”
“ก็ใช่”วรยาลูบคาง คิดว่ามีเหตุผล
วารุณีเลือกในนั้นออกมาสองสามตัว“ซื้อพวกนี้ก็พอแล้ว”
“โอเค ตามลูกพูดละกัน”วรยายิ้มให้พนักงานเชียร์สินค้า
แป๊บเดียว สองคนแม่ลูกซื้อเสื้อผ้าเสร็จก็ออกไปจากร้านเสื้อผ้า สุดท้ายก็เดินเล่นที่ร้านอื่นในห้างต่ออีก แล้วก็เรียกรถกลับไป
ตอนกลับไปที่อพาร์ทเม้นท์ ก็เพิ่งสองโมง เหลืออีกสองชั่วโมง ที่จะต้องไปรับลูก
วารุณีวางถุงลง ทุบไหล่แล้วเดินไปที่ครัว หยิบกาต้มน้ำออกมา เตรียมจะชงชา
ตอนนี้เอง โทรศัพท์เธอที่วางในกระเป๋าก็ดังขึ้นมา
วารุณีรีบวางกาน้ำชาลง หยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋า มองสายที่โชว์ว่าโทรมา ก็เป็นเบอร์แปลกในพื้นที่ ลังเลเล็กน้อย จากนั้นก็กดรับ
“สวัสดีค่ะ ใช่คุณวารุณีหรือเปล่าคะ?”ที่ปลายสายมีเสียงผู้หญิงที่อ่อนโยนและมีมารยาทเข้ามา
วารุณีพยักหน้าเล็กน้อย“ใช่ค่ะ คุณคือใครเหรอคะ?”
“ฉันเป็นผู้จัดการร้านของWanikaค่ะ”เสียงผู้หญิงตอบ
วารุณีเลิกคิ้วขึ้น
Wanika นั่นไม่ใช่ร้านเสื้อผ้าร้านนั้นที่เธอกับแม่ไปเหรอ?
“ขอโทษนะคะคุณมีอะไรหรือเปล่าคะ?”วารุณีนั่งลงไปที่โซฟา ถือโทรศัพท์ไว้ในมือแล้วเทน้ำให้ตัวเอง
ผู้จัดการร้านตอบกลับด้วยรอยยิ้ม“คือแบบนี้ค่ะ วันนี้เป็นวันกิจกรรมของ Wanikaของพวกเราค่ะ คุณในฐานะลูกค้าพวกเรา ได้รางวัลที่หนึ่งของทางร้านเรา ยินดีด้วยนะคะ”
“อะไรนะ?”ได้ยินว่าได้รางวัล วารุณีก็ไม่รู้สึกดีใจสักนิด แต่กลับสงสัยอย่างมาก คิ้วก็ขมวดขึ้นมา“รางวัลที่หนึ่ง?แต่ว่าตอนที่ฉันอยู่ในร้าน ไม่เห็นพวกคุณทำกิจกรรมขึ้นเลยนะคะ และฉันก็ไม่เคยจับรางวัลด้วย”
คนๆ นี้ คงไม่ได้หลอกใช่ไหม?
ผู้จัดการร้านเห็นวารุณีสงสัย จึงหันหน้าไปมองชายหนุ่มที่อยู่ด้านหลัง
ชายหนุ่มเงยคางที่สวยงามนั่นเล็กน้อย ผู้จัดการร้านพยักหน้าอย่างเข้าใจ พูดด้วยรอยยิ้มต่อไปว่า“คือแบบนี้ค่ะ พวกเรามีกิจกรรมลับๆ ส่วนที่จับรางวัลก็ไม่ใช่ตัวลูกค้าที่จับเอง แต่เป็นพวกเราจับแทนค่ะ”
“เหรอคะ?”วารุณีดื่มน้ำ แล้วก็เข้าใจขึ้นมา แต่ก็ยังคิดว่ามีตรงไหนไม่ถูกต้อง แต่กลับพูดไม่ออก
จากนั้น ผู้จัดการร้านยืนยันที่อยู่ที่วรยาทิ้งไว้ในร้านเล็กน้อย แล้วก็จบสายลง
วรยาหาวออกมาจากห้องน้ำ“ลูกรักใครน่ะ?”
“Wanika บอกว่าฉันได้รางวัล แต่ฉันว่าเป็นไปไม่ค่อยได้ค่ะ”วารุณีวางโทรศัพท์ลงแล้วหัวเราะ ไม่ได้ใส่ใจสายที่เพิ่งโทรมา
วรยาก็พยักหน้า“เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ยี่ห้อพวกนี้ขี้เหนียวจะตาย จะจัดกิจกรรมได้ไงกัน”
“ใช่”วารุณีหยิบกาน้ำขึ้นมา ชงชาต่อไป
จากนั้นผ่านไปได้ครึ่งชั่วโมง กริ่งประตูก็ดังขึ้น
วรยาไปเปิดประตู วารุณีกำลังวาดแบบร่างอยู่
จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงตะลึงของวรยา เธอคิดว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น จึงรีบวางสมุดออกแบบกับดินสอลง หยิบแจกันบนโต๊ะน้ำชาวิ่งไปที่ปากทางเข้าบ้าน
พอวิ่งไป ก็ไม่มีอันตรายอย่างที่เธอจินตนาการ มีแค่พนักงานสองสามคนที่สวมชุดยูนิฟอร์มของWanika แต่ละคนอุ้มกล่องของขวัญอันสวยงามยืนอยู่นอกประตู กำลังยิ้มให้พวกเธอ
ฉากนี้ ทำให้วารุณีอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง
ดังนั้น สายเมื่อกี๊เป็นเรื่องจริง เธอได้รางวัลจริงๆ ?
ตอนที่วารุณีกำลังตะลึง วรยาก็ได้สติคืนมาก่อน รีบยิ้มแล้วให้พนักงานเอาของเข้ามา
พนักงานเดินเข้ามาเป็นแถวยาวเหยียด วางของลงตามคำแนะนำเสร็จ จากนั้นหยิบเอกสารให้วรยาลงชื่อ
รอจนวรยาลงชื่อเสร็จ พวกเขาก็ออกไป
“ลูกรัก ลูกรีบมาดูสิ!”วรยาโบกมือไปทางวารุณีที่ปากทางเข้าบ้าน
วารุณีเดินเข้ามา
วรยาเอากล่องนั้นเปิดออกมา พูดอย่างตะลึงว่า“พระเจ้า พวกนี้ไม่ใช่ตัวที่ลูกเคยลองในร้านหมดเลยเหรอ แต่ว่าสีแดงสองสามตัวพวกนี้ลูกไม่เคยลอง ลูกรักลูกจะลองไหม?”
วารุณีส่ายหน้า“ไม่ต้องหรอก ฉันดูก็รู้แล้วว่าเหมาะกับฉัน”
เธอมองเสื้อผ้าสีแดงพวกนี้ สายตามีความซับซ้อนหน่อยๆ
ทำไมอันอื่นๆ ล้วนแต่เป็นตัวที่ตอนนั้นวรยาเลือก มีแค่ไม่กี่ตัวพวกนี้ที่ไม่ใช่ และที่สำคัญก็คือ เสื้อผ้าพวกนี้ก็ยังเป็นสีแดง
ตัวเธอก็ไม่ใช่ว่าชอบสีแดงอะไรมากนัก แต่มีคนหนึ่งเคยบอกว่า เธอเหมาะกับสวมชุดสีแดงมาก นั่นก็คือนัทธี
“คงไม่มั้ง……”วารุณีกัดริมฝีปากบ่นพึมพำ
วรยาได้ยิน ก็วางเสื้อผ้าในมือแล้วหันไปถามเธอว่า“ไม่มั้งอะไร?”
“ฉันกำลังคิดว่า ที่ได้รางวัลมาเป็นเรื่องปลอมหรือเปล่า เสื้อผ้าพวกนี้ที่จริงเป็นของประธานนัทธีส่งมา?”วารุณีชี้ไปที่เสื้อผ้าสีแดงไม่กี่ตัวพวกนั้นแล้วเดา
วรยาเคาะหัวเธอ“จะเป็นไปได้ไง Wanikaก็ไม่ได้อยู่ภายใต้บริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ป อีกอย่าง พวกเราก็ไปร้านนี้กะทันหัน เขาจะรู้ได้ไง คงไม่บังเอิญบ่อยๆ ที่เขาจะอยู่ในร้านหรอกมั้ง?”
“พูดก็ถูก”วารุณีพยักหน้า รู้สึกว่ามีเหตุผลหน่อยๆ
ดูเหมือนเธอจะคิดมากจริงๆ
“พอแล้วๆ ๆ รีบเก็บพวกนี้เถอะ แล้วไปรับลูกไป”วรยาเร่ง
วารุณียิ้มแล้วเอากล่องของขวัญพวกนี้ย้ายเข้าไปในห้องทีละอัน จากนั้นเปลี่ยนเสื้อผ้าออกมา ออกไปกับเธอ ไปรับลูกที่โรงเรียนอนุบาล
รับลูกแล้ว วรยาก็เดินทางไปที่คุณสมศักดิ์ร่วมงานเลี้ยงการกุศล
วารุณีก็พาลูกสองคน ไปร้านอาหารใกล้ๆ โรงเรียนอนุบาล เตรียมว่าทานอาหารเสร็จแล้วค่อยกลับไป
แต่ระหว่างที่กินข้าวนี้เอง ทันใดนั้นแขกที่ไม่ได้รับเชิญก็ปรากฏตรงหน้าของเธอ
“ไงวารุณี บังเอิญจัง”นิรุตติ์ยิ้มแล้วโบกมือให้เธอ จากนั้นสายตาก็มองไปที่ลูกทั้งสองคนของเธออย่างไม่แสดงอาการใดๆ
“สวัสดีค่ะ”วารุณีพยักหน้าให้เขาเล็กน้อย ถือว่าเป็นการทักทาย
นิรุตติ์จงใจทำเป็นถอนหายใจอย่างเสียใจ“เห้อ คุณก็ยังเย็นชากับผมอยู่”
วารุณีกินซุปอย่างเย็นชา“คุณมีอะไรหรือเปล่าคะ?”
“เปล่า ผมมาเจอลูกค้ารายใหญ่ที่นี่ เจอคุณพอดี เลยเข้ามาทักทายเฉยๆ นี่คือลูกสองคนของคุณสินะ?”นิรุตติ์ชี้ไปที่เด็กตัวเล็กๆ สองคน“ผมรู้เรื่องพวกเขามาตลอด แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นเลย”
“หม่ามี๊,คุณอาคนนี้หม่ามี๊รู้จักเหรอ?”อารัณดึงมือของไอริณ มองนิรุตติ์อย่างระวัง แล้วถามวารุณี
วารุณีตอบอือ“ใช่เป็นเจ้านายคนก่อนของหม่ามี๊”
“วารุณี ความสัมพันธ์ของพวกเรา ไม่ใช่แค่เจ้านายลูกน้องธรรมดาอย่างนั้นหรอก?”นิรุตติ์มองไอริณที่กะพริบตาโตๆ จ้องมาที่ตัวเอง ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าน่ารักหน่อยๆ ยื่นมือไปจะลูบใบหน้าของเธอ