ในหัววารุณีมีเสียงดังขึ้นมา รู้สึกเหมือนมีอะไรแตกสลายลง ร่างกายแข็งทื่อ
นัทธีกลัวเธอรับไม่ไหว เลยก้าวเท้าไปที่ด้านหลังเธอ
ถ้าเธอล้มอีก เขาก็จับเธอไว้ได้ทันเวลา
“อะไรคือไม่ค่อยดี!”สายตานัทธีจ้องไปที่พยาบาลเขม็ง ในน้ำเสียงมีความรีบร้อน
นิรุตติ์ก็ค่อยๆ จริงจังขึ้นมา ไม่เอ้อระเหยลอยชายขนาดนั้นอีกแล้ว
พยาบาลมองนัทธีที่มบหน้าเหมือนกับอารัณอย่างมาก ก็ถอนหายใจ“ลูกของพวกคุณเสียเลือดไปเยอะมาก ตอนนี้ต้องถ่ายเลือดโดยด่วน แต่กรุ๊ปเลือดของเขาพิเศษมาก เป็น RHลบ แต่ว่าคลังเลือดของพวกเรามีเลือดประเภทนี้ไม่มาก ฉันกำลังจะไปหาเลือดค่ะ”
“เอาของผมไป!”นัทธีไม่คิดอะไรทั้งนั้น ยกแขนเสื้อขึ้นโดยตรง
วารุณีได้ยิน ก็รีบส่ายหน้า แล้วกดแขนของเขาลง“ไม่ได้ เจาะเลือดของคุณไปไม่ได้!”
เขาคือพ่อของเด็ก ถ่ายเลือดระหว่างสายเลือดโดยตรงไม่ได้ ไม่อย่างนั้นจะเกิดการแข็งตัวของเลือดได้
แต่นัทธีไม่รู้ความกังวลของเธอ คิดว่าเธอไม่อยากเป็นหนี้เขา สีหน้าก็หมองหม่นลง มองเธออย่างเย็น“วารุณี ตอนนี้มันเวลาไหนแล้ว คุณยังจะห้ามอีก?”
“ไม่ใช่แบบนั้น ฉันแค่……”
“เอาของผมไปเถอะ!”ตอนที่วารุณีไม่รู้จะบอกเขาอย่างไร จู่ๆ นิรุตติ์ก็ยืนออกมา“ผมก็กรุ๊ปเลือดRH negativeลบ”
วารุณีเหมือนได้ยินเสียงจากสวรรค์ มองไปที่เขาทันที ในสายตามีแต่ความขอบคุณ“ผู้อำนวยการนิรุตติ์ งั้นก็ขอร้องคุณแล้วล่ะค่ะ”
ถึงเขาจะเป็นลุงของอารัณ แต่ก็เป็นลูกพี่ลูกน้องทางฝั่งพ่อ แบ่งไปอีกสองขั้น ไม่ใช่ความสัมพันธ์โดยตรง น่าจะไม่มีปัญหา
“ไม่เป็นไร คุณจำไว้ว่าเป็นหนี้บุญคุณผมก็พอ”แว่นตานิรุตติ์สะท้อนแสง ฮัมเพลงอย่างเท่ๆ แล้วก็ตามพยาบาลไป เหมือนว่าไม่ได้ไปเจาะเลือด แต่ไปดูอะไรสักอย่าง
“ผู้อำนวยการนิรุตติ์ ขอบคุณนะคะ!”วารุณีโค้งให้ด้านหลังเขา
นิรุตติ์ไม่ได้หันหน้าไป แต่ยกมือขึ้นโบกไปมา แสดงออกว่ารับรู้
วารุณียืนขึ้นทันที ความเกร็งที่ใบหน้าก็ผ่อนคลายลง
นัทธีเห็นเธอยิ้มแบบนี้ กำปั้นที่อยู่ข้างตัวก็กำขึ้นมา“เขาบริจาคเลือดให้ คุณก็วางใจแบบนี้เลย?”
“ใช่ค่ะ อารัณมีคนช่วยแล้ว”วารุณีใช้หลังมือเช็ดน้ำตาแล้วตอบ
ริมฝีปากบางๆ ของนัทธีเม้มจนเย็นชา“เขาทำได้แต่ผมทำไม่ได้เหรอ?”
“อ๋า?”วารุณีหันไปมองเขา
สีหน้านัทธีดูแย่มาก“ผมบอกแล้ว ผมบริจาคเลือดให้อารัณได้ แต่ทำไมคุณกลับเลือกเขา คุณรู้อยู่แล้วว่าเขาคิดร้ายกับคุณ คุณยังทำแบบนี้อีก?”
หรือว่าในใจเธอนั้น เขาเทียบกับนิรุตติ์ไม่ได้?
วารุณีละสายตาลง“ประธานนัทธี ฉันไม่เลือกคุณ เพราะว่าคุณไม่เหมือนกับเขา”
“มีอะไรไม่เหมือนกัน?”นัทธีหรี่ตาลง
ริมฝีปากวารุณีขยับ ไม่ได้อธิบาย
พอเห็นแบบนี้ ใบหน้านัทธีก็เหมือนมีน้ำแข็งเกาะตัวอยู่ ในสายตามีแต่ความเยือกเย็น ความกดอากาศรอบๆ ตัวก็ลดลงเป็นเส้นตรงมากขึ้น
วารุณีร็ว่าเขาโกรธ แต่ไม่รู้ว่าจะสงบอารมณ์โกรธของเขาอย่างไร
ตอนนี้เอง คนที่สวมยูนิฟอร์มตำรวจสองคนก็เดินเข้ามา“ขอโทษนะครับพวกคุณใช่พ่อแม่ของเด็กในห้องฉุกเฉินหรือเปล่า?”
“ฉันค่ะ ฉันเป็นแม่เขา”วารุณีเอามือวางไว้ที่หัวใจ รีบพูด
นัทธีก็ไม่ได้ปฏิเสธว่าตัวเองเป็นพ่อของอารัณ
ตำรวจทั้งสองคนพยักหน้า“คือแบบนี้ พวกเรามาเพราะอยากบอกสถานการณ์ประสบอุบัติเหตุของลูกพวกคุณ”
“พวกคุณพูดมาเถอะ ฉันรับได้ค่ะ”วารุณีกำฝ่ามือไว้แน่น
ตำรวจหนึ่งในนั้นเดินหน้าขึ้นมา“สองชั่วโมงก่อน กลุ่มตำรวจ มีรายงานว่ามีอุบัติเหตุที่ถนนเพชร รถตู้คันหนึ่งแซงคิวรถบรรทุกจนเสียหลัก ชนเข้ากับรถบรรทุก รถตู้ถูกชนจนลอยออกไป สามคนในรถ มีสองคนที่ตายคาที่ มีแค่ลูกของพวกคุณที่นั่งอยู่เบาะหลัง ก็เลยรอดมาได้”
สามคนนี้ มีสองคนตายคาที่ แค่คิดก็รู้ว่าอุบัติเหตุนั้นรุนแรงแค่ไหน
วารุณีจับหน้าผาก รู้สึกว่าทั้งโลกนี้หมุนติ้ว
นัทธีจับแขนของเธอ เลยไม่ทำให้เธอหมดสติไป
“สองคนนั้นล่ะ?”นัทธีมองตำรวจสองคน ถามเสียงหม่นลง
“ห้องดับจิตของโรงพยาบาล นี่คือบัตรประชาชนกับโทรศัพท์ที่ผมได้มาจากพวกเขา ที่บัตรประชาชนมีรูปของพวกเขา พวกคุณดูได้ว่ารู้จักสองคนนี้ไหม”ตำรวจยื่นถุงล็อกสีใสใบใหญ่มาให้
นัทธีกำลังจะยื่นมือไป ยังไม่ทันรับ วารุณีก็แย่งมาก่อน รีบเปิดถุงล็อก แล้วเอาของด้านในออกมา
นัทธีได้แต่หยิบโทรศัพท์ไปดู มองเห็นข้อความไม่กี่ข้อความในโทรศัพท์ คิ้วก็ขมวดแน่นเป็น“นี่เป็นการลักพาตัวอารัณ ที่เตรียมการมาดีแล้ว”
“อะไรนะ?”วารุณีได้ยิน ก็ไม่ดูบัตรประชาชนแล้ว แย่งโทรศัพท์จากมือของเขามา ดูข้อความที่เขียนด้านบนว่า‘จับเด็กได้แล้ว ก็ส่งไปที่สถานีรถ’ก็โกรธจนตัวสั่น!
“อำมหิตมากเลย!”วารุณีจับโทรศัพท์ไว้แน่น เพราะว่าทั้งโมโหและแค้นทำให้ดวงตากลายเป็นสีแดงขึ้นมา
นัทธีเห็นเธอแบบนี้ ก็เป็นห่วงว่าเธอจะโกรธจนป่วย เลยปลอบไปอย่างเสียงแผ่วเบาว่า“คุณใจเย็นก่อน”
“ฉันจะใจเย็นลงได้ไง พวกเขาจับลูกชายฉันไป แล้วยังจะส่งลูกของฉันไปอีก เป็นคุณ คุณจะใจเย็นลงไหม?”วารุณีพูดอย่างตัวสั่น
นัทธีลูบขมับ“แน่นอนว่าไม่ แต่ตอนนี้คุณโมโหแล้วมีประโยชน์อะไร เด็กไม่ได้ถูกส่งไป สองคนนั้นก็ตายแล้ว คุณโกรธแค่ไหนก็มีแต่เสียสติ สู้ใจเย็นลงแล้วสืบความจริงที่อารัณถูกจับตัวไปให้ชัดเจนดีกว่า”
ได้ยินคำนี้ วารุณีก็ไม่อาจโต้แย้งได้ สูดหายใจลึกๆ พยายามระงับอารมณ์ที่ร้อนใจข้างในใจลง ทำให้สงบ
นัทธีเห็นเธอฟังแล้ว คิ้วที่ขมวดก็คลายออกเล็กน้อย จากนั้นชี้บัตรประชาชนในมือเธอแล้วถาม“รู้จักสองคนนี้ไหม?”
วารุณีส่ายหน้า“ไม่รู้จักค่ะ ฉันไม่เคยเจอพวกเขา”
นัทธีตอบอือ หยิบบัตรประชาชนจากมือของเธอมา ใส่กลับถุงแล้วปิดสนิทส่งคืนให้ตำรวจสองคน“ขอโทษนะครับ พวกคุณได้ตรวจสอบตัวตนของสองคนนี้หรือยัง แล้วก็คนที่ติดต่อพวกเขาคือใคร?”
“ทำแล้วครับ แต่ข้อมูลตัวตนสองคนนี้มีไม่มาก บัตรประชาชนที่พวกคุณเพิ่งเห็นก็เป็นของใหม่ที่เพิ่งทำ ไม่แน่ว่าชื่อข้างบนก็อาจจะไม่ใช่ชื่อจริงของพวกเขา ดังนั้นพวกเราเลยมาถามพวกคุณว่ารู้จักพวกเขาไหม ส่วนคนที่ติดต่อพวกเขานั้น ขอโทษจริงๆ ……”
“หมายความว่าไง พวกคุณสืบไม่ได้?”วารุณีขมวดคิ้ว
นัทธีไม่ได้แปลกใจอะไรมาก
ถ้าสืบได้ ตำรวจสองคนก็ไม่ขอโทษแล้ว
ตำรวจสองคนพยักหน้า “ใช่ครับ ซิมในโทรศัพท์นี้เป็นซิมที่ไม่มีชื่อ พวกเราลองปลอมเป็นสองคนนี้ไปติดต่อฝ่ายตรงข้าม แต่ก็ไม่ได้ข่าวคราวของอีกฝ่ายบ้างเลย เห็นได้ชัดว่าฝ่ายตรงข้ามคอยดูสองคนนี้ตลอดเวลา รู้ว่าพวกเขาประสบอุบัติเหตุ ก็รีบหนีไป”
“ทำไมถึงเป็นแบบนี้!”วารุณีกัดริมฝีปากอย่างไม่พอใจ
ตำรวจสองคนถอนหายใจอย่างขอโทษ“ดังนั้นหน้าที่เร่งด่วนในตอนนี้ คือพวกคุณรีบๆ คิดให้ดีว่า ช่วงนี้ได้ไปขัดใจใครหรือเปล่า บางทีคิดออกได้ ก็สามารถสืบถึงคนที่อยู่เบื้องหลังได้”
“เคยขัดใจใคร……”วารุณีก้มหน้าลงคิด
ถ้าจะบอกว่าขัดใจใคร นั่นก็มีจริงๆ อย่างแรกเลยคือพิชญากับขยานีสองคนแม่ลูก ต่อมาก็เป็นคนที่แอบอยากเอาชีวิตของเธอไป ถึงแม้เธอไม่ได้ขัดใจคนๆ นั้นไปโดยตรง แต่คนๆ นั้นกลับเห็นเธอเป็นหนามยอกอก
สามคนนี้ เป็นไปได้ทั้งนั้นที่จะลงมือกับอารัณ ดังนั้นเธอเลยไม่แน่ใจว่าเป็นคนไหนในสามคนนี้ และในสามคนนี้ มีอยู่สองคนที่ยังติดต่อกับนัทธี
นึกถึงตรงนี้ วารุณีก็มองนัทธี ทนไม่ไหวรู้สึกโกรธขึ้นมา ชี้ไปที่ลิฟต์ พูดอย่างโมโห“คุณไปไกลๆ เลย ออกไป!”