พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ – บทที่ 126 แย่งงาน

บทที่ 126 แย่งงาน

ราวกับอ่านความคิดของวารุณีออก ชายคนนั้นลุกขึ้นยืน แล้วยิ้มให้เธอ “สวัสดีครับ ผมชื่อเสกข์ครับ เป็นเลขาของคุณจรณ์”

“เลขา?”ปาจรีย์ชี้ไปที่เขา พูดตะกุกตะกักไปว่า “ เพราะฉะนั้นคุณไม่ใช่คุณจรณ์ ?”

“คุณจรณ์ติดธุระออกไปก่อนแล้ว ให้ผมรอคุณทั้งสองอยู่ที่นี่ครับ”เลขาฯเสกข์ตอบ

วารุณีพยักหน้า“อย่างนั้นเหรอคะ แล้วคุณจรณ์เชิญเรามาพบ ไม่ทราบว่ามีธุระอะไรเหรอคะ ?”

“ใจเย็นๆ เชิญนั่งลงก่อนครับ”เลขาฯเสกข์ชี้ไปยังโซฟาที่อยู่ฝั่งตรงข้าม

ปาจรีย์ประคองวารุณีให้นั่งลง

เลขาฯเสกข์รินชาให้พวกเธอ แล้วจึงได้อธิบายไปว่า “คือแบบนี้ครับ เรามาจากต่างเมือง ที่จังหวัดจันทร์ไม่มีอำนาจอิทธิพลอะไร แต่ก็ประจวบเหมาะกับที่ประมูลโครงการนี้ได้ เพราะฉะนั้นจึงอยากหาพาร์ทเนอร์ เพื่อมาช่วยออกแบบเสื้อผ้างานแฟชั่นโชว์ของฤดูหนาวนี้”

“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง งั้นก็ดีเลยค่ะ ฉันจะบอกคุณว่า วารุณีของเรานั้น……”

ปาจรีย์อยากที่จะแนะนำตัวของวารุณี แต่ก็ถูกวารุณีปิดปากเอาไว้

“ขออภัยค่ะ เธอเป็นอัธยาศัยดีไปหน่อย”วารุณียกยิ้มให้กับเลขาฯเสกข์

เลขาฯเสกข์โบกมือให้อย่างไม่ถือสาอะไร “ไม่เป็นไรครับ”

วารุณีปล่อยมือจากปาจรีย์ แล้วเอ่ยถามขึ้นว่า“ ร่วมงานกันนั้นไม่มีปัญหาอะไรคะ แล้วทำไมพวกคุณถึงเลือกเราค่ะ เราเป็นเพียงสตูดิโอเล็กๆที่เพิ่งจะเปิดใหม่ ไม่ได้มีรากฐานที่มั่นคงอะไร คุณเองก็เห็น เราเข้าร่วมประมูลในรอบแรกก็ถูกคัดชื่อออกแล้ว จังหวัดจันทร์น่าจะมีพาร์ทเนอร์ที่เพียบพร้อมกว่าเราอีกมากถึงจะถูก”

โดยหลักทั่วไปแล้ว การเลือกพาร์ทเนอร์ ก็มักจะเลือกจากบริษัทหรือสตูดิโอที่เปิดมานาน สตูดิโอที่เพิ่งเปิดใหม่นั้นความน่าเชื่อถือและชื่อเสียงนั้นยังไม่ต้องพูดถึง แต่ความไม่มั่นคงนั้นมีความเสี่ยงสูงมากแน่นอน

แต่คุณจรณ์ผู้ลึกลับคนนี้ กลับมองข้ามบริษัทเหล่านั้น แล้วมาหาพวกเธอ ทำให้เธออดสงสัยไม่ได้ว่ามีจุดประสงค์อื่นหรือเปล่า

เลขาฯเสกข์สังเกตเห็นถึงความสงสัยในดวงตาของวารุณี ในใจรู้สึกมีแรงกดดันเป็นอย่างมาก

ไม่น่าล่ะก่อนที่ผู้ช่วยมารุตจะไปนั้นได้ย้ำกับเขาเป็นพิเศษว่า คุณวารุณีคนนี้เป็นคนที่ระวังตัวมาก ให้เขาระวังไว้ด้วย อย่าเปิดเผยตัวตนออกมา

เลขาฯเสกข์สูดหายใจเข้าลึก ยกถ้วยน้ำชาขึ้นจิบ จัดระเบียบความคิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงได้ตอบกลับไป

“ทำไมถึงเลือกNewbornสตูดิโอ ก็เพราะคุณไงคุณวารุณี คุณจรณ์ของเราเคยเห็นผลงานการออกแบบโครงการ‘Bath fire rebirth’ของบริษัทไชยรัตน์กรุ๊ปของคุณ และรู้สึกทึ่งมาก เราเองก็ต้องการนักออกแบบแบบนี้เหมือนกัน เพื่อปูรากฐานอนาคตในจังหวัดจันทร์ให้เรา”

สิ่งที่เขาพูดมานั้นก็เป็นเหตุเป็นผลดี วารุณีเองก็ไม่รู้สึกว่ามีความผิดปรกติอะไร อีกทั้งการต้องร่วมงานกันในครั้งนี้ เธอเองก็มีความสนอดสนใจอยู่เป็นอย่างมาก

อย่างแรกเลยโครงการที่ประมูลมาได้นี้ เป็นโครงการที่ก็ไม่ได้เล็กให้กว่า‘Bath fire rebirth’เลย อย่างที่สองเป็นอย่างที่ปาจรีย์ว่า ถ้าได้เข้าร่วมโครงการนี้ ไม่แน่ว่าสตูดิโอของเธอก็อาจจะเปลี่ยนมาเป็นในแบบห้างหุ้นส่วนบริษัทได้

เดิมทีเธอคิดว่าคงจะหมดโอกาสนี้ไปแล้ว แต่โอกาสนั้นก็หวนกลับมาอีกครั้ง เธอไม่อยากจะพลาดมันไปอีก หรือบางทีเธออาจจะต้องลองเสี่ยงดูมันสักตั้ง !

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ วารุณีก็ใช้แขนสะกิดปาจรีย์ พูดคุยกันผ่านทางสายตากับเธอ แล้วก็หันไปหาเลขาฯเสกข์ “เลขาฯเสกข์ ฉันอยากจะรู้ว่าส่วนแบ่งระหว่างเราจะแบ่งกันยังไงคะ ?”

“คุณจรณ์ได้บอกเอาไว้แล้วครับ หากคุณทั้งสองตกลงร่วมงานกัน ผลกำไรเราแบ่งกัน30:70 เรา30ส่วนคุณ70 ”

“เยอะขนาดนั้นเชียว?” ปาจรีย์ตกใจจนลุกขึ้นยืน

วารุณีก็ตะลึงด้วยเช่นกัน ไม่คิดว่าผลกำไรจะมากมายอย่างนี้

เลขาฯเสกข์ยังคงยกยิ้มหน้านิ่ง“คุณจรณ์บอกว่า เราจะแค่เข้าร่วมโครงการนี้และโฆษณาประชาสัมพันธ์ให้ในครั้งสุดท้าย แต่ในส่วนของการออกแบบ วัสดุผ้า รวมทั้งขั้นตอนการผลิตทุกอย่างจนออกมาเป็นเสื้อผ้าสำเร็จรูปเป็นหน้าที่ของพวกคุณ พวกคุณต้องลงทุนลงแรงมากกว่าเรา ผลกำไรได้ส่วนแบ่งมากกว่าก็สมควรแล้ว ”

“เจ้านายของคุณสุดยอดจริงๆ !”ปาจรีย์ยิ้มหน้าบาน

“คุณพูดชมเกินไปแล้ว”เลขาฯเสกข์ตอบกลับอย่างยิ้มแย้ม จากนั้นก็มองไปที่วารุณี “คุณวารุณียังมีปัญหาอะไรอีกไหมครับ หากไม่มี เราจะนัดเวลาเพื่อเซ็นสัญญากันเลยนะครับ ”

“ไม่มีค่ะ”วารุณีส่ายหน้า

“งั้นก็ตกลงตามนี้นะครับ พรุ่งนี้ก่อนเที่ยง ผมจะเอาหนังสือสัญญาไปให้พวกคุณที่สตูดิโอนะครับ” เลขาฯเสกข์ลุกขึ้นยืน แล้วยื่นมือไปทางวารุณี

วารุณีที่กำลังจะยื่นมือไป ประตูห้องรับรองก็ถูกเปิดออก บอดี้การ์ดคนเมื่อครู่เข้ามาด้วยสีหน้าท่าทางที่ไม่สู้ดีนัก“เลขาฯเสกข์ครับ ด้านนอกมีคนที่ชื่อพิชญาต้องการขอเข้าพบ บอกว่าจะขอพูดคุยเรื่องการร่วมงานในโครงการที่ประมูลได้ครับ ”

“เฮ้ย พิชญาเหรอ ช่างหน้าไม่อายจริงๆ คิดอยากจะแย่งลูกค้าของเรา ”ปาจรีย์ระเบิดอารมณ์ออกมาทันที

วารุณีเองก็ขมวดคิ้วด้วยเช่นกัน

ใบหน้าที่ฉีกยิ้มของเลขาฯเสกข์ก็หุบลง“ให้เธอกลับไปซะ บอกเธอว่า เรามีคู่ค้าที่จะร่วมงานด้วยแล้ว ”

ท่านประธานได้บอกไว้แล้ว ว่างานนี้ให้แค่Newborn สตูดิโอเท่านั้น ต่อให้คนด้านนอกจะเป็นคู่หมั้นของท่านประธานก็ไม่ได้ อีกทั้งลูกน้องทุกคนต่างก็รู้ ว่าท่านประธานนั้นไม่ได้รักหรือชอบพออะไรคู่หมั้นคนนี้เลย

เขาไล่พิชญาไป เชื่อว่าหากท่านประธานรู้เข้า ก็คงจะไม่ตำหนิอะไรเขา

“ครับ ผมจะไปเดี๋ยวนี้” บอดี้การ์ดตอบกลับ

แต่เมื่อเขาเดินมาถึงที่ประตู พิชญาก็เบียดเขา แล้วบุกเข้ามาด้านใน“สวัสดีค่ะคุณจรณ์ ดิฉันคือ……”

ยังไม่ทันได้พูดจบ พิชญาก็เห็นวารุณีกับปาจรีย์ สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที “พวกเธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ?”

“ถามอะไรอย่างนั้น เราก็เหมือนเธอนะสิ มาขอเจรจาร่วมงานกับคุณจรณ์ไง ”ปาจรีย์จงใจพูดสลับขั้นตอนของทุกอย่าง

วารุณีหัวเราะแล้วหลุบตาลงต่ำ ไม่ได้คิดจะเปิดโปงเธอ

เลขาฯเสกข์ที่ต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่แล้วมือถือก็สั่นขึ้นมา เขาหยิบมันขึ้นมาดู คำพูดที่อยากจะพูดก็ต้องกลืนมันเข้าไป

“มาเจรจาขอร่วมงานกับคุณจรณ์ ? พวกเธอเนี่ยนะ?”พิชญาชี้นิ้วไปที่ปาจรีย์ แล้วชี้ไปที่วารุณี ใบหน้าเต็มไปด้วยความดูถูก

ปาจรีย์โมโหจนของขึ้นอยากจะเข้าไปทำร้ายเธอ “เราทำไม?”

“ยังจะถามอีกว่าทำไม พวกเธอนี่ก็ช่างไม่เจียมตัวเอาซะเลย กะอีแค่สตูดิโอเล็กๆนั่น จะทำงานอะไรให้คุณจรณ์ได้ ?”

พิชญาเยาะเย้ยถากถาง

ปาจรีย์กำหมัดแน่น

วารุณีกุมมือเธอเอาไว้ แล้วส่ายหัวให้เธอ สีหน้าเย็นชาจ้องมองไปที่พิชญา “แล้วเธอล่ะ ทำอะไรได้บ้าง ?”

“ที่ฉันทำได้มีเยอะแยะ สตูดิโอของเราก่อตั้งขึ้นในจังหวัดจันทร์มานานห้าปี คอนเนคชั่นนั้นไม่ต้องพูดถึง เราไม่ขาดนักออกแบบ โรงงานผลิตผ้าที่ให้การสนับสนุนเราก็มีอยู่มากมาย ส่วนนี้พวกเธอเทียบไม่ได้อยู่แล้ว ”พิชญาเชิดหน้าขึ้นอย่างภูมิใจ

ปาจรีย์แค่นเสียงหึในลำคอ “ก่อตั้งมานานถึงห้าปีก็ยังเปลี่ยนให้เป็นบริษัทไม่ได้ เธอก็ยังกล้าเอามาพูดเนอะ ไม่รู้ว่ามีอะไรน่าภูมิใจนัก ”

“นี่เธอ……”พิชญาสีหน้าแข็งทื่อ ง้างมือขึ้นจะลงไม้ลงมือให้ได้

เพียงครู่เดียว เธอก็คิดขึ้นมาได้ว่าสถานที่ตรงนี้มันไม่เหมาะ จึงเก็บไม้เก็บมือลงอย่างขุ่นเคือง

“ฉันไม่คุยเรื่องนี้กับพวกเธอ หลีกไป ฉันจะคุยกับคุณจรณ์”จากนั้น พิชญาก็เดินไปข้างหน้า แล้วเบียดร่างวารุณีออกเดินไปอยู่ตรงหน้าของเลขาฯเสกข์

ส่วนวารุณีที่ถูกเบียด ร่างกายก็ไหวเอนไปมา เกือบจะล้มลงไปอีกรอบ ยังดีที่ปาจรีย์ไหวตัวทัน รีบมาพยุงร่างเธอเอาไว้ จึงรอดพ้นจากอุบัติเหตุไปได้อย่างหวุดหวิด

“พิชญา เธอบ้าไปแล้วหรือไง ไม่เห็นเหรอว่าวารุณียืนอยู่ เบียดเข้ามาได้ ?”ปาจรีย์ตะโกนใส่พิชญาด้วยความโมโห

พิชญาเหลือบมองไปที่วารุณีแวบหนึ่ง “ใครไปเบียดเธอกัน เธอนั่นแหละมายืนขวางอะไรตรงนั้น”

“เธอนี่มัน……”

“พอเถอะปาจรีย์ อย่าไปต่อล้อต่อเถียงอะไรกับคนแบบนี้เลย”วารุณีตีไปที่หลังมือของปาจรีย์เบาๆ เพื่อเตือนให้เธอสงบสติอารมณ์

และในห้องรับรองที่อยู่ถัดไป นัทธีที่เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างจากกล้องวงจรปิด ออกคำสั่งด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม “ให้เสกข์ทำยังไงก็ได้เอาตัวพิชญาออกไป”

“ครับ”มารุตรับคำ แล้วกดส่งข้อความไปอีกรอบ

เลขาฯเสกข์มองดูข้อความที่ถูกส่งมา ในใจก็ยิ่งมีความมั่นใจมากขึ้น จัดแต่งเนกไท กำลังจะเอ่ยพูด แต่พิชญากลับพูดตัดหน้าขึ้นก่อน“สวัสดีค่ะคุณจรณ์ ฉันเป็นผู้รับผิดชอบของมูนไลท์สตูดิโอ ได้ยินว่าคุณมาจากต่างเมือง เพราะฉะนั้นฉันคิดว่าคุณคงต้องการหาพาร์ทเนอร์เป็นแน่ เพื่อทำโครงการที่ประมูลมาได้ให้สำเร็จ ฉัน……”

“พรืด ฮ่าๆๆ!”เสียงหัวเราะขัดจังหวะคำพูดที่ถูกเตรียมมาอย่างดีลง

สีหน้าของพิชญาเปลี่ยนไป จ้องเขม็งไปที่ปาจรีย์กับวารุณีอย่างอาฆาต “พวกเธอหัวเราะอะไร?”

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

Status: Ongoing

5ปีก่อน พ่อแม่หย่าร้าง พ่อสุดเหี้ยมไล่พวกเขาออกจากบ้าน เพื่อรักษาโรคหัวใจของน้องชาย วารุณีแอบแฝงเข้าไปในห้องนัทธีขึ้นแสดง ‘ใช้กายแลกเงิน’ 5ปีต่อมา เธอพาเด็กน้อยน่ารักสองคนกลับประเทศ เพื่อที่จะเอาทุกอย่างที่เป็นของเธอคืนมา กลับบังเอิญเจอชายผู้มีอิทธิพลมากที่สุดในจังหวัดจันทร์อีกครั้ง เขาคือ นัทธี นั่นเอง “ลูกชายคุณทำไมหน้าเหมือนฉันจัง?” นัทธีถามเสียงต่ำ วารุณี:”…” เด็กน้อยน่ารัก: “แด๊ดดี้ รีบมีลูกกับหม่ามี๊อีกคนสิครับ!”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท