ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงคืนนั้น ตอนที่เธอร้องไห้หอบอยู่ใต้ร่างเขา และเคยพูดสองคำนี้
“ประธาน เป็นอะไรไปครับ?”มารุตที่อยู่ด้านหลังเห็นนัทธีที่จู่ๆยืนอยู่ไม่ขยับ จึงอดไม่ได้ที่จะถามไป
นัทธีสลัดความคิดออก กำมือเม้มปากไอออกเบาๆ ตอบกลับเสียงเบา“ไม่เป็นไร ไปเถอะ”
หลังจากเขามองวารุณีที่ยังตะลึงอยู่ไม่ไกลแล้ว ก็ก้าวเท้าขึ้นไปเรือสำราญ
มารุตตามอยู่ด้านหลังติดๆ
วารุณีเหลือบเห็นสองร่างนั้น ริมฝีปากก็ขยับเหมือนอยากทักทาย แต่พงศกรกลับปรากฏตรงหน้าของเธอทันที ทำให้การมองเห็นของเธอถูกกั้นเอาไว้
“มองอะไรเหรอ?”เขาถามยิ้มๆ
วารุณีละสายตาไปที่ทางเข้าเรือสำราญ ส่ายหน้า“ไม่มีอะไร พวกเราจะขึ้นไปเมื่อไหร่?”
“ลงทะเบียนก็พอ”พงศกรชี้ไปที่จุดลงทะเบียนตรงหน้า จากนั้นยื่นมือไปที่เธอ
วารุณีเอียงหัวอย่างไม่เข้าใจ
สายตาพงศกรเปล่งประกายเล็กน้อย อธิบายไปว่า“ครั้งนี้คุณมาในฐานะแฟนสาวของผม ดังนั้นพวกเราแสดงเป็นคู่รักคู่หนึ่ง ไม่อย่างนั้นจะทำให้คนอื่นสงสัยได้”
“ฉันรู้แล้ว”วารุณีหัวเราะ เอามือวางไป
พงศกรกุมมือของเธอไว้แน่น พาเธอไปจุดลงทะเบียน
ลงทะเบียนเสร็จ เจ้าหน้าที่พาทั้งสองคน ขึ้นไปที่เรือสำราญ
พอขึ้นไป วารุณีจึงพบว่าด้านในมองเห็นมากกว่าด้านนอก ก็รู้สึกตะลึง
เรือสำราญสูงสิบชั้น ด้านในมีทุกอย่าง สวนสนุก ห้างสรรพสินค้า……แม้กระทั่งกาสิโนก็ยังมี บอกว่าเป็นเมืองขนาดเล็กก็ยังได้!
เห็นวารุณีมองจนตะลึง สายตาพงศกรก็มีรอยยิ้มแวบเข้ามา ความอ่อนโยนที่ใบหน้าก็เผยออกมา“โอเค พวกเราไปทักทายเจ้าภาพก่อน แล้วผมค่อยไปเดินเล่นกับคุณเอาไหม?”
วารุณีได้สติคืนมาก็พยักหน้า“โอเค”
“ไปเถอะ”พงศกรจับมือของเธอ ไปถามเคาน์เตอร์ว่าตอนนี้คนตระกูลฮิลล์อยู่ที่ไหน
หลังจากถามจนรู้ว่าห้องรับรองอยู่ที่ชั้นสิบ พงศกรจึงพาวารุณีขึ้นไป
ในห้องรับรอง ผู้มีอำนาจของตระกูลฮิลล์ ตอนนี้กำลังหารือกับนัทธีเรื่องความร่วมมือในไตรมาสหน้า ได้ยินแม่บ้านรายงาน ก็ขมวดคิ้วทันที“คุณให้เขารออยู่ห้องข้างๆก่อน ผม……”
“เป็นแขกของคุณออสตินเหรอครับ?”นัทธีตัดบทเขาด้วยสายตาลึกซึ้ง
คุณออสตินตอบกลับด้วยรอยยิ้ม“เป็นหมอเมื่อก่อนของลูกสาวผมครับ”
“เหรอครับ ในเมื่อเป็นหมอของลูกสาว ก็ถือเป็นผู้มีพระคุณ ให้เขาเข้ามาเถอะ”นัทธียกไวน์แดงขึ้นมาจิบคำหนึ่ง พูดเบาๆ
เขาพูดแบบนี้แล้ว คุณออสตินก็ไม่อาจคัดค้าน มองไปที่แม่บ้าน“ในเมื่อประธานนัทธีไม่ว่าอะไร งั้นแม่บ้าน คุณเชิญพวกเขาเข้ามาเถอะ”
“ค่ะ”แม่บ้านตอบ แล้วออกไป
แป๊บเดียว พงศกรก็พาวารุณีเข้ามาในห้องรับรอง
พอเข้ามา วารุณีก็มองเห็นนัทธี ใบหน้ามีความตะลึง“ประธานนัทธี คุณก็อยู่ที่นี่เหรอคะ?”
เธอดึงมือ จะเอามือออกจากมือของพงศกร
แต่พงศกรเตรียมพร้อมไว้แล้ว กุมมือเธอไว้แน่น ไม่ให้โอกาสเธอหนี
และฉากนี้ สำหรับนัทธีแล้ว ไม่มีอะไรมากไปกว่าการเกี้ยวพาราสี ทำให้ใบหน้าของเขาดูไม่ดี มือที่ถือแก้วไวน์ก็กำแน่นขึ้น ราวกับจะบีบแก้วไวน์ ให้แตก
นัทธีไม่ตอบวารุณี วารุณีเลยผิดหวังหน่อยๆ ก้มหน้าลงมาเล็กน้อย
พงศกรรู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของอารมณ์เธอ มุมปากยกขึ้น แล้วปล่อยมือของเธอ ยื่นมือไปที่คุณออสติน“สวัสดีครับคุณออสติน”
คุณออสตินจับมือกับเขา“สวัสดีครับคุณหมอพงศกร ยินดีที่มานะครับ ไม่ทราบว่าคุณผู้หญิงคนนี้คือ……”
เขามองไปที่วารุณีอย่างแปลกใจ
“เธอชื่อวารุณี เป็นแฟน……”พงศกรเหลือบมองนัทธีแวบหนึ่ง จากนั้นค่อยๆพูดออกมาสามคำว่า“แฟนของผม!”
เพล้ง!
เสียงแก้วแตกดังขึ้นมาอย่างชัดเจน ทำให้ทุกคนในห้องรับรองต่างตะลึง มองไปทางต้นเสียงทันที
ก็เห็นแก้วไวน์ของนัทธีแตกเป็นชินๆบนพื้น และที่มือเขาก็มีเลือดไหล จะเห็นได้ว่า แก้วไวน์ถูกเขาบีบจนแตกเลย
“ประธานนัทธี มือของคุณ……”วารุณีร้องอย่างตกใจ อยากเข้าไปดู
อย่างไรก็ตามพงศกรดึงแขนของเธอไว้ ไม่ให้เธอไป
วารุณีขมวดคิ้ว มองเขาอย่างไม่พอใจ
พงศกรสบตากับเธอด้วยใบหน้าเรียบเฉย“วารุณี อย่าลืมล่ะ ตอนนี้คุณคือแฟนของผม!”
พอได้ยิน วารุณีก็กำฝ่ามือ เหมือนกำลังต่อสู้กับข้างในใจ
ผ่านไปหลายวินาที เธอก็ถอนหายใจ สุดท้ายเท้าที่ก้าวออกไปก็ละคืนกลับมา
ใช่ ตอนแรกก็คุยกันแล้วนี่ว่า เธอใช้สถานะที่เป็นแฟนเขา มาร่วมงานแต่งกับเขา
ถ้าตอนนี้เธอทิ้งเขาไปห่วงใยนัทธี ก็เท่ากับเหยียบหน้าของเขาที่พื้น เธอทำแบบนี้ไม่ได้
รู้สึกว่าวารุณียอมแพ้ความคิดที่จะไปดูนัทธีบาดเจ็บ พงศกรจึงปล่อยแขนของเธอ เดินไปที่นัทธี“ประธานนัทธี ผมช่วยคุณดูแผลเอาไหมครับ?”
คุณออสตินได้ยิน ไม่รอให้นัทธีพูดอะไร ก็รีบหลีกทางให้“งั้นประธานนัทธีก็ต้องฝากคุณหมอพงศกรแล้วนะครับ”
“ได้ครับ”พงศกรหัวเราะ จากนั้นก็มองนัทธี“ประธานนัทธี รบกวนแบมือด้วยครับ”
นัทธีไม่ทำตาม กลับกำฝ่ามือยืนขึ้นมา น้ำเสียงเย็นชาไร้ความรู้สึก“ไม่ต้อง!”
พูดจบ เขาก็ดูเยือกเย็นไปทั้งตัว ยกเท้าก้าวออกไปจากห้องรับรอง
วารุณีมองแผ่นหลังของเขา อ้าปากอยากจะเรียกเขาไว้ ให้เขามาดูแผลอย่างเชื่อฟัง
แต่พอคิดแล้ว ตัวเองมีสิทธิ์อะไรไปให้เขาฟังเธอล่ะ
“ขอโทษนะครับคุณหมอพงศกร คุณวารุณี ประธานนัทธีเขา……”คุณออสตินยิ้มให้พงศกรกับวารุณีอย่างรู้สึกขอโทษ
พงศกรโบกมือ“ไม่เป็นไร ผมรู้จักประธานนัทธี ผมชินแล้วที่เขาทำแบบนี้”
“เหรอครับ”คุณออสตินพยักหน้า
ตอนนี้เอง จู่ๆประตูห้องรับรองก็ถูกคนผลักออกอย่างแรง ร่างอรชรอ้อนแอ้นร่างหนึ่ง ก็วิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อน“พ่อคะ ฉันได้ยินแม่บ้านบอกว่าคุณหมอพงศกรมาแล้ว เขาอยู่ที่นี่เหรอ?”
“นั่นไม่ใช่เหรอ”คุณออสตินบุ้ยปากยิ้มไปทางพงศกร
คุณแอนนี่มองตามไป มองเห็นผู้ชายที่เฝ้านึกถึงอยู่ตลอดเวลา ดวงตาก็เป็นประกาย แก้มก็แดงขึ้นมาทันที
เธอก้าวเท้าเล็กๆมาที่ตรงหน้าพงศกร สองมือบิดชายเสื้ออย่างกังวล ทักทายอย่างเขินอาย“คุณหมอพงศกร ไม่เจอกันนานเลย!”
วารุณีเลิกคิ้ว
เด็กผู้หญิงคนนี้ ชอบพงศกร!
เธอมองไปที่พงศกรอย่างสนใจ
พงศกรหันไปมองเธอ มองความหยอกล้อในสายตาเธอออก แล้วสายตาก็เย็นชา
แต่แป๊บเดียว เธอก็เอาสายตามองไปที่คุณแอนนี่ ยิ้มตอบอย่างอ่อนโยนและมีมารยาท แต่รอยยิ้มกลับไม่ได้ออกมาจากใจ กลับกันมีความห่างเหินและเย็นชา“สวัสดีแอนนี่ ไม่เจอกันนานเลยนะ”
“ใช่ เกือบครึ่งปีแล้ว”คุณแอนนี่ก้มหน้าลง ยิ้มอย่างเขินอาย
ตอนที่เธออยากถามเขาว่าช่วงนี้เป็นอย่างไรบ้าง ก็ได้ยินคำลาที่เขาพูดออกมา จากนั้นพูดกับผู้หญิงด้านข้างว่า“วารุณี พวกเราไปกันเถอะ”
วารุณีตอบรับอือ
คุณแอนนี่ได้ยินพงศกรเรียกวารุณีอย่างสนิทชิดเชื้อแบบนี้ ใบหน้าก็ตะลึงงัน“เดี๋ยวนะ!”
เธอเรียกทั้งสองคนที่จะออกไปไว้
วารุณีกับพงศกรหยุดฝีเท้าลงพร้อมกัน
สีหน้าที่คุณแอนนี่มองวารุณีซีดขาวลง ใบหน้าฝืนยิ้มออกมา“คุณหมอพงศกร คุณผู้หญิงคนนี้คือใคร?”
คุณออสตินรู้ว่าลูกสาวตัวเองมีใจให้พงศกร อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ“แอนนี่ นี่คุณวารุณีเป็นแฟนของคุณหมอพงศกร……”
“แฟน?”คุณแอนนี่ถอยหลังไปสองก้าวที่ถูกโจมตีอย่างหนัก ร้องเสียงแหลมออกมา