มารุตตอบรับ ทำตามทันที และหันหน้ามองไปที่นัทธีในทันทีทันใด
เห็นสภาพที่เขาอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก มารุตก็ตะลึง แว่นตาลื่นไหลลงมาจากสันจมูก“โหยประธานนัทธี คุณเปียกไปทั้งตัวเลย”
วารุณีที่กำลังจัดชายกระโปรงได้ยินคำนี้ ก็ชะงักไปทั้งตัว ก็รีบหันหน้าไปมองนัทธี
เห็นเขาเป็นอย่างที่มารุตพูดจริงๆ ทั้งตัวเปียกไปหมด ก็ตะลึงไปหมด ในใจรู้สึกได้จนพูดไม่ออก
เขาเปียกไปทั้งตัวแบบนี้ และยังมีเสื้อคลุมเขามาปกป้องเธอ มีแค่รองเท้ากับชายกระโปรงที่เปียกเล็กน้อย เทียบกับเขาแล้ว ไม่รู้ว่าเธอดีกว่าแค่ไหนแล้ว
เวลานี้ ในใจวารุณีประทับใจมาก และก็รู้สึกแย่
เธอเอาเสื้อคลุมบนหัวลงมา ยื่นไปให้นัทธี“ประธานนัทธี เอาอันนี้เช็ดดีกว่าค่ะ ด้านในแห้ง”
นัทธีก็ไม่ได้ปฏิเสธ ตอบอือ คว้าเสื้อคลุมด้านที่แห้งมาเช็ดผม
วารุณีก็มองเขา มองเสื้อเชิ้ตขาวที่เปียกจนโปร่งใส เผยให้เห็นโครงร่างส่วนบนที่แข็งแกร่งของเขาออกมาหมด ใบหน้าเล็กๆแดงอย่างทนไม่ไหว
หุ่นของประธานนัทธี……ช่างดีจริงๆ!
และคืนนั้นที่เธอมีอะไรกับเขา เป็นเพราะความเมาจนมองไม่เห็นอะไรทั้งหมด เหมือนว่าจะพลาดอะไรไปมากมาย
วารุณีกัดริมฝีปาก ถอนหายใจอย่างเสียใจหน่อยๆ
“คุณกำลังมองอะไร?”นัทธีเช็ดผมเสร็จแล้ว หันหน้าไป มองเธอด้วยสายตาหมองหม่น
วารุณียืดหลังตรง รีบส่ายมือ“ไม่……ไม่ได้มองอะไร?”
“จริงเหรอ?”นัทธีหรี่ตาลง
สายตาวารุณีมองไปทางอื่น พยักหน้าอย่างร้อนรน“จริงๆ!”
เธอจะบอกเขาไม่ได้ ว่าเธอกำลังจินตนาการถึงรูปร่างของเขา
“แบบนี้นี่เอง”นัทธีเงยคางขึ้น ละสายตาคืนไม่มองเธออีก เหมือนว่าเชื่อคำพูดของเธอ
วารุณีเอามือกุมไว้ตรงหัวใจ โล่งอกออกมาเล็กน้อย
นัทธีเหลือบมองเห็นเธอชื่นชมยินดีแบบนี้ มุมปากก็ยกขึ้นเป็นมุมเล็กน้อย
ตอนที่เขาเช็ดผม เขาก็รู้ว่าเธอกำลังมองเขา
สายตาที่สดใสของเธอ อยากจะละเลยก็ยาก
นัทธีไม่ได้แฉวารุณีที่กำลังแอบมองเขา เอาเสื้อคลุมวางไว้บนที่นั่ง
มุมของเสื้อคลุมปัดหลังมือของวารุณี เธอมองเสื้อคลุมที่ยับยู่ยี่ ขมวดคิ้วอย่างปวดใจ“น่าเสียดายมาก เสื้อตัวนี้โดนฝนจนพังหมด ใส่อีกไม่ได้แล้ว”
ในฐานะดีไซเนอร์เสื้อผ้า เห็นผลงานของปรมาจารย์ถูกทำลาย ไม่อาจเรียกได้ว่าไม่รู้สึกปวดใจ
“ใส่ไม่ได้แล้วก็ทิ้งไปสิ”นัทธีจัดทรงผม ถามอย่างไม่สนใจ
วารุณีพับเสื้อขึ้นมา“เดี๋ยวฉันชดใช้ตัวใหม่ให้คุณละกันนะ?”
“ชดใช้ให้ผม?”นัทธีเลิกคิ้ว
วารุณีตอบอือ พยักหน้าเล็กน้อย“ยังไงเสื้อคลุมนี้ก็ช่วยบังฝนให้ฉันค่ะ”
“ในเมื่อคุณอยากชดใช้ งั้นก็ชดใช้”นัทธีเงยมองเธอ
วารุณีกัดริมฝีปาก“ก็แค่ที่ฉันจะชดใช้ให้คุณ แพงไม่เท่าตัวนี้ของคุณแน่ๆค่ะ เสื้อผ้าของคุณล้วนแต่เป็นตัวที่ดีไซเนอร์ระดับปรมาจารย์ตัดให้ ดังนั้น……”
“งั้นคุณก็ตัดด้วยมือก็ได้แล้วไม่ใช่เหรอ?”นัทธีเอาข้อศอกวางไว้ที่ประตูรถ พูดเบาๆ
วารุณีชี้ไปที่ตัวเอง“ประธานนัทธี คุณหมายถึงว่า ให้ฉันทำให้คุณเองชุดหนึ่ง?”
“อือ”นัทธีพยักหน้าเล็กน้อย
วารุณีเอามือวางลง“ได้น่ะได้ค่ะ แต่ราคาก็ยังสู้ไม่……”
“ราคายังไงก็ช่าง คุณภาพไม่แย่ก็พอแล้ว ผมเคยเห็นเสื้อผ้าที่คุณเคยตัดเอง ฝีมือไม่แย่ไปกว่าแดเนียลเลย”ริมฝีปากบางๆของนัทธีขยับเบาๆ น้ำเสียงแฝงไปด้วยความอ่อนโยนและให้กำลังใจ
วารุณีฟังออก ก็รู้สึกอบอุ่นในใจ“ฉันเข้าใจแล้ว ขอบคุณความเชื่อมั่นของประธานนัทธีนะคะ ฉันจะชดใช้สูทชุดหนึ่งที่ไม่แพ้ตัวนี้เลย”
นัทธีเงยคาง“ได้ ผมจะคอยดู”
ไม่นานนัก ก็ถึงอพาร์ทเม้นท์ แล้วเวลานี้ฝนก็หยุดพอดี
วารุณีเปิดประตูลงจากรถ มองส่งรถออกไปจนไกล ก็หันกลับเข้าไปในอาคารอพาร์ทเม้นท์
กลับไปถึงอพาร์ทเม้นท์ วรยาก็เปิดประตูให้เธอ
วารุณีตกใจเล็กน้อย“แม่ ดึกขนาดนี้แล้ว ทำไมแม่ยังไม่นอนอีก?”
“ก็แม่ติดละครนี่ แล้วลูกกลับมามีเรื่องจะคุยกับลูกพอดี”วรยาแกะแผ่นมาส์กบนหน้า“มะรืนนี้แม่จะกลับต่างประเทศแล้วนะ ตอนบ่ายหมอของศรัณย์โทรมา บอกว่าสองวันนี้ศรัณย์ไม่ค่อยสบาย แม่ต้องกลับไปดู ไม่งั้นแม่ไม่วางใจเท่าไหร่”
ได้ยิน วารุณีก็พยักหน้า“โอเค ถึงตอนนั้นฉันจะไปส่งแม่ที่สนามบิน ฉันไปอาบน้ำก่อนนะ”
“ไปเถอะ”วรยาโบกมือ
วารุณีทุบไหล่ หลังจากกลับไปหยิบชุดนอนที่ห้อง ก็เดินไปที่ห้องน้ำ
วันถัดมา หลังกินข้าวเช้าเสร็จ วรยาพาไอริณไปโรงเรียนอนุบาลแล้ว วารุณีก็พาอารัณไปสตูดิโอ
ระหว่างทาง นัทธีโทรศัพท์มา
วารุณีลังเลเล็กน้อย แต่ก็รับไป“ประธานนัทธี”
“คุณวารุณี”ที่ปลานสายส่งเสียงมา ไม่ใช่เสียงของนัทธี แต่เป็นเสียงผู้หญิงวัยกลางคนที่ดูใจดี
วารุณีตะลึงเล็กน้อย แป๊บเดียวก็คิดออกว่าเสียงผู้หญิงวัยกลางคนนี้คือใคร“ป้าส้ม?”
“ป้าเองค่ะ”ป้าส้มพยักหน้า
อารัณกะพริบตา“หม่ามี๊ ใครอ่ะ?”
วารุณีชูนิ้วขึ้นมานิ้วหนึ่ง สื่อว่าไม่ให้เขาพูดอะไร
อารัณรีบพยักหน้า ปิดปากไว้ แล้วเงียบลง
วารุณียิ้มให้เขา แล้วจึงถามป้าส้ม“ป้าส้ม ป้ามีอะไรหรือเปล่าคะ?”
ทำไมป้าส้มต้องใช้โทรศัพท์ของนัทธีโทรหาเธอ?
“คุณวารุณี ตือแบบนี้ค่ะ เมื่อวานคุณผู้ชายของเรามีไข้ ไข้สูงถึงสามสิบเก้าองศา จนตอนนี้ก็ยังไม่ได้สติคืนมา เขาฝฝัน ก็เอาแต่เรียกคุณวารุณีชื่อของคุณค่ะ”ป้าส้มมองบนเตียงใหญ่สีดำ ชายหนุ่มที่หน้าซีดขาวหลับตาแน่น พูดอย่างกังวล
ดวงตากลมๆของวารุณีตะลึง“เรียกชื่อฉัน?”
“ใช่”
“ทำ……ทำไมเขาต้องเรียกชื่อฉันด้วยคะ?”หัวใจวารุณีเต้นเร็วขึ้น
ป้าส้มส่ายหน้าด้วยรอยยิ้มลำบากใจ“อันนี้ป้าก็ไม่รู้ค่ะ ดังนั้นคุณวารุณี คุณมาดูประธานนัทธีหน่อยได้ไหมคะ?”
“แต่ว่า……”
“ขอร้องล่ะคุณวารุณี!”ป้าส้มไม่ให้โอกาสเธอปฏิเสธ แม้แต่คำว่าขอร้องสองคำนี้ก็ยังพูดออกมา
วารุณีก็หมดปัญญา ฉีกมุมปากอย่างไม่เต็มใจ“ฉันเข้าใจแล้ว เดี๋ยวฉันจะไปค่ะ”
พูดจบเธอก็วางสาย
อารัณดึงแขนเสื้อของเธอ“หม่ามี๊ คุณอานัทธีป่วยใช่ไหมครับ?”
“อือ มีไข้จ้ะ หม่ามี๊รับปากพี่เลี้ยงของบ้านคุณอานัทธีแล้ว ต้องไปดูคุณอานัทธี ลูกรักลูก……”
“ผมก็จะไป”อารัณมองไปที่เธอ
วารุณีเลิกคิ้ว“แต่ว่าไม่ใช่ว่าลูกไม่ชอบคุณอานัทธีเหรอ?”
“ผมไม่ชอบครับ แต่เมื่อก่อนคุณอานัทธีก็ดีต่อผมกับไอริณ เขาป่วย ผมไปดูเขาก็สมควรแล้วครับ อีกอย่างผมก็อยากดูว่าคุณอานัทธีพักที่ไหน”อารัณกำฝ่ามือเล็กๆไว้แล้วพูด
วารุณีบีบจมูกของเขา“โอเค หม่ามี๊จะพาหนูไปด้วย แต่ลูกต้องอย่าดื้ออย่าซนนะ!”
“อือๆ”อารัณตอบกลับไปมา
ผ่านไปประมาณสี่สิบกว่านาที ก็ถึงคฤหาสน์ของนัทธี
วารุณีเพิ่งเดินไปถึงหน้าประตูคฤหาสน์ กำลังเตรียมจะกดกริ่งประตู ประตูคฤหาสน์ก็เปิดออก
ป้าส้มสวมผ้ากันเปื้อนออกมาจากด้านใน“คุณวารุณีถึงสักที”
“ให้ป้าส้มรอนานเลยนะคะ”วารุณีหัวเราะอย่างรู้สึกผิด
ป้าส้มหันข้างทำท่าเชื้อเชิญ“ไม่เลยค่ะ คุณวารุณีรีบเข้ามาสิคะ”
“เดี๋ยวก่อนค่ะป้าส้ม ฉันยังพามาอีกคนด้วย”วารุณีจับมือของเธอไว้ ไม่รีบเข้าไป
ป้าส้มหันหน้าไปมองด้านข้างเธอ“พามาอีกคน ไหนล่ะ?”
“นี่ค่ะ”วารุณีดึงเด็กน้อยออกมาจากด้านหลัง
ป้าส้มก้มหน้าลงมอง แล้วก็ตกใจจนหน้าเสีย