“เอ่อ……เอ่อ……”ป้าส้มชี้ไปที่อารัณอย่างไม่อยากจะเชื่อ“หรือว่านี่คุณวารุณีกับคุณผู้ชาย……”
ก่อนวารุณีมาก็เดาได้แล้วว่าเธอจะมีปฏิกิริยาแบบนี้ หลังจากกะพริบตา ก็ส่ายมือตอบว่า“ไม่ใช่ค่ะ เขาเป็นลูกของฉันกับคนอื่น”
“คนอื่น?”ป้าส้มขมวดคิ้ว ไม่เชื่ออย่างเห็นได้ชัด
เด็กคนนี้ ทำไมดูแล้วเหมือนกับสลักแบบคุณผู้ชายออกมาเลยล่ะ
จะเป็นของคนอื่นได้อย่างไร?
วารุณีรู้ว่าในใจป้าส้มกำลังสงสัยอะไร ก็ไม่ได้อธิบายมาก เอามือออกจากบนหัวอารัณ เปลี่ยนเรื่องคุย“โอเคค่ะป้าส้ม พาฉันไปดูประธานนัทธีดีกว่า ไม่ได้บอกว่าประธานนัทธีเรียกชื่อของฉันเหรอคะ”
ป้าส้มได้ยิน ก็ไม่คิดมากอีก หันข้างเปิดทางหน้าประตูออก“ใช่ๆๆ คุณวารุณีรีบเข้ามาสิคะ”
วารุณีตอบอือ ก็ดึงมือของอารัณเข้ามาในคฤหาสน์
หลังจากเข้าไป ป้าส้มก็พาสองแม่ลูกวารุณีขึ้นไปห้องนอนใหญ่ชั้นสามโดยตรง
นัทธีนอนอยู่บนเตียงใหญ่ๆหลับตาลงสนิท วารุณียืนอยู่ข้างเตียง มองใบหน้าซีดขาวของเขา ฟังลมหายใจที่เร็วของเขา ก็ยื่นมือไปแตะหน้าผาก
แตะแล้ว ก็ขมวดคิ้วแน่น“ร้อนมาก ไม่เรียกหมอมาเหรอคะ?”
“เรียกมาแล้วค่ะ หมอฉีดยาลดไข้ให้คุณผู้ชายแล้ว”ป้าส้มถอนหายใจแล้วตอบกลับ
อารัณฟุบลงข้างเตียง ตาโตคู่นั้นเป็นประกายจ้องนัทธีไม่ไปไหน“หม่ามี๊ คุณอานัทธีไม่เป็นไรใช่ไหม?”
“ไม่เป็นไรค่ะ”ไม่รอให้วารุณีตอบ ป้าส้มก็พูดก่อน“แค่ไข้ยังไม่ลดลง”
สายตาวารุณีมองไปที่แอลกอฮอล์บนหัวเตียง“เช็ดตัวให้ประธานนัทธี ไข้น่าจะลดลงไวขึ้นนะคะ?”
ป้าส้มพยักหน้า“ใช่ค่ะ ก่อนคุณหมอไปก็พูดแบบนี้ แต่คุณผู้ชายไม่เคยให้ใครแตะต้องเขา ป้าอยากเช็ดตัวให้เขาก็หมดหนทาง ไม่งั้นคุณวารุณี……”
วารุณีตระหนักอะไรได้ ก็อ้าปาก“ป้าส้ม ป้าคงไม่ได้ให้ฉันช่วยเช็ดตัวให้ประธานนัทธีหรอกนะคะ?”
ป้าส้มถูมือบนผ้ากันเปื้อนด้วยรอยยิ้ม“ถูกค่ะ ป้าหมายความอย่างนี้ ป้าก็หมดหนทาง คิดว่าในเมื่อคุณผู้ชายฝันแล้วเอาแต่เรียกชื่อของคุณ ก็น่าจะไม่ขัดข้องการสัมผัสของคุณวารุณี”
“แต่ว่า……”วารุณีกัดริมฝีปากอย่างลำบากใจ ยังอยากจะพูดอะไร
ป้าส้มก็ตัดบทเธอด้วยใบหน้าขอร้อง“คุณวารุณี เห็นแก่ที่เมื่อคืนคุณผู้ชายของเราเอาเสื้อคลุมให้คุณ คุณก็ช่วยหน่อยนะคะ”
พอพูดถึงเรื่องนี้ วารุณียังจะพูดอะไรได้อีก ฉีกมุมปากตอบกลับด้วยรอยยิ้มขมขื่น“ค่ะ ฉันเข้าใจแล้ว”
ไม่รู้จริงๆว่า นี่ถือว่าเป็นการ ทำตัวเองหรือเปล่า
“งั้นก็ขอบคุณคุณวารุณีนะคะ ส่วนเด็ก ก็ตามยายลงไปนะ ยายจะเอาของให้หนูกินเอง”ป้าส้มไปจับมือของอารัณอย่างยิ้มแย้ม
อารัณมองวารุณี ภายใต้การพยักหน้าของวารุณี จึงเอามือยื่นให้ป้าส้มอย่างเชื่อฟัง
คนแก่กับเด็กแกไป ในห้องเหลือเพียงวารุณีกับนัทธีสองคน
วารุณีถอนหายใจยาวๆ หันหน้าไปอีกครั้ง ไปดูชายหนุ่มบนเตียง
ตอนนี้ชายหนุ่มน่าจะทรมานมาก หน้าอกที่ห่มผ้าห่มบางๆกระเพื่อมไม่หยุด ริมฝีปากบางๆก็อ้าออกสั่นเล็กน้อย ส่งเสียงลมหายใจแรงๆ ไม่เพียงเท่านี้ บนคอเขามีประกายน้ำ และมีเหงื่อสองสามหยด เหงื่อนั้นไหลตามลูกกระเดือกลงไป เข้าไปในคอเสื้อชุดนอนแล้วหายไป
วารุณีเห็นแบบนี้จึงลูบคอของเขา ลงมือไปได้ก็เหนียวติด คอเสื้อเปียกไปหมด
“ทำไมเหงื่อออกเยอะแบบนี้?”วารุณีเม้มปากพึมพำ จากนั้นมองซ้ายมองขวาในห้องรอบหนึ่ง พอแน่ใจทางไปห้องน้ำแล้ว ก็เดินไปห้องน้ำแล้วเอาน้ำร้อนออกมา
วารุณีเอากะละมังวางลงที่หัวเตียง แล้วหยิบแอลกอฮอล์ทางการแพทย์ที่ใช้ลดไข้ขวดหนึ่งบนหัวเตียงขึ้นมาเปิดอีกครั้ง เทลงน้ำเล็กน้อย ใช้มือคนไปสองทีเสร็จ ก็หยิบผ้าขนหนูที่ขอบอ่างขึ้นมาแช่ลงน้ำ จากนั้นบิดแห้งแล้วเช็ดหน้าให้นัทธี เช็ดเหงื่อที่ใบหน้านัทธีทิ้งทีละนิด
เช็ดเสร็จ เธอก็เอาผ้าขนหนูใสในกะละมัง แล้วหยิบแผ่นลดไข้หนึ่งแผ่นบนหัวเตียงมาแกะออกอีกครั้ง ติดให้นัทธี
ทำพวกนี้เสร็จ วารุณีก็เริ่มหนักใจ เพราะต่อมา ก็จะถึงคราวเช็ดตัวให้นัทธีแล้ว
“นี่มันเรื่องอะไรกัน?”วารุณีลูบขมับ แล้วมองนัทธีที่คิ้วขมวดแป๊บหนึ่ง สูดลมหายใจลึกๆแล้วเปิดผ้าห่มที่ตัวเขาออก จากนั้นก้มเอวไปปลดกระดุมชุดนอนสีดำของเขา ถอดชุดนอนของเขาออก
มองร่างกายส่วนบนที่แข็งแกร่งของเขา วารุณีก็สูดลมหายใจเข้า หน้าแดงอย่างเลี่ยงไม่ได้ จังหวะของการเต้นหัวใจก็เร็วขึ้นเยอะ
ถึงแม้บนรถเมื่อคืน เธอก็มองเห็นร่างกายของเขาแล้ว แต่สุดท้ายยังมีเสื้อเชิ้ตขั้นหนึ่งบางๆที่ปิดบังสายตาอยู่ มองไม่เห็นชัดอย่างนี้
สายตาวารุณีมองไปที่ส่วนท้องที่เป็นแถวๆของนัทธี บนกล้ามเนื้อหน้าท้องที่แบ่งกันอย่างสม่ำเสมอ ก็อดไม่ได้ที่จะขยับมือไปลูบ
พอลูบเสร็จ เธอจึงได้สติขึ้นมาว่าตัวเองทำอะไรไป ตบแก้มอย่างหงุดหงิด สักพักจึงสงบสติอารมณ์ลง บิดผ้าขนหนูให้แห้งแล้วเช็ดตัวให้เขา
การเช็ดนี้ ใช้เวลาไปครึ่งชั่วโมง
“ฟู่……”วารุณีประคองตัวเองขึ้นมาถอนหายใจยาวๆ มือหนึ่งถือผ้าขนหนู อีกมือวางไว้ที่ด้านหลังแล้วทุบส่วนเอวที่ปวดเมื่อย รู้สึกว่าตัวเองเช็ดตัวให้นัทธี เหมือนกับเป็นการต่อสู้สงคราม เหนื่อยล้าไปทั้งตัว แม้แต่เหงื่อก็ไหลออกมา
วารุณีละสายตามองไปที่ชายหนุ่มบนเตียง ยิ้มอย่างทำอะไรไม่ได้ จากนั้นก็หยิบผ้าห่มมาห่มให้เขาใหม่ แล้วไปเทน้ำที่ห้องน้ำ
แต่ตอนที่เธอลุกขึ้นนั้น จู่ๆชายหนุ่มก็คว้าชายเสื้อของเธอไว้
วารุณีเดินไม่ได้ เซไปมาถอยไปด้านหลัง ล้มลงไปที่ตัวชายหนุ่มอย่างตกใจ ชนจนชายหนุ่มส่งเสียงฮึดฮัดออกมา
“ประธานนัทธี!”รูม่านตาวารุณีหดลง ไม่สนใจหลังตัวเองที่ถูกชนจนเจ็บ รีบหันตัวไปมองนัทธี เป็นห่วงว่าเขาจะไข้สูงแล้ว ยังถูกตัวเองชนจนบาดเจ็บภายในอีกก็คงแย่
ตอนที่วารุณีเปิดผ้าห่มออก ตอนที่กำลังจะตรวจดูหน้าอกของนัทธี จู่ๆนัทธีกลับลืมตาขึ้น มองเธอสักสองวินาที จากนั้นยกมือข้างหนึ่งมาโอบเอวของเธอไว้ พลิกตัว กอดเธอไว้ในอ้อมแขน หลับตาลงอีกครั้ง
“ประธานนัทธี?ประธานนัทธี?”วารุณีผลักชายหนุ่มเบาๆ อยากให้ชายหนุ่มปล่อยตัวเอง
แต่ชายหนุ่มไม่มีปฏิกิริยาใดๆตอบกลับและยังหลับลงไปอีก เหมือนว่าเมื่อครู่ที่เพิ่งตื่น ก็แค่เธอประสาทหลอนไป
แต่วารุณีรู้ว่าไม่ใช่ เพราะมือของเขา ยังไว้ที่เอวของเธออยู่
วารุณีได้กลิ่นแอลกอฮอล์บนตัวชายหนุ่มที่ส่งมา รู้สึกถึงลมหายใจของชายหนุ่มที่รวยรินอยู่บนหัวตัวเอง หัวใจก็เต้นแรง
เธอก็คิดไม่ถึงว่าตัวเองเช็ดตัวให้เขานี้ จู่ๆจะพัฒนาจนเป็นแบบนี้ได้ ก็อดไม่ได้ที่จะตื่นตระหนก
แต่เงยมองใบหน้าที่ดูดีของเขา ก็อดไม่ได้ที่จะตะลึง ความตื่นตระหนกนั้นก็สงบลง ร่างกายที่เกร็งก็ผ่อนคลาย
เธอยกมือที่อยู่ตรงหน้าอกเขาขึ้นมา วางไว้ที่หน้าของเขา ปลายนิ้วลูบไล้คิ้วของเขาอย่างอบอุ่น ทันใดนั้นในใจก็รู้สึกกร่อยๆ
ผู้ชายคนนี้ เป็นคนที่เธอรัก และเป็นพ่อของลูกเธอ แต่ในใจกลับมีหญิงอีกคนอยู่
เธอรู้ดีว่าชายคนนี้เข้าใกล้ไม่ได้ ควรจะลืมได้แล้ว แต่ทุกครั้ง กลับทนไม่ไหวที่จะไปอยู่ข้างกายเขา เป็นแบบนี้ต่อไปเรื่องจะกลายเป็นอย่างไร เธอไม่รู้เลย
“เฮ้อ……”วารุณีถอนหายใจด้วยรอยยิ้มขมขื่น ในใจทั้งลังเลและกังวล
แต่แป๊บเดียว ความลังเลนี้ จู่ๆก็ถูกเสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นมาทำลาย
มือวารุณีสั่น ร่างก็แข็งขึ้นมาอีกครั้ง เหมือนว่าทำเรื่องไม่ดีจนร้อนตัว รีบเอามือของนัทธีออกไปจากเอวของตัวเอง ลุกขึ้นมาจากอ้อมแขนของเขา
ตื่นมาแล้ว เธอก็ถอนหายใจออกมาก่อน สงบหัวใจที่เต้นระรัวนั่นลงแล้ว จึงเดินไปที่หัวเตียง หยิบโทรศัพท์ของเขามาดู เห็นนวิยาสามคำนี้บนหน้าจอ ก็อดไม่ได้ที่จะใจเต้น