พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ – บทที่ 180 เชื่อเธอ

บทที่ 180 เชื่อเธอ

สำหรับวารุณีแล้ว การถ่ายทอดสดนั้นดีมาก เธอยังกังวลอยู่เลยว่าตอนที่แข่งขันรอบชิง จะไม่มีใครรู้ว่าพิชญาเป็นคนที่มีนิสัยชอบเลียนแบบ

คิดไม่ถึงว่าสมาคมจะช่วยเธอแก้ปัญหายากๆนี้เอง

พิชญาตระหนักถึงสายตาที่วารุณีมองมา ไม่รู้ว่าทำไม ในใจจึงรู้สึกไม่สบายใจแปลกๆ

แต่เธอก็ไม่ได้ถาม เพราะว่าเลขาฯ ภูมิถือไมค์ไว้แล้ว และนำนางแบบทั้งสิบหกคนมายืนอยู่บนเวทีสูงในห้องประชุม ประกาศเนื้อหาการแข่งขัน

หมดหนทาง พิชญาได้แต่จ้องวารุณีกลับไปแรงๆ และอ้าปากพูดไม่มีเสียงว่า“เธอมองอะไร?”

วารุณีอ่านออก แต่ไม่ตอบ หลังจากยิ้มให้เธออย่างมีเลศนัยแล้ว ก็ละสายตากลับ ฟังเลขาฯ ภูมิพูดอย่างตั้งใจ

ธีมของการแข่งขันครั้งนี้คือ‘ฤดูใบไม้ผลิ’ดีไซเนอร์ไม่ใช่แค่ต้องวาดแบบร่างธีมนี้ออกมา ยังต้องเลือกผ้าตรงนั้นและตัดชุดออกมา ให้นางแบบที่ตัวเองเลือกสวมใส่ แล้วทำการเดินแบบ

ดังนั้นเลขาฯ ภูมิพูดจบ นอกจากวารุณีแล้ว ดีไซเนอร์ทุกคนต่างรุมกันไปเลือกนางแบบ

นางแบบที่เห็นแล้วสะดุดตา ไม่ใช่แค่นำแรงบันดาลใจมาให้ดีไซเนอร์ใด แต่ยังส่งผลต่อการแพ้หรือชนะของการแข่งขันได้ด้วย

เพราะว่าบุคลิกภาพ หน้าตา และสไตล์การเดินแบบของนางแบบ สามารถทำให้ดีไซเนอร์แน่ใจมากขึ้นว่า ตัวเองควรจะดีไซน์ไปทางไหน แม้ว่าเสื้อผ้าที่ออกแบบในตอนท้าย จะไม่โดดเด่นสวยงามเป็นพิเศษ แต่ตัวนางแบบสามารถสวมให้ออกมาดูดีได้ และเป็นไปได้ที่อาจจะชนะ ดังนั้นดีไซเนอร์พวกนี้จึงกระตือรือร้นแบบนี้

ห้องทำงานประธานบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ป นัทธีก็กำลังดูถ่ายทอดสดนี้ มารุตยืนอยู่หลังเก้าอี้ทำงานเขา ดันแว่นแล้วถามอย่างไม่เข้าใจว่า“ดีไซเนอร์คนนั้นต่างแย่งนางแบบกัน ทำไมคุณวารุณีไม่ไปแย่งนะ?”

มองดูที่ถ่ายทอดสด ดีไซเนอร์พวกนั้นที่แย่งนางแบบแย่งกันจนดูน่าเกลียดออกมา นัทธีละสายตาออกอย่างหงุดหงิด เอาสายตามองไปที่วารุณีที่อยู่นิ่งเฉย ริมฝีปากบางๆขยับแล้วพูดว่า“ไม่จำเป็น จากความสามารถของเธอแล้ว ไม่ว่าจะนางแบบคนนั้น เธอก็ตัดชุดให้เหมาะสมที่สุดได้”

“ถึงจะพูดแบบนี้ แต่ธีมคือฤดูไม้ใบผลิ ฤดูไม้ใบผลิสื่อถึงความอบอุ่น นางแบบพวกนี้แย่งนางแบบทุกคนไปหมดแล้ว เหลือแค่นางแบบผิวสีคนเดียวให้คุณวารุณี ไม่ค่อยดีมั้งครับ”มารุตมองวารุณีที่เดินไปทางนางแบบผิวสี แล้วพูดอย่างกังวล

สไตล์การออกแบบของดีไซเนอร์ชาวตะวันออก โดยพื้นฐานแล้วต่างยึดความอ่อนโยนและอนุรักษนิยมเป็นหลัก ดังนั้นน้อยมากที่จะเอาคนผิวสีมาเป็นนางแบบ เพราะพวกเธอคิดว่า นางแบบผิวสีเหมาะสมแค่การสร้างวิสัยทัศน์ทางแฟชั่นที่โดดเด่นเท่านั้น

รูปลักษณ์ภายนอกนั้นดูดุร้ายและไร้การควบคุม ไม่อาจแสดงให้เห็นด้านที่อ่อนโยนของฤดูใบไม้ผลิได้ และการสร้างวิสัยทัศน์ กลับยึดความดุร้ายไร้ขีดจำกัดเป็นหลัก

นัทธีรู้จุดนี้ดี แต่ไม่เป็นห่วงวารุณีเลยสักนิด กลับเอนตัวพิงพนักพิงเก้าอี้อย่างขี้เกียจ สองมือกอดไว้ที่เอว พูดนิ่งๆ“คุณดูสภาพเธอสิ รู้สึกเหมือนตื่นตระหนกไหม?”

ได้ยิน มารุตก็เอาสายตามองไปที่หน้าวารุณี

อย่างที่นัทธีพูด ใบหน้าวารุณีไม่มีความตื่นตระหนกเลยสักนิด กลับมีรอยยิ้มเล็กน้อย

มองเธอยิ้ม มุมปากนัทธีก็ยกขึ้นเป็นมุมเล็กน้อย“สำหรับพรสวรรค์แล้ว การแข่งขันถ้าธรรมดาเกินไป จะน่าเบื่อมาก มีความยากก็จะดีขึ้น แค่เธอชนะ เธอก็จะเข้าไปอีกขั้นใช่ไหมล่ะ?”

มารุตละสายตาลงมองประธานที่มั่นใจวารุณีอย่างมาก จากนั้นก็ยิ้ม

ก็ใช่ ประธานที่รักคุณวารุณี ยังไม่ห่วงคุณวารุณีเลย เขาที่เป็นผู้ช่วยจะไปห่วงอะไร?

ในที่แข่งขัน วารุณีอยู่ภายใต้สายตาสะใจของพิชญาและเหล่าดีไซเนอร์ พานางแบบผิวสีมาโต๊ะออกแบบของตัวเอง หยิบเทปขึ้นมา แล้วเริ่มวัดสัดส่วนของนางแบบผิวสี

วัดเสร็จ วารุณีให้นางแบบพักผ่อน ส่วนตัวเองไปโซนผ้า ดูผ้าที่สมาคมจัดหา

เพราะว่าผ้าที่สมาคมจัดหาให้นั้นเป็นผ้าธรรมดา และเป็นสีพื้นๆทั้งนั้น แบบนี้ การออกแบบของดีไซเนอร์จึงมีขีดจำกัด และถูกจำกัดเยอะมาก ไม่เห็นดีไซเนอร์ที่มาเลือกผ้าอยู่ข้างๆเหมือนกันเหรอ แต่ละคนเริ่มเกาหัวกันขึ้นมา

“คุณวารุณี คุณไม่กังวลเหรอคะ?”ตอนนี้เอง ดีไซเนอร์สาวที่หน้าตาธรรมดาเดินมาด้านข้างวารุณี เลือกผ้าไป พูดกับวารุณีไปด้วย

วารุณีหยิบผ้าชีฟองสีขาวบริสุทธิ์มัดหนึ่งมาพาดไว้ที่แขน ถามย้อน“กังวลอะไรคะ?”

“แน่นอนว่านางแบบของคุณไงคะ รอบน็อคเอาท์ก่อนหน้านี้ ต่างแบ่งผู้ชนะผู้แพ้มาจากภาพออกแบบ ไม่มีส่วนที่ให้นางแบบมาเดินแบบเลย และตอนนี้คุณไม่ใช่แค่ได้นางแบบผิวสีมา แต่ผ้าพวกนี้ก็ยังจืดชืดขนาดนี้ คุณจะชนะได้ไง?”

ถึงแม้ดีไซเนอร์สาวนี้จะพูดว่ากังวลแทนวารุณี แต่ในน้ำเสียง กลับไม่มีความกังวลเลยสักนิด แต่มีความเยาะเย้ยออกมา

วารุณีฟังออก แต่ไม่โกรธ หัวเราะนิ่งๆ แล้วเอาผ้าชีฟองสีแดงมัดหนึ่งพาไว้ที่แขนอีก ตอบว่า“ชนะหรือไม่ ฉันไม่รู้หรอกค่ะ แต่ฉันรู้ดีว่า ฉันไม่อยากแพ้”

ดีไซเนอร์สาวที่เลือกผ้าอยู่ก็ชะงัก อ้าปากอย่างตกใจ“ความหมายของคุณวารุณีคือ คุณมีแรงบันดาลใจในการออกแบบอยู่แล้ว?”

“ถูกค่ะ!”วารุณีก็ขี้เกียจจะมาถ่อมตัวกับเธอแล้ว จึงพยักหน้ายอมรับ

ตอนที่เธอวัดสัดส่วนมให้นางแบบผิวสี ในหัวก็มีภาพแบบร่างนานแล้ว

ดีไซเนอร์สาวกลืนน้ำลาย สายตาที่มองวารุณี ก็เปลี่ยนไป ไม่มีท่าทางดูถูกเหมือนเมื่อกี๊อีก หัวเราะอย่างเขินอาย“คุณวารุณีมีชื่อเสียงสมคำร่ำลือจริงๆเลยนะคะ”

“ชื่อเสียงสมคำร่ำลืออะไรกันล่ะ เธอก็แค่พูดไม่ให้เสียหน้าก็เท่านั้น”ไม่รู้ว่าพิชญาควบคุมรถเข็นมาด้านข้างวารุณีเมื่อไหร่ แล้วก็พูดแทรกอย่างดูถูก

ดีไซเนอร์สาวได้ยิน ตาก็เป็นประกาย มองไปที่พิชญาทันที“ความหมายของคุณพิชญาก็คือ คุณวารุณีไม่มีแรงบันดาลใจในการออกแบบ แต่กำลังโม้เหรอคะ?”

“ถูกต้อง!”ไมค์ที่ถ่ายทอดสดอยู่ห่างจากที่นี่ พิชญาจึงไม่กังวลว่าคำพูดของตัวเองจะถูกอัดไป ทำให้ทุกคนได้ยิน

ดังนั้น เธอจึงไม่ยับยั้งเลยสักนิด ยิ้มอย่างเยือกเย็นพูดว่า“ใครไม่รู้บ้างว่าความหมายที่แอบแฝงของฤดูใบไม้ผลิคืออบอุ่น อ่อนโยน ถือเธอจะออกแบบออกมาได้ นางแบบผิวสีคนนั้นจะสวมออกมาได้เหรอ?”

“พูดก็ถูก”ดีไซเนอร์สาวพยักหน้ารู้สึกว่ามีเหตุผล

วารุณีผ้าชีฟองสีเขียวมัดหนึ่งอันสุดท้ายขึ้นมาแล้วหัวเราะ“สวมได้หรือไม่ ไม่ต้องให้คุณสองคนมาเป็นห่วงหรอกค่ะ คุณสองคนห่วงตัวเองเถอะนะคะ ถ้าสุดท้ายการออกแบบของพวกคุณนั้นแพ้ให้ฉัน นางแบบก็แพ้ฉัน ก็คงเสียหน้ามากนะคะ”

“เหรอ”พิชญากลอกตาใส่“งั้นฉันอยากเห็นจริงๆ ว่าเธอจะชนะฉันได้ไหม!”

พูดจบ พิชญาก็อุ้มผ้าสองสามมัดออกไป

ดีไซเนอร์สาวคนนั้นก็ตามหลังเธอติดๆออกไป

วารุณีมองแผ่นหลังของทั้งสองคน หรี่นัยน์ตาดอกท้อที่สวยงามนั่นลง

เมื่อกี๊ถ้าเธอมองไม่ผิดล่ะก็ พิชญาไม่ได้เลือกผ้าอย่างละเอียด แต่กวาดตามอง และหยิบออกไปสองสามมัดจากชั้นวางผ้า แล้วก็นางแบบเช่นกัน พิชญาไปถึงหน้านางแบบ นางแบบคนนั้นก็เดินมาเอง

จะเห็นว่า พิชญาไม่ใช่แค่ถามธีมการแข่งขัน กับรายละเอียดการแข่งรอบนี้มาได้ แต่ยังตกลงล่วงหน้ากับนางแบบคนนั้นแล้วด้วย

ต้องบอกว่า ในหนึ่งอาทิตย์กว่าสั้นๆนี้ ทำพวกนี้ได้ ทำให้คนรู้สึกชื่นชมจริงๆ

“แต่ว่าการโกงแบบนี้ ทำได้ไม่นานหรอก”วารุณีละสายตาลง ปิดบังความเย้ยหยันอย่างเย็นชาในดวงตา

จากนั้น เธอก็เงยหน้าขึ้นมาใหม่ ปรากฏรอยยิ้มออกมา อุ้มผ้าสามสี่มัดไว้ กลับไปที่โต๊ะออกแบบของตัวเอง หลังจากปิดม่านลง ก็เริ่มวาดภาพออกแบบ และเริ่มตัดชุด

นอกจากเธอแล้ว ดีไซเนอร์ในที่นั่น ต่างทยอยกันปิดหน้าต่างโต๊ะออกแบบของตัวเอง แบบนี้ นอกจากผู้ชมที่ชมถ่ายทอดสดแล้ว คนตรงนั้น ก็มองไม่เห็นผลงานของเหล่าดีไซเนอร์ ก่อนจะขึ้นเดินแบบ

นัทธีกดเข้าไปในห้องถ่ายทอดสดของวารุณี มองเธอที่กำลังวาดรูปออกแบบ จึงอดไม่ได้ที่จะปัดความขี้เกียจออกไป เอาหน้าเข้าไปใกล้คอมพิวเตอร์ อยากดูให้ชัดมากขึ้น

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

Status: Ongoing

5ปีก่อน พ่อแม่หย่าร้าง พ่อสุดเหี้ยมไล่พวกเขาออกจากบ้าน เพื่อรักษาโรคหัวใจของน้องชาย วารุณีแอบแฝงเข้าไปในห้องนัทธีขึ้นแสดง ‘ใช้กายแลกเงิน’ 5ปีต่อมา เธอพาเด็กน้อยน่ารักสองคนกลับประเทศ เพื่อที่จะเอาทุกอย่างที่เป็นของเธอคืนมา กลับบังเอิญเจอชายผู้มีอิทธิพลมากที่สุดในจังหวัดจันทร์อีกครั้ง เขาคือ นัทธี นั่นเอง “ลูกชายคุณทำไมหน้าเหมือนฉันจัง?” นัทธีถามเสียงต่ำ วารุณี:”…” เด็กน้อยน่ารัก: “แด๊ดดี้ รีบมีลูกกับหม่ามี๊อีกคนสิครับ!”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท