พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ – บทที่ 189 คิดเผื่อนายท่านวัชระ

บทที่ 189 คิดเผื่อนายท่านวัชระ

“รีบพาไปส่งโรงพยาบาลเร็วเข้า!”ประธานวรวีออกคำสั่งกับเลขาฯ ภูมิอย่างรวดเร็ว

เพราะถ้ายังไม่พาไปส่งโรงพยาบาลแล้วเกิดมีเรื่องอะไรขึ้นมา ทางสมาคมของพวกเขาคงรับผิดชอบไม่ไหวแน่!

เลขาฯ ภูมิรู้เรื่องนี้ดีจึงรีบจัดการอย่างรวดเร็ว เขาเข็นพิชญาวิ่งออกไปทางประตูหอประชุม

ซึ่งประตูห้องประชุมอยู่ติดกับเวทีหลัก

ขณะที่เลขาฯ ภูมิเข็นพิชญาผ่านไป จู่ๆวารุณีก็เห็นเปลือกตาของพิชญาขยับนิดหน่อย

ทันใดนั้นเองวารุณีก็เข้าใจทุกอย่างทันที พิชญากำลังแกล้งเป็นลม!

วารุณีหัวเราะออกมาด้วยความโกรธ เธอประเมินความไร้ยางอายของพิชญาต่ำไปจริงๆ

เพื่อหลีกเลี่ยงการอธิบายแรงบันดาลใจในการออกแบบ ไม่นึกเลยว่าจะทำการกระทำต่ำๆอย่างแกล้งเป็นลมออกมาได้ น่าขยะแขยงเสียจริง!

หลังจากที่พิชญาถูกหามส่งไปที่ห้องพยาบาล ประธานวรวีก็ปิดรายการถ่ายทอดสดลง ในขณะเดียวกันก็ประกาศแจ้งว่าการแข่งขันสิ้นสุดลงแล้ว

ผู้ชมต่างก็ทยอยกันเดินออกไป ไม่นานห้องประชุมขนาดใหญ่ก็เหลืองเพียงไม่กี่คน

นายท่านวัชระกำลังจัดเรียงภาพผลงานการออกแบบของดีไซเนอร์ทั้งสี่คน วารุณีเห็นจึงเดินเข้าไป

นายท่านวัชระยิ้มให้เธอ“ วารุณี มาพอดีเลย ผลงานการออกแบบของเธอขายไหม?

“ขายค่ะ”วารุณีพยักหน้า

เธอกำลังขาดเงินพอดี

แต่ถึงไม่จะไม่ขาดเงิน เธอก็ขายอยู่ดี เนื่องจากตอนนี้สตูดิโอของเธอตั้งราคาอยู่ในระดับทั่วไป ซึ่งก็ไม่ได้มีราคาแพงถึงขนาดเท่ากับแบรนด์ไฮโซพอตัว ดังนั้นชุดที่มีการออกแบบเกินแบรนด์ไฮโซพอตัวแบบนี้ มันจึงนับว่าเป็นชุดแฟชั่นชั้นสูงแล้ว ซึ่งสตูดิโอของเธอทำไม่ไหวหรอก

“ถ้างั้นขายให้คนแก่อย่างฉันได้ไหม?เธอก็รู้ว่าฉันน่ะชอบของสไตล์แบบจีน แถมยังศึกษาวิจัยมาเกือบทั้งชีวิตแล้วด้วย ฉันจึงถือว่าเข้าใจและมีความรู้เกี่ยวกับของในด้านนี้มาก เพราะงั้นตอนนี้ฉันก็เลยเปลี่ยนมาศึกษาเครื่องแต่งกายของชนเผ่ากลุ่มน้อย ซึ่งกำลังขาดการออกแบบของจำพวกนี้อยู่พอดี”นายท่านวัชระหยิบภาพผลงานการออกแบบของวารุณีขึ้นพลางพูดออกไป

วารุณียิ้มออกมา“ได้สิคะ”

“ถ้างั้นก็ดีเลย ส่วนเรื่องราคา ฉันไม่ให้เธอขาดทุนหรอก”นายท่านวัชระวางภาพผลงานการออกแบบกลับลงไป แล้วหยิบของพิชญาขึ้นมา

วารุณีเม้มริมฝีปากแน่น“คุณปู่วัชระ ท่านก็อยากจะซื้อภาพผลงานการออกแบบของพิชญาด้วยหรอคะ?”

“ใช่ พอดีเลยเดือนหน้าฉันต้องไปร่วมพิธีเซ่นไหว้เทพเจ้าของชนเผ่าหนึ่ง ถ้าฉันเอาชุดนี้ออกไปตัดเย็บแล้วส่งเป็นของขวัญไปน่าจะเหมาะสมที่สุด”นายท่านวัชระลูบเคราไปมาแล้วเอ่ยขึ้น

วารุณีบีบฝ่ามือไปมา“คุณปู่วัชระหนูขอพูดตามจริงนะคะ ท่านอย่าซื้อเลย เพราะว่าพิชญาไม่ได้เป็นคนออกแบบเอง เธอไปลอกมาจากดีไซเนอร์คนอื่น”

“หา?”รอยยิ้มบนใบหน้าของนายท่านวัชระหายไปทันที เขาทำหน้าจริงจังขึ้น“นี่เธอพูดจริงหรอ?”

“จริงค่ะ และนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่พิชญาลอกเลียนแบบคนอื่นมา มีดีไซเนอร์ในวงการตั้งหลายคนที่รู้เรื่องนี้ และตั้งแต่เริ่มเข้าร่วมการแข่งขันการจัดอันดับนี้มา หล่อนก็ลอกผลงานคนอื่นมาโดยตลอด ไม่มีผลงานไหนที่หล่อนเป็นคนออกแบบเองเลย”วารุณีพยักหน้าลงแล้วพูดอย่างจริงจัง

นายท่านวัชระหรี่ตามอง

เขาไม่ได้คิดว่าเธอโกหก เพราะยังไงก็ไม่มีใครเอาเรื่องนี้มาพูดเล่นหรอก

ทว่าในขณะเดียวกันเขาก็ยังมีความสงสัยอยู่ในใจ“ถ้าเธอบอกว่าการแข่งขันในรอบก่อนๆหน้านี้พิชญาลอกเลียนแบบคนอื่นมา ฉันก็เชื่อเธอนะ แต่ว่าการแข่งขันในรอบนี้หล่อนจะลอกได้ยังไง?ฉันพึ่งประกาศหัวข้อในตอนแข่ง แล้วหล่อนเอาเวลาที่ไหนไปหาหัวข้อในการออกแบบมา อย่างที่รู้กันว่าขณะที่กำลังแข่งเราไม่อนุญาตให้ใช้เครื่องมืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ใดๆทั้งสิ้น”

“แล้วถ้าพิชญารู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าท่านจะออกหัวข้ออะไรล่ะคะ?”วารุณีมองไปที่เขา

นายท่านวัชระสีหน้าเปลี่ยนไป รอยย่นบนใบหน้าสั่นระริก“เป็นไปได้ยังไง หล่อนจะรู้ล่วงหน้าได้จากที่ไหนกัน?”

“ก็……”วารุณีถอนหายใจออกมา แล้วก็เอ่ยพูดออกไปอย่างอดไม่ได้“ก็จากเมธาวีไงคะ”

“อะไรนะ?”นายท่านวัชระขมวดคิ้วแน่น

วารุณีกัดฟันพูดเรื่องที่ตัวเองได้ยินตอนหล่อนคุยโทรศัพท์ที่บันไดหนีไฟออกมา

หลังจากที่ฟังจนจบ นายท่านวัชระก็กำหัวไม้เท้าไว้แน่น สีหน้าบึ้งตึงของเขาค่อนข้างน่ากลัว เห็นได้ชัดเลยว่าเขาโกรธมากจริงๆ

เขานึกออกแล้ว เมื่อสองวันก่อนเมธาวีเคยมาถามเขาเรื่องหัวข้อการแข่งขันจริงๆ แต่เขาไม่ได้คิดอะไรมากก็เลยบอกหล่อนไป

ไม่นึกเลยว่าหล่อนจงใจมาหลอกเอาความลับไปบอกพิชญา เพื่อที่จะได้ข่มวารุณีลง นังหลานตัวดี!

“คุณปู่วัชระ ใจเย็นๆก่อนนะคะ อย่าโกรธไปเลย”เมื่อเห็นนายท่านวัชระที่กำลังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ วารุณีก็เข้าไปลูบที่หน้าอกเขาเบาๆสองที

หลานสาวที่รักของตัวเองทำเรื่องแบบนี้ เพราะงั้นจึงไม่แปลกเลยที่นายท่านวัชระจะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เมธาวียังไม่รู้ว่าความต้องการที่อยากจะกดขี่คนของตัวเองสำเร็จแล้ว แต่ในขณะเดียวกันมันกลับได้ทำลายชื่อเสียงของปู่ตัวเอง แล้วทำให้คนอื่นเหยียบย่ำปู่ของตัวเองไปด้วย

เรื่องที่พิชญาลอกผลงานคนอื่นไม่อาจปิดบังไว้ได้อีกต่อไป ซักวันจะต้องมีคนเปิดโปงออกมา แล้วเรื่องที่เมธาวีเปิดเผยหัวข้อให้พิชญาก่อนก็ต้องมีคนสืบหาเจอแน่ๆ แล้วพอถึงตอนนั้นโลกภายนอกจะคิดยังไงกับนายท่านวัชระ ทุกคนจะคิดว่านายท่านวัชระตั้งใจบอกหัวข้อให้กับหลานสาวตัวเอง เพื่อที่จะได้ให้หลานสาวตัวเองไปกดคนอื่นน่ะสิ

“ฉันไม่เป็นไร”นายท่านวัชระสูดหายใจเข้าลึกเพื่อข่มความโกรธที่คุกรุ่นอยู่ในใจ จากนั้นก็ฝืนยิ้มออกมา ทว่ารอยยิ้มนั้นกลับเต็มไปด้วยความเศร้า

วารุณี ที่เธอเอาเรื่องนี้มาบอกฉันก็เพื่ออยากจะรักษาชื่อเสียงของฉันไว้งั้นหรอ?นายท่านวัชระมองไปที่ตาของวารุณี

วารุณีตอบอืมออกมา“ใช่ค่ะ การแข่งขันรอบที่แล้ว พิชญาลอกผลงานอาจารย์ย่าของหนู เพราะงั้นหนูไม่อาจปล่อยพิชญาไปได้ หนูวางแผนว่าจะเปิดโปงเรื่องการลอกเลียนแบบผลงานคนอื่นของพิชญาในรอบชิงชนะเลิศ ซึ่งถ้าเปิดโปงตอนนั้น ชื่อเสียงของท่านก็จะถูกโยงเข้ากับเมธาวีและพิชญา ซึ่งหนูไม่อยากให้ผลลัพธ์มันเป็นอย่างนี้”

ดังนั้นเธอก็เลยเอาเรื่องนี้มาบอกก่อน เพราะอยากจะให้นายท่านวัชระดึงเมธาวีออกไปจากเรื่องนี้ เพื่อที่จะได้ลบล้างร่องรอยความสัมพันธ์ระหว่างเมธาวีกับพิชญา

ด้วยวิธีนี้ เมื่อถึงเวลาที่เธอได้เปิดโปงเรื่องที่พิชญาลอกผลงานคนอื่น แม้พิชญาจะลากเมธาวีเข้ามา มันก็จะไม่มีหลักฐานการติดต่อของหล่อนกับเมธาวี คนอื่นก็จะไม่เชื่อ และพวกเขาก็จะคิดว่าพิชญาไปแอบดูหัวข้อที่นายท่านวัชระออกเอง แถมยังมีแผนชั่วเพื่อทำร้ายหลานสาวของนายท่านวัชระและทำลายชื่อเสียงของนายท่านวัชระอีกด้วย

นายท่านวัชระเป็นคนฉลาด เขารู้ว่าวารุณีกำลังคิดเผื่อตัวเองอยู่ เขาตบหลังเธอเบาๆเพื่อเป็นการขอบคุณ“ขอบใจมากนะวารุณี ฉันจะจำความมีน้ำใจนี้ของเธอไว้ ถ้ามีเรื่องลำบากอะไรก็มาหาฉันได้ตลอดเลยนะ ชายชราอย่างฉันจะไม่ปฏิเสธเธอเลย ส่วนเมธาวี ฉันจะกลับไปจัดการกับหล่อนเอง”

พูดจบ นายท่านวัชระก็ใช้ไม้เท้าค้ำเดินออกจากห้องประชุมไป

หลังจากที่เขาเดินออกไป วารุณีก็ไม่ได้ยืนอยู่ที่เดิมอีกนานนัก เธอมองเวลาแล้วก็เดินออกจากสมาคมไป

แต่ว่าก่อนที่จะออกไป เธอก็แวะไปดูที่ห้องพยาบาลอีกครั้งหนึ่ง เพราะอยากเห็นว่าพิชญายังคงแกล้งป่วยต่ออยู่ไหม

พอถึงห้องพยาบาลก็พบว่าไม่มีใครอยู่แล้ว เธอเลยถามคุณหมอออกไปแล้วถึงได้รู้ว่าขยานีมารับพิชญาไปแล้ว

พอตกเย็นวารุณีก็พาเด็กทั้งสองคนกลับไปที่อพาร์ตเมนต์ ขณะที่กำลังถอดรองเท้าออก เธอก็ได้รับเงินก้อนหนึ่งเด้งเข้ามาในโทรศัพท์ เป็นเงินที่คุณปู่วัชระส่งมา เป็นค่าลิขสิทธิ์ของผลงานการออกแบบ สองล้าน นี่มันมากกว่าที่เธอคิดไว้ตั้งครึ่งหนึ่ง

เนื่องจากเสื้อผ้าแบบชนเผ่าเป็นธุรกิจส่วนเล็กๆส่วนหนึ่งของตลาดในประเทศ แต่ในระดับสากลมันไม่ได้มีมูลค่าทางธุรกิจใดๆเลย ถึงจะออกแบบดีแค่ไหน ขายได้หนึ่งล้านก็ถือว่าเยอะมากแล้ว

แต่ว่านายท่านวัชระกลับให้เธอมาตั้งสองล้าน คงจะเป็นค่าตอบแทนที่เมื่อกลางวันเธอบอกความจริงกับเขาสินะ

คิดไปคิดมาวารุณีก็ยิ้มขึ้นแล้วเก็บโทรศัพท์ลง“อารัณ ดูแลน้องสาวด้วยนะ เดี๋ยวหม่ามี๊ไปอาบน้ำก่อน”

“ครับ”อารัณพยักหน้ารับรัวๆ

วารุณีลูบหัวเด็กทั้งสองแล้ววางกระเป๋าลง จากนั้นก็หยิบชุดนอนแล้วเข้าไปอาบน้ำ

เด็กทั้งสองนั่งเล่นตัวต่อไม้กันอยู่ในห้องนั่งเล่น

ทันใดนั้นเองเสียงกริ่งประตูก็ดังขึ้น

อารัณหันไปมองที่ห้องอาบน้ำ“หม่ามี๊มีคนมา”

ทว่าไม่มีเสียงตอบรับดังออกมาจากในห้องน้ำ มีแต่เสียงซ่าซ่าของน้ำ

อารัณเดาว่าวารุณีคงจะไม่ได้ยิน ตัวเองจึงลุกขึ้นแล้วเดินออกไปดูเอง

เสียงกริ่งประตูยังดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง อารัณเขย่งเท้าขึ้นไปกดดูกล้อง เมื่อเห็นว่าคนที่อยู่ด้านนอกคือนัทธี เขาก็ตาเป็นประกายแล้วเปิดประตูออกทันที

“คุณอานัทธี”อารัณเงยหน้าขึ้นมองพลางส่งเสียงตะโกนเรียกชื่อเขาด้วยท่าทางน่ารักน่าชัง

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

Status: Ongoing

5ปีก่อน พ่อแม่หย่าร้าง พ่อสุดเหี้ยมไล่พวกเขาออกจากบ้าน เพื่อรักษาโรคหัวใจของน้องชาย วารุณีแอบแฝงเข้าไปในห้องนัทธีขึ้นแสดง ‘ใช้กายแลกเงิน’ 5ปีต่อมา เธอพาเด็กน้อยน่ารักสองคนกลับประเทศ เพื่อที่จะเอาทุกอย่างที่เป็นของเธอคืนมา กลับบังเอิญเจอชายผู้มีอิทธิพลมากที่สุดในจังหวัดจันทร์อีกครั้ง เขาคือ นัทธี นั่นเอง “ลูกชายคุณทำไมหน้าเหมือนฉันจัง?” นัทธีถามเสียงต่ำ วารุณี:”…” เด็กน้อยน่ารัก: “แด๊ดดี้ รีบมีลูกกับหม่ามี๊อีกคนสิครับ!”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท