วารุณีตบไหล่ของเธอ“ฉันไม่รู้เลยนะว่าพวกเธออยู่บริษัทเดียวกัน ไม่เป็นไร ต่อไปเธอมีชื่อเสียงมากแล้ว ก็อยู่ห่างเธอได้แล้ว”
“มีชื่อเสียงจะง่ายขนาดนั้นที่ไหนกันล่ะ ในประเทศมีนางแบบตั้งเยอะ จะไปได้ถึงนานาชาติสักกี่คนเชียว โดยทั่วไปก็ถ่ายแค่นิตยสารเล็กๆในประเทศเท่านั้น”เชอรีนยิ้มอย่างขมขื่น
แววตาของวารุณีเป็นประกาย ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ผ่านไปสักพัก จึงหยิบนามบัตรใบหนึ่งยื่นให้เธอ“นี่คือช่องทางติดต่อของฉันตอนนี้”
“โอเค ฉันจะรับไว้ ไว้วันไหนพวกเราคุยกัน ฉันต้องไปก่อน พรุ่งนี้ยังต้องไปอบรมที่ต่างประเทศอีก”เชอรีนชี้ไปตรงที่รวมตัว
วารุณีพยักหน้าเล็กน้อย“ไปเถอะ ไว้เจอกัน!”
“ไว้เจอกัน!”เชอรีนโบกมือ แล้วไปรวมตัว
วารุณีมองเธอที่เข้าไปในทีม จึงเดินไปที่รถที่อยู่ตรงข้างถนน แล้วจึงขับรถออกไป
ตกดึก กินข้าวเสร็จ วารุณีจึงกลับไปเก็บกระเป๋าที่ห้อง
นัทธีกลับไปอาบน้ำที่ห้องน้ำ
หลังจากเขาอาบน้ำเสร็จ เช็ดผมออกมาจากห้องน้ำ ก็เห็นฉากที่วารุณีนอนไปที่พื้น ยกก้นขึ้นมา กำลังเหยียดแขนยาวๆเข้าไปใต้เตียง
นัทธีเดินเข้าไปเบาๆ หยุดอยู่ด้านหลังเธอ สายตาลง จ้องเธอด้วยสายตาที่ลึกซึ้ง “คุณกำลังทำอะไรน่ะ?”
จู่ๆเขาพูดมา ก็ทำเอาวารุณีตกใจ ตัวสั่นขึ้นมา
การสั่นนี้ ทำให้ชนกับขอบเตียง เจ็บจนเธอส่งเสียงออกมา และน้ำตาไหลออกมา
นัทธีรู้ว่าตัวเองเป็นต้นเหตุที่ทำ ความรู้สึกผิดก็แวบเข้ามาในตา จากนั้นย่อตัวลง ดึงเธอออกมาจากใต้เตียง
“คุณเดินมาทำไมไม่ส่งเสียงเลยล่ะ?”วารุณีนั่งขัดสมาธิไปที่พื้น ปิดหน้าผากที่ชนจนเจ็บ แล้วมองชายหนุ่มอย่างตำหนิ
ริมฝีปากบางๆของชายหนุ่มเม้มเข้า“ขอโทษที ผมดูสิชนเป็นไงบ้าง?”
เขานั่งยองลงไป เอามือของเธอออกไป
มองหน้าผากที่เงาใสของเธอที่ตอนนี้แดงเป็นวง สีหน้านัทธีก็ดูสงสารขึ้นมา
“แดงใช่ไหม?”จากใบหน้าของเขา วารุณีพอจะเดาได้ถึงอาการที่หน้าผากของตัวเอง
นัทธีตอบอือ“แดงแล้ว ผมไปหายาก่อน”
พูดจบ เขาก็ลุกขึ้น ออกไปจากห้อง
วารุณีลูบหน้าผากที่เจ็บมาก จากนั้นนอนลงไปอีก แล้วมุดไปที่ใต้เตียง หยิบของที่กลิ้งอยู่ข้างล่างออกมา
ทำพวกนี้เสร็จ นัทธีก็กลับมา
เขามองสภาพเธอที่ผมเผ้ายุ่งเหยิง กับเหนื่อยจนหอบ จึงอดไม่ได้ที่จะหรี่ตาลง“คุณมุดไปที่ใต้เตียงอีกแล้วเหรอ?”
วารุณีพยักหน้าอย่างเขินอายเล็กน้อย
นัทธีเดินไป ดึงเธอขึ้นมาจากพื้น แล้วพาเธอไปที่ข้างเตียง“คุณมุดเตียงทำไม?”
“เก็บของไง”วารุณีชี้กระเป๋าที่เปิดอยู่ตรงพื้น“เมื่อกี๊ตอนที่เก็บของ ลิปสติกกลิ้งตกไปที่ใต้เตียง”
หางตาของนัทธีก็กระตุกหน่อยๆ
ดังนั้นที่เธอลำบากมามากมาย ก็เพื่อเก็บลิปสติกเนี่ยนะ?
“นัทธี คุณกำลังคิดอะไรเหรอ?”วารุณีเห็นชายหนุ่มเหม่อลอย ก็ยื่นมือส่ายไปมาตรงหน้าเขา
สายตาชายหนุ่มเป็นประกาย จับมือของเธอไว้ แล้วเอาไว้บนขา“ต่อไปอย่ามุดไปข้างล่างเองอีก ถึงมีของตกลงไป ก็ให้ป้าส้มหาเครื่องมือมาช่วย ไม่งั้นชนตรงไหนอีกเดี๋ยว……”
“ค่ะคุณพ่อบ้าน ฉันเข้าใจแล้ว”วารุณีจับหน้าของเขา แล้วตัดบทที่เขาพูดกำชับ
ถึงแม้นัทธีไม่ค่อยพอใจที่เธอตัดบทคำพูดของเขา แต่คำพูดว่าคุณพ่อบ้านของเธอนั้น เขาชอบเป็นอย่างมาก
“นั่งดีๆ!”นัทธีออกคำสั่งอย่างเย็นชา
วารุณีรู้ว่าเขาจะทายาให้เธอ ก็ยืดตัวตรงนั่งอย่างดี
เห็นแบบนี้ ในที่สุดใบหน้าหล่อเหลาที่ตึงเครียดของนัทธีก็ผ่อนคลายลง เปิดกล่องยาเล็กๆออก แล้วหยิบพวกเบตาดีนกับสำลีจากด้านในออกมา แล้วเริ่มทายาให้เธอ
การกระทำของเขาอ่อนโยนมาก แบบเบาๆค่อยๆทำ
วารุณีไม่รู้สึกเจ็บปวดเลย กระทั่งว่ายังหลับตาผ่อนคลายขึ้นมา
ตอนที่เธอหลับตา ขนตาทั้งยาวทั้งงอน และยังสั่นหน่อยๆด้วย
หลายๆครั้ง ขนตาของเธอกวาดไปโดนฝ่ามือของนัทธี กวาดจนฝ่ามือของเขารู้สึกคัน
นัทธีเห็นฉากแบบนี้ ริมฝีปากบางๆจึงเม้มขึ้นมา สายตาหม่นลงเล็กน้อย รีบเร่งมือทายาให้เธอเสร็จไวๆ จากนั้นจับคางเธอขึ้นมา แล้วจูบไปที่ริมฝีปากของเธอ
“อื้อ……”วารุณีคิดไม่ถึงว่าจู่ๆเขาจะจูบ จึงลืมตาขึ้นมาทันที แล้วก็ตะลึงงัน สักพักถึงได้สติคืนมา
แต่เธอกลับไม่ผลักเขาออก แต่กลับโอบคอของเขาไว้ แล้วจูบตอบเขาไป
เธอรู้ว่า ช่วงนี้เธอยุ่งมาก จนหลายๆครั้งก็เมินเขา แม้กระทั่งเมื่อคืนตอนที่เขามีความต้องการขึ้นมา เธอก็ยังปฏิเสธเขาอีก
ถึงแม้เขาจะไม่พูดอะไร แต่ตอนนั้นสายตาเขามีความผิดหวังเข้ามา ซึ่งเธอจำได้เป็นอย่างดี
นัทธีไม่รู้ว่าในใจของวารุณีกำลังคิดอะไรอยู่ แต่รู้สึกถึงการตอบสนองของเธอ ก็ตะลึงก่อน จากนั้นก็รู้ความหมายของเธอ จึงจูบอย่างลึกซึ้งมากขึ้น สุดท้ายก็กดเธอลงบนเตียง
น่าจะเพราะว่าช่วงนี้ไม่ได้ทำ คืนนี้ นัทธีจึงแข็งแกร่งมาก
ทำให้วันถัดมาที่วารุณีตื่นมา เจ็บไปทั่วร่าง ลงจากเตียงก็ไม่ไหว อาหารก็ให้ป้าส้มมาเสิร์ฟถึงห้อง
“คุณวารุณี นี่ซุปไก่ค่ะ ดื่มตอนอุ่นๆ”ป้าส้มเอาซุปไก่ที่ร้อนอยู่มาไว้ตรงหน้าวารุณี
วารุณียื่นมือไปรับ“ขอบคุณค่ะป้าส้ม”
ป้าส้มหัวเราะเหอะๆ“นี่คุณผู้ชายกำชับว่าให้ป้าตุ๋นให้คุณ บอกว่าบำรุงร่างกายให้คุณค่ะ”
ได้ยินคำว่าบำรุงร่างกายสี่คำนี้ วารุณีก็เกือบจะสำลักซุปไก่ออกมา แต่ดีที่สุดท้ายยังทนไว้ได้ กลืนลงไป แต่หน้าก็ยังแดงฝาด
ป้าส้มรู้ว่าเธออาย ก็มีรอยยิ้มแวบเข้ามาในดวงตา ไม่พูดอะไร ได้แต่เร่งให้เธอรีบดื่ม
ดื่มเสร็จ ป้าส้มก็รับชามมา“คุณวารุณี จะเอาอีกไหมคะ?”
“ไม่ต้องแล้วค่ะ อิ่มแล้ว”วารุณีส่ายหน้า
ป้าส้มก็ไม่โน้มน้าวอะไร เอาชามวางที่ถาดเสร็จก็พูดว่า:“คุณวารุณี คุณผู้ชายให้ฉันบอกคุณว่า หลังจากเขาประชุมเสร็จช่วงบ่าย ก็จะไปรับเด็กๆที่โรงเรียนอนุบาล แล้วจากนั้นพาเด็กๆไปสนามบินเลย ให้คุณเลิกงานแล้วไปพบกันที่สนามบิน”
“ค่ะ”วารุณีพยักหน้า สื่อว่าจำได้แล้ว
ป้าส้มถือถาดแล้วออกไป
หลังจากเธอไป วารุณีก็ไม่อยู่บนเตียงนานมากนัก เธอเปิดผ้าห่มออกทนความเจ็บทั่วร่างกายแล้วลงจากเตียง ไปอาบน้ำที่ห้องน้ำ
อาบน้ำเสร็จ เธอก็เปลี่ยนเป็นชุดที่คอเต่าและแขนยาว ปกปิดรอยที่ตัว และออกจากบ้านไป
ช่วงเย็น วารุณีเอางานส่งต่อให้ปาจรีย์ ก็ขับรถมาที่สนามบิน
ตอนที่ถึงสนามบิน เธอพึ่งจอดรถเสร็จ โทรศัพท์ก็ดัง
วารุณีหยิบมาดูแวบหนึ่ง เป็นนัทธีโทรมา ก็หัวเราะไปเบาๆ แล้วกดรับเอาไว้ข้างหู“ฮัลโหล?”
“ถึงสนามบินยัง?”นัทธีถามเสียงเบา
วารุณีเดินไปที่ประตูสนามบิน“ถึงแล้วค่ะ”
“โอเค ผมกับลูกทั้งสองอยู่บนเครื่องบิน คุณไปช่องVIPเลย มารุตรอรับคุณอยู่ตรงนั้น”นัทธีนั่งอยู่ตรงที่นั่งชั้นหนึ่งแล้วพูด
วารุณีตอบอือ“ฉันเข้าใจแล้ว ฉันจะไปเดี๋ยวนี้”
“โอเค”นัทธีพยักหน้า
โทรศัพท์เสร็จ วารุณีวางโทรศัพท์ลง ยัดใส่กระเป๋า เงยหน้ามองซ้ายมองขวาหลังจากเห็นป้ายบอกทางช่อง VIP ก็ก้าวเท้าเดินไปทางนั้น
เดินไปได้สองก้าว จู่ๆเธอก็ได้ยินเสียงผู้หญิงที่ดูโกรธจัด“สุชาดา ฉันเตือนเธอแล้วนะ เอาบอร์ดดิ้งพาสมาให้ฉัน!”
เชอรีนนี่เอง!
เธอก็อยู่นี่เหรอ?
วารุณีหยุดฝีเท้าลง มองไปที่ต้นเสียง แป๊บเดียวก็เห็นเชอรีน และสุชาดาสองคนนี้ที่อยู่ไม่ไหล
เหมือนทั้งสองคนจะทะเลาะอะไรกัน เชอรีนกำลังมองสุชาดาอย่างโกรธจัด
ส่วนสุชาดากลับหัวเราะอย่างภูมิใจ ยกมือขึ้นสูง ในมือถือสิ่งของอะไรไว้
“ฉันไม่ให้เธอ เธอจะทำอะไรฉันได้?”สุชาดาส่ายของที่อยู่ในมือ และมองเชอรีนอย่างยั่วยุ
เชอรีนโกรธจนตัวสั่น“เธออย่ามาทำตัวมากไปนะ!”
“เชอรีน เป็นอะไรไป?”วารุณีมองต่อไปไม่ไหว จึงเดินไปถาม