วารุณีแปลกใจหน่อยๆ ไม่ได้อธิบายว่านัทธีไม่ใช่สามีของเธอ ริมฝีปากสีแดงนั้นถามไปว่า“เธอรู้จักเขาเหรอ?”
เธอชี้ไปที่นัทธี
สายตานัทธีหม่นลง ในใจพอใจอย่างมาก กับคำว่า‘สามี’ของเชอรีน
แน่นอนว่า ที่ทำให้เขาอารมณ์เขานั้นดีอย่างมาก ก็คือการยอมรับโดยปริยายของวารุณี
“ไม่รู้จัก”เชอรีนมองนัทธี รีบส่ายหน้า“ฉันแค่เคยเห็นรายงานข่าวของประธานนัทธีในนิตยสารเศรษฐกิจ”
“ที่แท้ก็แบบนี้เอง”วารุณีพยักหน้าทันที
เชอรีนกำฝ่ามืออย่างตื่นเต้น“วารุณี เธอแต่งงานกับประธานนัทธีเมื่อไหร่กันเหรอ?”
“ฉัน……”วารุณีกัดริมฝีปาก ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร
นัทธีวางไอริณลง และก็ปล่อยมือของอารัณ พูดตอบไปว่า“ห้าหกปีแล้ว”
วารุณีมองเขาด้วยความตะลึง
นัทธีก็มองมาพอดี
ดวงตาทั้งสองคู่สบตากัน
วารุณีมองสายตาที่ลึกซึ้งเหมือนบ่อน้ำโบราณคู่นั้นของเขา รู้สึกเหมือนจะจมอยู่ในนั้น
จนกระทั่งเชอรีนตบหน้าผากพูดว่า:“ใช่ ฉันโง่จริงๆ ลูกของพวกเธอโตขนาดนี้แล้ว จะต้องแต่งงานกันนานแล้วแน่นอน ฉันนี่ถามคำถามเกินความจำเป็นจริงๆ”
วารุณีฉีกยิ้มมุมปาก ฝืนยิ้มออกไป ไม่ส่งเสียงใดๆ
เธอจะพูดอย่างไรดีล่ะ?
ถ้าเธอตอบไป คงไม่ชัดเจนหรอกเหรอว่าเธอรีบอยากแต่งงานกับนัทธีน่ะ แต่ถ้าปฏิเสธ ก็หักหน้านัทธีอีก ดังนั้นเงียบเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
เหมือนจะอ่านความคิดของวารุณีออก สายตาของนัทธีจึงหม่นลงไป ดันเด็กสองคนไปอยู่ตรงหน้ามารุต“คุณดูพวกเขาหน่อย”
“ครับ”มารุตตอบกลับไป
นัทธีหันหน้ามองไปที่วารุณี“คุณเข้าไปกับผม”
“ไปไหน?”วารุณีไม่ได้สติคืนมาในทันที จึงกะพริบตาด้วยความสงสัย
นัทธีเชิดคางไปทางห้องรับรอง
วารุณีตอบรับไป สื่อว่าเห็นด้วย
จากนั้น นัทธีก็โอบเอวของเธอไว้ พาเธอเดินไปที่ห้องรับรอง
เชอรีนมองแผ่นหลังของทั้งสองคน แล้วก็เอาฝ่ามือขึ้นมากุมไว้ด้วยความอิจฉา“ประธานนัทธีรักวารุณีมากเลยนะเนี่ย”
“ใช่ครับ ประธานของพวกเรารักคุณวารุณีมาก”มารุตกอดเด็กทั้งสองมาไว้กับตัว จากนั้นจึงพูดตอบ
เชอรีนตระหนักได้ว่าเขาเรียกไม่ถูกเล็กน้อย จึงขมวดคิ้วหน่อยๆ“ทำไมคุณต้องเรียกวารุณีว่าคุณวารุณีล่ะ เธอไม่ได้แต่งงานกับประธานนัทธีแล้วเหรอ?”
“เอ่อ……”มารุตดูตะลึงไป แล้วจึงตระหนักได้ว่าตัวเองเรียกผิด และก็บอกไม่ได้ด้วยว่านัทธีกับวารุณีทั้งสองคนนี้ยังไม่แต่งงานกัน ได้แต่หัวเราะไปอย่างเขินอาย“ผมชินแล้วครับ เพราะว่าคุณวา……ไม่สิ ตอนที่คุณหญิงอยู่ด้านนอก ชอบให้พวกเราเรียกชื่อเธอตอนทำงาน”
“แบบนี้นี่เอง”เชอรีนพยักหน้า เก็บความสงสัยในใจลง จากนั้นไปเล่นกับเด็กทั้งสองคน
เธอชอบเด็กมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นฝาแฝดที่หน้าตาดีสองคนตรงหน้านี้ ยิ่งทำให้ใจเธอละลาย
มารุตมองเชอรีนที่ไม่สงสัยคำพูดของตัวเอง ก็เช็ดเหงื่อเล็กน้อย รู้สึกโล่งอก
ยังดี ที่ความสามารถในการรับมือกับสถานการณ์ของเขานั้นไม่แย่
ไม่อย่างนั้น ก็จะหักหน้าประธานของตัวเอง ยังไงประธานของตัวเองก็บอกแล้ว ว่าแต่งงานกับคุณวารุณีมาห้าหกปีแล้ว
นึกถึงตรงนี้ มารุตจึงอดไม่ได้ที่จะมองไปที่ห้องรับรองอย่างถอนหายใจ
ในห้องรับรอง วารุณีปิดประตูเรียบร้อย จึงหันไปถาม:“นัทธี คุณเรียกฉันเข้ามา มีอะไรหรือเปล่า?”
นัทธีไม่พูด ได้แต่มองเธอนิ่งๆ
วารุณีเอียงศีรษะ“นัทธี?”
ในที่สุดนัทธีก็ขยับตัว ยื่นมือออกไป จับข้อมือของเธอไว้ แล้วดึงเธอมากอดไว้ในอ้อมแขน
วารุณีตกใจกับการกระทำที่กะทันหันของเขาอย่างชัดเจน สักพักจึงผ่อนคลายลง ยกมือขึ้น กอดเขาตอบ และก็ตบหลังของเขา“เป็นอะไร ทำไมจู่ๆก็มากอดฉันล่ะ?”
“พวกเราแต่งงานกันเถอะ”ริมฝีปากของนัทธีขยับเบาๆ แล้วพูดออกมา
วารุณีก็แข็งทื่อไปทั้งตัว“แต่งงาน?”
“อือ”นัทธีตอบ
วารุณีผลักเขาออกเบาๆ ถอยไปหนึ่งก้าว เงยมองเขาเล็กน้อย ในดวงตาเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ“ทำไมจู่ๆคุณก็พูดเรื่องแต่งงานอีกแล้วล่ะ?”
“เมื่อกี๊ผู้หญิงคนนั้นเตือนผม”นัทธีมองไปที่เธอแล้วตอบ
“เชอรีน?”วารุณีก็เดาได้ทันทีว่าผู้หญิงที่เขาพูดคือใคร
นัทธีพยักหน้า“ใช่ ต่อไปจะต้องมีคนถามพวกเราอีกแน่ว่าแต่งงานนานแค่ไหนแล้ว หรือเราต้องโกหกทุกครั้งเลยเหรอ?”
ริมฝีปากของวารุณีขยับ พูดไม่ออกเล็กน้อย
นัทธีเดินหน้าเข้าไป ดึงเธอมาใกล้กับเขาอีกครั้ง“โกหกยังไงก็ต้องมีสักวันที่ต้องถูกเปิดเผย ตอนนี้คนส่วนหนึ่ง รู้ว่าพ่อของเด็กสองคนคือผม รู้ว่าพวกเราคบกัน แต่ถ้าวันไหนมีคนแฉว่าผมกับคุณยังไม่แต่งงานมาโดยตลอด พวกเขาจะคิดกับเด็กสองคนนั้นอย่างไรล่ะ?”
ได้ยินคำนี้ วารุณีก็พูดไม่ออก
ใช่สิ มีคนไม่น้อยแล้วที่รู้ว่าเด็กสองคนนี้เรียกนัทธีว่าพ่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งครูโรงเรียนอนุบาลพวกนั้นกับเพื่อนบ้านที่คอนโด
แต่ถ้าครูกับเพื่อนบ้านพวกนั้น พบว่าเธอกับนัทธียังไม่แต่งงานกัน เธอก็ให้เด็กทั้งสองเรียกนัทธีว่าพ่อแล้ว คนจะคิดไหมนะว่าพวกเธอสามคนแม่ลูกกระตือรือร้นมากไป อยากแต่งงานกับคนรวยเหลือเกิน?
มองแววตาแวววับของวารุณีออก นัทธีก็พอจะเข้าใจว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ ยกมือขึ้นจัดผมของเธอ“ดังนั้นพวกเราแต่งงานกัน เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดไม่ใช่เหรอ?”
วารุณีไม่สามารถปฏิเสธคำพูดของเขาได้ เธอสูดหายใจลึกๆ“นัทธี ฉันก็ยังรู้สึกว่าเร็วไปหน่อย ฉันรักคุณ แต่ฉันเพิ่งคบกับคุณเอง จู่ๆก็แต่งงานเลย ฉันยังไม่ทำใจเตรียมพร้อมได้เลย ดังนั้นฉันอยากคิดดูก่อน”
พูดจบ เธอก็ละสายตาลง
นัทธีไม่ได้ยินคำตอบจากเธอ สายตาก็ผิดหวังแป๊บหนึ่ง เร็วจนไม่มีใครเห็น
เขาจับคางของเธอขึ้นมา ให้เธอสบตากับเขา แล้วพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำแหบๆ:“คุณคิดดูได้ แต่ผมไม่ให้เวลาคุณนาน ผมกลัวผมจะรอไม่ไหว คุณก็รู้ ผมไม่ใช่คนทำอะไรชักช้า ไม่ว่าคำตอบสุดท้ายที่คุณคิดออกมาคืออะไร ผลลัพธ์ของผมก็เหมือนกันหมด เรื่องแต่งงาน ผมจริงจังนะ!”
วารุณีมองความจริงใจในสายตาของเขาออก ใจก็เต้นเร็วมากขึ้น อยากจะตอบรับกลับไปทันที
แต่สุดท้ายสติก็ดึงเธอไว้ ให้เธออย่าบุ่มบ่าม ได้แต่ทำสติไว้ พยักหน้าตอบว่า:“โอเค ฉันจะคิดให้ดีอย่างเร็วที่สุด”
นัทธีเม้มริมฝีปากบางๆ ไม่พูดจา
วารุณีขยับคออย่างอึดอัดเล็กน้อย“นัทธี คุณปล่อยฉันได้แล้วใช่ไหม?”
เธอส่งเสียงพึมพำ น้ำเสียงฟังดูแล้วทั้งอ่อนและนุ่ม เหมือนว่ากำลังออดอ้อน
นัทธีมองริมฝีปากที่เปิดและปิดลง และยังส่งกลิ่นหอมอ่อนๆออกมา ลูกกระเดือกขยับไปมาเล็กน้อย สายตาก็หม่นลงไป จากนั้นก้มหน้าลงจูบ
วารุณีไม่คิดว่าเขาจะทำแบบนี้ หลังจากตะลึงไปก่อน จากนั้นก็มีสติคืนมา ตอบสนองกลับไป
น่าจะกำลังโกรธที่เธอไม่รับปากว่าจะแต่งงานกับเขาทันที
นัทธีกัดไปที่ริมฝีปากของวารุณี เป็นการแสดงออกถึงการลงโทษอย่างไม่ปกปิด
จนกระทั่งวารุณีรู้สึกว่าริมฝีปากเจ็บเล็กน้อย จึงส่งเสียงออกมาอย่างอึดอัด เขาจึงปล่อยเธอ
เวลานี้เอง ริมฝีปากของเธอก็ทั้งแดงและบวมขึ้นมา ลิปสติกบนริมฝีปาก ถูกชายหนุ่มกวาดไปจนเรียบ
“คุณ……”วารุณีเอามือปิดปาก จ้อง นัทธีด้วยดวงตาที่พร่ามัว แววตาเต็มไปด้วยความตำหนิ
เธอไม่รู้จริงๆว่าสมองของเขาจะมีปัญหา ถึงได้กัดเธอ!
แต่นัทธีกลับทำเหมือนไม่เห็นการตำหนิจากวารุณี ใช้นิ้วหัวแม่มือเช็ดคราบน้ำกับลิปสติกที่ริมฝีปาก ในน้ำเสียงมีความหัวเราะเยาะเล็กน้อย“โอเค คุณออกไปก่อนเถอะ ผมจะประชุมวิดีโอคอลหน่อย”