วารุณีฟังความไม่พอใจในน้ำเสียงของชายหนุ่มออก จึงได้สติคืนมาว่าชายหนุ่มไม่พอใจนักกับการมาผับของเธอ จึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดเล็กน้อย
“วันนี้แม่ชนะสุภัทร ดังนั้นดีใจ ก็เลยลากฉันมาที่ผับเพื่อฉลองค่ะ”วารุณีลูบขมับแล้วพูดอธิบาย
นัทธีตะลึงเล็กน้อย
ที่แท้ก็แบบนี้เอง
เขาคิดว่า เธอไปเที่ยวที่ผับเองเสียอีก
“คุณอยู่ที่ผับไหน เดี๋ยวผมไปรับพวกคุณ”นัทธีปรับอารมณ์เสร็จ ริมฝีปากบางๆก็ขยับแล้วถามออกไป
วารุณีบอกชื่อและที่อยู่ของผับออกไป
นัทธีตอบอือ แล้ววางสาย
วารุณีมองกดกลับไปที่เมนูหลัก ปิดหน้าจอลง เตรียมเก็บใส่ในกระเป๋า
ทันใดนั้น เสียงที่ดูแปลกใจก็ดังเข้ามา“โหย นี่ไม่ใช่วารุณีเหรอ?”
นิรุตติ์?
วารุณียืดหลังตรง หันหน้าไปมอง ก็เห็นนิรุตติ์โอบผู้หญิงที่สวมชุดหว่านเสน่ห์คนหนึ่งยืนอยู่ตรงข้าม กำลังมองเธออย่างตกใจ
มุมปากของวารุณีกระตุก แปลกใจเล็กน้อยเช่นกัน ในใจก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ โลกนี้ช่างกลมเสยจริง เจอคนรู้จักที่นี่ได้
“ผู้อำนวยการนิรุตติ์ สวัสดีค่ะ”วารุณีเอาโทรศัพท์เก็บใส่กระเป๋า ทักทายนิรุตติ์อย่างราบเรียบ
นิรุตติ์ปล่อยหญิงสาวในอ้อมแขน โบกมือ แสดงออกว่าให้ผู้หญิงคนนี้ออกไปก่อน
หญิงสาวไม่พอใจนัก
นิรุตติ์หรี่ตามองเธอด้วยสายตาเย็นชา
เธอตกใจ หน้าซีดขาว และรีบก้มหน้าออกไป
แต่ว่าก่อนออกไป เธอก็ไม่ลืมจ้องวารุณีเขม็ง
เพราะสำหรับผู้หญิงคนนี้แล้ว ก็เป็นเพราะการปรากฏตัวของวารุณี ถึงทำให้พ่อคนรวยคนนี้ทิ้งตัวเอง
วารุณีพูดไม่ออก รู้สึกแค่ว่าตัวเองเป็นผู้บริสุทธิ์
นิรุตติ์จับหน้าผากหัวเราะเสียงดังอยู่ข้างๆ ด้วยสภาพอารมณ์ดี
วารุณีเหลือบมองเขา“ผู้อำนวยการนิรุตติ์ ขำพอยังคะ?”
นิรุตติ์ดันแว่นที่เอียงเล็กน้อย เก็บรอยยิ้มแล้วพยักหน้าอย่างจริงจัง“พอแล้วๆ ได้ดูฉากเด็ด”
“ฉากเด็ด ไม่ใช่ว่าคุณพามาเหรอไง?”วารุณีแอบกลอกตาใส่ในใจ
นิรุตติ์ยักไหล่“ผมก็ไม่คิดว่าจะเจอคุณที่นี่ ทำไม เพิ่งแต่งงานไปก็มาดื่มเหล้าที่แบบนี้แล้ว ไม่กลัวนัทธีไปพอใจเหรอ?”
“คุณไม่ต้องมาสนใจหรอก”วารุณีเอากระเป๋าของวรยามาพาดไว้ที่ไหล่ตัวเอง
นิรุตติ์จึงสังเกตเห็นว่าที่โต๊ะมีคนอีกคน ก็อดไม่ได้ที่จะมองดู
แค่หัวนั้นซุกอยู่ที่โต๊ะ แล้วไฟที่โต๊ะนั่งก็มืด เขามองหน้าไม่ชัด ทำให้เขาเสียดายเล็กน้อย
“วารุณี เพื่อนคุณเหรอ?”นิรุตติ์ชี้ไปที่วรยาแล้วถาม
วารุณีไม่ได้ปิดบังเขา ตอบกลับว่า:“แม่คุณ”
“แม่คุณ?”นัทธีแปลกใจเล็กน้อย จากนั้นจึงคิดอะไรได้ ดวงตากลอกไปมา“ใช่สิวารุณี ผมจำได้ว่าดูเหมือนแม่คุณจะเป็นลูกสาวบุญธรรมของคุณปู่ตระกูลพวกเรานะ?”
“คุณรู้ด้วย?”วารุณีตะลึงอย่างมาก
เรื่องที่แม่เป็นลูกบุญธรรมของคุณปู่บรรพต แม้แต่นัทธียังไม่รู้ เป็นแม่เธอที่บอกนัทธีเอง
คิดไม่ถึงว่า นิรุตติ์จะรู้ด้วย
แว่นตานิรุตติ์สะท้อน“เมื่อก่อนผมเคยได้ยินคุณปู่พูด ความรู้สึกของเขากับแม่คุณนั้นดีมาก มักจะพูดคุยกันบ่อยๆ”
“แบบนี้นี่เอง”วารุณีพยักหน้า กลับไม่สงสัย
นิรุตติ์ละสายตาลง มองวรยา“นี่คุณป้าเมาเหรอ?”
“ค่ะ”วารุณีตอบอือ
นิรุตติ์ถามยิ้มๆ“ต้องการให้ผมไปส่งพวกคุณไหม?”
“ไม่ต้อง!”วารุณียังไม่ตอบ จู่ๆนัทธีก็ปรากฎตัว ปฏิเสธแทนเขา
วารุณีเงยมองเขาอย่างแปลกใจ“คุณมาแล้ว”
นัทธีพยักหน้า จากนั้นมองนิรุตติ์อย่างเย็นชา“ภรรยากับแม่ยายของผม ผมส่งพวกเธอเองได้ ไม่ต้องให้พี่หรอก”
นิรุตติ์ไม่แปลกใจเท่าไหร่นัก กับการปรากฏตัวของเขา เขาผายมือออก“ฉันก็แค่อยากช่วยเฉยๆไหมล่ะ นัทธีทำไมแกต้องจ้องฉันเหมือนเป็นนักโทษด้วย?”
นัทธีหัวเราะอย่างเย็นชา ไม่สนใจเขา ก้มเอวเล็กน้อย ประคองวรยาขึ้นมา หลังจากนั้นพูดกับวารุณีว่า:“ไปเถอะ”
พูดจบ เขาก็ประคองวรยาออกไป
วารุณียิ้มให้นิรุตติ์ถือเป็นการลา แล้วจึงถือกระเป๋าสองใบตามหลังเขาออกไป
นิรุตติ์มองทางที่ทั้งสามคนออกไป ก็ลูบคาง ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
ด้านนอกผับ วารุณีช่วยนัทธียัดวรยาใส่เข้าไปในที่นั่งข้างหลังรถ แล้วจึงเปิดประตูที่นั่งข้างคนขับเข้าไป คาดเข็มขัดนิรภัยไปพูดไปว่า:“ดีที่คุณมา ไม่งั้นฉันคนเดียวคงเอาแม่ขึ้นรถไม่ได้”
ริมฝีปากบางๆของนัทธียกขึ้นเล็กน้อย“นั่งดีๆนะ ผมจะขับรถแล้ว”
“โอเค”วารุณีพยักหน้าอย่างร่าเริง
ทั้งสองไม่ได้ส่งวรยากลับไปที่คอนโด ยังไงเธอก็เมา ส่งไปที่คอนโดแบบนี้ วารุณีเองก็ไม่วางใจ
ดังนั้นทั้งสองจึงพาวรยาไปที่คฤหาสน์ ให้ป้าส้มเก็บห้องนอนแขก
“หม่ามี๊ คุณยายเป็นอะไร?”ไอริณโอบคอของนัทธี แล้วถามวารุณี
วารุณีลูบผมเธอแล้วตอบไปว่า“คุณยายเมา”
“แบบนี้เอง”ไอริณพยักหน้าเล็กๆ แสดงออกว่าเข้าใจ จากนั้นตบไหล่ของนัทธี“พ่อ หนูจะลง”
นัทธีก้มเอว แล้ววางเธอลงจากอ้อมแขน
พอเธอลงไปที่พื้น ก็วิ่งไปด้านบน“หม่ามี๊ หนูจะไปดูคุณยาย แล้วเดี๋ยวไปเล่นกับพี่”
“ไปเถอะ ระวังนะ อย่าหกล้มล่ะ”วารุณีมองเธอก้าวขาเล็กๆสองข้าง ก็อดไม่ได้ที่จะกำชับออกไป
“เข้าใจแล้ว”ไอริณตอบกลับโดยไม่หันหน้ามาสักนิด
วารุณีส่ายหน้าหัวเราะ“เด็กคนนี้นี่”
“ปล่อยเธอเถอะ。”นัทธีโอบเอวของเธอ เดินไปที่โซฟา“ช่วงนี้อารัณเรียนได้ดีมาก”
“จริงเหรอ?”ดวงตาวารุณีเป็นประกาย
นัทธีเงยคางขึ้น แววตามีความภูมิใจเล็กน้อย“สองสามวันก่อนครูสองสามคนที่สอนเขามาบอกผม หวังว่าจะให้ผมเลื่อนชั้นเรียนอารัณ”
“เลื่อนชั้นเรียน?”วารุณีพูดเสียงสูง“ตอนนี้อารัณก็เรียนหลักสูตรมัธยมต้นแล้ว ถ้าเลื่อนชั้นอีกก็มัธยมปลาย เขาจะเหมาะเหรอ?”
เธอกังวลใจเล็กน้อย
นัทธีโอบเธอไปนั่งที่โซฟา“เหมาะสมสิ ผมถามอารัณแล้ว เขาบอกว่าเขาทำได้ ดังนั้นผมเลยมาคุยกับคุณ”
“แบบนี้นี่เอง งั้นคุณจัดการเลย”วารุณีพยักหน้า มองไปที่ด้านบน
อารัณในตอนนี้ กำลังเรียนการสอนชนชั้นนำอยู่
ระหว่างที่ทั้งสองคนกำลังคุยอยู่นั้น ป้าส้มก็ลงมาจากด้านบน“คุณผู้ชาย คุณผู้หญิง ป้าจัดการคุณหญิงวรยาเรียบร้อยแล้วนะคะ”
“ขอบคุณค่ะป้าส้ม”วารุณียิ้มขอบคุณป้าส้ม
ป้าส้มส่ายมือ“ไม่เป็นไรค่ะ”
พูดจบ เธอก็ไปทำงาน
วารุณีหาวออกมา แล้วขอบตาก็มีน้ำตาไหล
นัทธียื่นมือไป ใช้นิ้วหัวแม่มือเช็ดเม็ดน้ำตานั้น“ง่วงเหรอ?”
“อือ”วารุณีพิงไหล่ของเขา ตอบกลับอย่างง่วงๆ
นัทธีอุ้มเธอขึ้นมา
เธอตกใจ ทันใดนั้นความง่วงก็หายไป รีบโอบคอเขาไว้“คุณทำอะไรเนี่ย?”
“คุณไม่ได้ง่วงเหรอไง?ผมอุ้มคุณขึ้นไปเอง”นัทธีมองเธอ จากนั้นลุกขึ้น เดินไปที่บันได
วารุณีกลัวป้าส้มได้บินเสียงเคลื่อนไหวแล้วออกมา ก็พูดเสียงเบาข้างหูเขา:“ไม่ต้อง คุณปล่อยฉันลง ฉันไปเองได้”
นัทธีทำเป็นไม่ได้ยิน อุ้มเธอขึ้นไปที่บันไดต่อ
วารุณีมองออกว่า เขาจะไม่ปล่อยเธอลง จึงหมดหนทาง ได้แต่เอาหน้าซุกไปที่คอเขา ปล่อยเขาทำ
กลับไปที่ห้อง นัทธีไม่ได้วางวารุณีไว้ที่เตียง แต่พาไปที่ห้องน้ำ แล้วปล่อยเธอลง
วารุณีเปิดน้ำในอ่าง เตรียมจะอาบน้ำ หันไปเห็นชายหนุ่มยืนอยู่ไม่ขยับ ก็อดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้วขึ้น“คุณไม่ออกไปเหรอ?