เข้าไปก็เห็นนัทธีถือถ้วยรางวัลหนึ่งอันไว้ ใบหน้านั้นภูมิใจอย่างปกปิดไม่อยู่“เยี่ยมมาก ขยันต่อไปนะ!”
“แน่นอนครับพ่อ”อารัณได้รับรางวัล ก็พยักหน้าแรงๆ
สองมือของวารุณีจับหน้าเล็กๆของเขา แล้วใช้มือบีบไปมา“โอเคอารัณ ลูกไปเข้าร่วมคณิตศาสตร์โอลิมปิกตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ได้ถ้วยรางวัลก็ไม่บอกหม่ามี๊?”
อารัณทำปากจู๋ พูดอย่างไม่ชัดเจนไปว่า:“นี่ไม่ใช่ว่าผมเซอร์ไพรส์พ่อกับหม่ามี๊เหรอ?”
“พ่อเซอร์ไพรส์มาก”นัทธีชูถ้วยรางวัลในมือด้วยรอยยิ้มที่แฝงเบาๆบนใบหน้า
พูดตรงๆแล้ว ตอนที่เห็นเด็กชายถือถ้วยรางวัลออกมา เขารู้สึกภูมิใจมากจริงๆ
วารุณีก็ปล่อยหน้าของอารัณออก“ลูกนี่ปิดเป็นความลับได้เยี่ยมมาก!”
อารัณหัวเราะอย่างร้ายกาจ
ไอริณมองหม่ามี๊หัวเราะ ตัวเองก็หัวเราะตามขึ้นมา
นวิยาที่อยู่ไม่ไกลมองสี่คนพ่อแม่ลูกที่มีความสุข ในใจก็ไม่พอใจอย่างมาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งความภูมิใจที่ใบหน้านัทธี ยิ่งทำให้เธอโกรธสุดๆ
เธอไม่รู้ว่าเขามีอะไรให้น่าภูมิใจ ก็แค่ถ้วยรางวัลอันหนึ่งเองไหม?และก็ไม่ใช่ลูกเขาแท้ๆอีก
ถึงในใจจะคิดแบบนี้ แต่นวิยาไม่กล้าพูดแบบนี้ สูดหายใจลึกแล้วปรับอารมณ์ เดินเข้าไปด้วยรอยยิ้ม“พวกคุณกำลังคุยอะไรกันเหรอ”
“พวกเรากำลังพูดว่าพี่ได้รางวัล”ไอริณชี้ไปที่ถ้วยรางวัลในมือนัทธี ตอบกลับอย่างภูมิใจ
เหมือนว่าคนที่ได้รางวัล คือเธอเอง
นวิยามองถ้วยรางวัล“เหรอ คุณวารุณีสอนลูกได้ดีจังเลยนะคะ”
“ขอบคุณค่ะ”วารุณียิ้มบางๆ“ที่จริงฉันสอนลูกๆไม่เป็นหรอกค่ะ และฉันก็ไม่ได้สอนอะไรพวกเขาด้วย พวกเขาฉลาดเอง”
เธอลูบหัวของลูกทั้งสองคน
ในใจนวิยาก็แอบมองบนใส่
ฉลาด?
เธอว่าก็แค่ฉลาดเรื่องไม่เป็นเรื่องน่ะสิ!
“ป้าส้ม!”นัทธีเอาถ้วยรางวัลวางไว้ที่โต๊ะน้ำชาด้านหน้า
ป้าส้มถือน้ำผลไม้ไม่กี่แก้วออกมาจากห้องครัว“คุณผู้ชาย มีอะไรหรือเปล่าคะ?”
“เดี๋ยวป้าไปเก็บอีกห้อง ทำเป็นห้องโชว์รูม เอาไว้วางถ้วยรางวัลและเหรียญของอารัณกับไอริณโดยเฉพาะ”นัทธีพูดไป ก็เอาถ้วยรางวัลยื่นให้ป้าส้ม
วารุณีขมวดคิ้ว“ไม่จำเป็นมั้งคะ”
นวิยาก็รู้สึกว่าเขาทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่
ไม่ใช่ว่าแค่ได้ถ้วยรางวัลเหรอไง?ต้องทำห้องโชว์รูมเฉพาะด้วยเหรอ
ถ้าต่อไปไม่ได้ถ้วยรางวัลแล้วล่ะ คงไม่ใช่เรื่องน่าตลกเหรอไง?
นัทธีไม่รู้ความคิดในใจนวิยา มองวารุณีแล้วตอบว่า:“จำเป็นสิ ผมเชื่อว่าถ้วยรางวัลนี้ไม่ใช่รางวัลสุดท้ายแน่”
“ป้าก็เชื่อคุณชายอารัณ”ป้าส้มรับถ้วยรางวัลไปอย่างดูเป็นเรื่องที่หายาก“โอเค งั้นเดี๋ยวผ้าไปเก็บของ คุณชายอารัณสุดยอดจริงๆ!”
อารัณตอบกลับด้วยรอยยิ้ม“ขอบคุณที่คุณยายส้มชม และก็ขอบคุณพ่อด้วย”
“ไม่เป็นไร พ่อรอวันข้างหน้าลูกจะวางห้องโชว์รูมจนเต็ม”นัทธีมองเขาอย่างจริงจัง
อารัณเผชิญหน้ากับสายตาของเขา และก็จริงจังขึ้นมา พยักหน้าแรงๆ“วางใจเถอะพ่อ ผมไม่ทำให้พ่อผิดหวังแน่”
นัทธีจึงละสายตาออกไปอย่างพอใจ
วารุณีเห็นแบบนี้ ก็ไม่รู้จะพูดอะไร ได้แต่ยิ้ม ตามสองพ่อลูก
ในเมื่อนัทธีเชื่อมั่นลูกชายแบบนี้ ลูกชายก็จะไม่ให้เขาผิดหวัง
แล้วเธอยังต้องสนอะไรอีก
นวิยาพูดออกมา“หนูชื่ออารัณใช่ไหม สุดยอดจริงๆนะ เด็กขนาดนี้ก็……”
อารัณเงยมองนวิยา ตัดบทของเธอ“คุณน้านวิยา น้าความจำเสื่อมหรือเปล่าเนี่ย!”
“อารัณ พูดอะไรน่ะลูก?”วารุณีเม้มริมฝีปาก ดุออกไปเสียงคมกริบ
นัทธีก็เลิกคิ้วขึ้น ไม่รู้ว่าเด็กชายคนนี้ทำไมพูดว่านวิยาความจำเสื่อม
มุมปากของนวิยากระตุก โกรธจนอยากจะตีเขา แต่ใบหน้านั้นกลับรักษารอยยิ้มไว้ ก้มเอวเล็กน้อย มือทั้งสองข้างกุมเข่าไว้ สบตากับอารัณ“หนูน้อย ทำไมถึงพูดกับน้าแบบนี้ล่ะ?”
“ทำไม?”อารัณเอียงหัว“เพราะว่าคุณน้านวิยาโง่ไง พ่อเพิ่งเรียกชื่อของผมไปแท้ๆ แล้วน้าก็มาถามอีกว่าผมชื่ออารัณหรือไม่ นี่ไม่ได้ความจำเสื่อมเหรอ อีกอย่าง คุณน้านวิยาก็ไม่ใช่ครั้งแรกนะที่เห็นผมกับไอริณ ทำไมต้องเสแสร้งทำเป็นไม่รู้จักพวกเราด้วยล่ะ?”
“น้า……”นวิยาเหมือนจะจุกกับคำพูด ก้มหน้าลงอย่างน้อยใจ“น้าไม่ได้ทำ น้าไม่ได้อยากเสแสร้ง น้าแค่อยากกลมกลืนกับพวกหนู……”
“พอแล้ว”นัทธียืนขึ้นมา เขาก็รู้ว่านวิยาเคยเจอเด็กสองคนนี้ ที่โรงพยาบาลนานแล้ว ไม่มีทางที่จะไม่รู้จักเด็กทั้งสองคน
ถึงจะไม่รู้ว่าทำไมเธอต้องทำเป็นไม่รู้จัก แต่ถึงจะเป็นแบบนี้ เขาก็ยืนออกมาปกป้องหน้าของเธอ จะทำให้เรื่องบานปลายมากไปไม่ได้
“ไม่ต้องพูดแล้ว ผมพาคุณไปที่ห้องคุณเอง”นัทธีมองนวิยาแล้วพูด
นวิยาพยักหน้าด้วยน้ำตา“โอเค”
ทั้งสองคนขึ้นข้างบนไป
อารัณเบะปาก“หม่ามี๊ เธอเสแสร้งจริง”
“ลูกรู้ก็ดี ต่อไปคำพูดพวกนี้ อย่าพูดอีก อย่าแสดงสิ่งไม่ดีออกมา”วารุณีบีบหน้าของเขา
อารัณทำเสียงฮึดฮัด ถือว่ารับปากไปแล้ว
“พอแล้ว พวกลูกก็กลับห้องไปเล่นเถอะ”วารุณีตบไหล่เล็กๆของเขา
อารัณดึงไอริณที่กัดแอปเปิลอยู่ข้างๆกระโดดโลดเต้นออกไป
นัทธีก็ไม่ได้อยู่ด้านบนนานนัก ไม่นานนักก็ลงมา
วารุณีมองไปที่เขา“นัทธี คุณนวิยาไม่เป็นไรใช่ไหม?”
“ไม่เป็นไร”นัทธีจับมือของเธอ ให้เธอนั่งลงกับเขา
วารุณีถอนหายใจ“ฉันบอกอารัณไปแล้ว ต่อไปเขาจะไม่จงใจหาเรื่องคุณนวิยาแล้ว”
นัทธีตอบอือ“ผมรู้ว่าคุณกับลูกทั้งสองคนต่างไม่ต้อนรับนวิยา วางใจเถอะ นวิยาไม่อยู่นานหรอก นายท่านบุญชัยรู้ว่านวิยาออกจากโรงพยาบาลแล้ว อีกสักพักก็จะมารับนวิยาไปอยู่ด้วย”
“นายท่านบุญชัย?”วารุณีขมวดคิ้วอย่างสงสัย“คุณนวิยาเกี่ยวข้องอะไรกับนายท่านบุญชัยเหรอ?”
“แม่ของนวิยา คือหลานสาวของนายท่านบุญชัย”นัทธีลูบผมดัดลอนที่นุ่มของเธอ แล้วอธิบาย
วารุณีพยักหน้าอย่างเข้าใจทันที“ที่แท้ก็แบบนี้เอง”
คิดไม่ถึงว่านวิยาจะมีความเกี่ยวข้องแบบนี้ กับมือหนึ่งที่เกษียณแล้วแห่งจังหวัดจันทร์
แค่เธอไม่เข้าใจว่า ในเมื่อนายท่านบุญชัยเป็นทวดของนวิยา งั้นทำไมถึงไม่กลับไปตระกูลผดุงธรรมล่ะ?
“กำลังคิดอะไรอยู่?”เห็นวารุณีละสายตาลงครุ่นคิด นัทธีก็ดื่มน้ำ แล้วถาม
วารุณีได้สติคืนมา ก็ส่ายหน้า“ไม่เป็นไร ฉันไปทำงานที่สตูดิโอก่อนนะ”
“โอเค”นัทธีพยักหน้า
วารุณีลุกขึ้น เดินไปที่ชั้นบน
สตูดิโอของเธออยู่ชั้นสอง ห้องของนวิยาก็อยู่ชั้นสอง
วารุณีเดินไปถึงชั้นสอง ก็เห็นนวิยาถือถุงของขวัญสามสี่ถุงออกมาจากห้อง
นวิยาก็คิดไม่ถึงว่าจะบังเอิญขนาดนี้ ที่เจอวารุณีที่นี่ เธอประหลาดใจก่อน จากนั้นยิ้มออกมา“คุณวารุณี นี่ให้คุณค่ะ”
เธอเอาถุงหนึ่งในนั้นยื่นให้วารุณี
วารุณีมองแวบหนึ่ง แต่ไม่ได้รับไว้
นวิยาก็เอาถุงยัดใส่มือของเธอ“รับไว้สิคะคุณวารุณี ฉันมาอยู่ที่นี่ จะไม่แสดงอะไรเลยก็ไม่ได้ นี่คือของขวัญที่ฉันเตรียมไว้ให้พวกคุณทุกคน นี่ของคุณค่ะ”
พูดคำนี้จบ นวิยาก็ถือถุงอื่น เดินผ่านวารุณี แล้วลงชั้นล่างไป
วารุณีมองแผ่นหลังของเธอ แล้วก้มมองถุงในมืออีกครั้ง เม้มริมฝีปากสีแดงลง แล้วผลักประตูสตูดิโอของตัวเองเข้าไป
พอเข้าไป วารุณีก็เปิดถุง ด้านในเป็นจี้คริสทัลรูปหนูเล็กๆอันหนึ่ง
มองจี้นี้แล้ว สายตาวารุณีก็หม่นลง ยิ้มอย่างโกรธๆ
เพราะว่ารูปร่างหนูอันเล็กๆนี้ไม่ได้มีจุดไหนที่ดูน่ารักสักนิด กลับดูสับปลับอย่างมาก ซึ่งก็คือหนูที่ขโมยข้าวสารจากแมวดำนักสืบ
นวิยาส่งหนูมาให้เธอนี้ คือกำลังแอบบอกว่าเธอขโมยนัทธี ดังนั้นจึงจงใจทำเรื่องน่าขยะแขยงใส่เธอใช่ไหม?
คิดไป วารุณีก็ปิดกล่องในมือด้วยสีหน้าเย็นชา จากนั้นเอากล่องทิ้งในถังขยะอย่างไม่ลังเล