“ขอโทษนะวารุณี ฉันไปรับสายนี้ก่อน”ลีน่าหยิบโทรศัพท์ออกมาจากในกระเป๋า
วารุณีตอบอือ แล้วทำท่าเชิญตามสบายไปให้
ลีน่ามองสายที่โทรมาคือสุดหล่อของตัวเอง ก็ยิ้ม แล้วเอาโทรศัพท์แนบไว้ที่ข้างหู“ฮัลโหล สุดหล่อ”
“คุณอยู่ไหน?”ชายหนุ่มที่ปลายสายนั้นถาม
ลีน่ามองวารุณีแวบหนึ่ง“ฉันอยู่กับเพื่อนที่ร่วมงานกัน ทำไมเหรอ?”
“เปล่า ผมได้ยินว่างานออกแบบของพวกคุณสำเร็จแล้วใช่ไหม?”ชายหนุ่มถามอีกครั้ง
ลีน่าพยักหน้า“ใช่ สำเร็จไปได้อย่างดี ฉันส่งไปให้เจ้าหญิงน้อยแล้ว”
“แบบนี้นี่เอง ผมเข้าใจแล้ว”ชายหนุ่มพูด
ลีน่าขมวดคิ้ว“สุดหล่อ คุณโทรหาฉัน มีอะไรหรือเปล่า?”
“ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ก็แค่จะคุยกับคุณหน่อย พรุ่งนี้เจ้าหญิงน้อยจะไปที่จังหวัดคุณ ถ้าคุณมีเวลา ก็จัดหาโรงแรมหน่อย”
“อะไรนะ เจ้าหญิงน้อยมาที่นี่?”ดวงตาของลีน่าเบิกโตด้วยความตกใจ
วารุณีได้ยินคำนี้ ก็ตะลึง แล้วมองโทรศัพท์ของเธอ
ชายหนุ่มหัวเราะ“ใช่ ผมก็เพิ่งได้ยินอาจารย์บอก ดังนั้นอาจารย์ให้ผมแจ้งคุณ คุณอย่าลืมจัดหาโรงแรมล่ะ”
“โอเค ฉันเข้าใจแล้ว”ลีน่าตอบรับอย่างตื่นเต้น
โทรศัพท์เสร็จ เธอก็วางโทรศัพท์ลง
วารุณีกำฝ่ามือแน่นแล้วถาม“เจ้าหญิงน้อยจะมาจังหวัดจันทร์เหรอ?”
“ใช่”ลีน่าตอบกลับด้วยรอยยิ้ม“ดีจัง แบบนี้พวกเราก็ไม่ต้องไปประเทศของเจ้าหญิงน้อยแล้ว สามารถทำชุดราตรีและเครื่องประดับให้เสร็จได้ที่นี่เลย”
วารุณีรู้สึกดีใจกับข่าวนี้มาก
ยังไงไปที่ประเทศที่ไม่คุ้นเคย ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเคยชินได้
ได้สะดวกแบบนี้ ทำไมจะไม่ล่ะ
“แต่ว่าทำไมจู่ๆเจ้าหญิงน้อยถึงอยากมาที่นี่?”วารุณีแปลกใจ
ลีน่ายักไหล่“ใครจะไปรู้ล่ะ น่าจะคิดกะทันหันมั้ง”
“ก็ใช่”วารุณีไม่ปริปากพูดว่าถูกหรือไม่
“โอเควารุณี งั้นฉันไปก่อนนะ พอเจ้าหญิงน้อยตอบข้อความแล้ว ฉันจะแจ้งเธออีกที ฉันไปหาโรงแรมก่อน”ลีน่าส่ายโทรศัพท์
วารุณีตอบรับอือ ลุกขึ้นไปส่งเธอที่หน้าบริษัท
พอกลับมา ปาจรีย์ก็ตามมาอยู่ด้านข้างวารุณี“วารุณี ลีน่าไปแล้วเหรอ?”
“ไปแล้ว”วารุณีตอบ
ปาจรีย์มองใบหน้ายิ้มๆของเธอ“เหมือนเธอจะดีใจนะ มีข่าวดีอะไร?”
“ไม่มีอะไรหรอก ก็เจ้าหญิงน้อยจะมาที่นี่”วารุณีพูดยิ้มๆ
ปาจรีย์ตะลึง“อะไรนะ เจ้าหญิงน้อยมาจังหวัดจันทร์?”
“ใช่”
“ดีมากเลย วารุณี ถึงตอนนั้นตอนที่เธอไปเจอเจ้าหญิงน้อย ต้องพาฉันไปด้วยนะ ฉันยังไม่เคยเห็นสมาชิกของราชวงศ์ที่แท้จริงเลย”ปาจรีย์กอดแล้วเขย่าแขนของวารุณีอย่างตื่นเต้น
วารุณีกลืนไม่เข้าคายไม่ออก“โอเค พาเธอไปน่ะได้ แต่รีบปล่อยมือ ฉันจะกลับไปทำงาน”
“อือๆ เธอไปเถอะ”ปาจรีย์ปล่อยเธอออก
วารุณีผลักประตูห้องทำงานออกแล้วเข้าไป จากนั้นทำงานของตัวเองต่อ
ตอนเย็น นัทธีมารับเธออย่างปกติ
พอเธอขึ้นรถมา ก็พูดเรื่องที่เจ้าหญิงน้อยจะมาจังหวัดจันทร์กับนัทธี
นัทธีฟังจบ ก็ไม่แปลกใจมากนัก ขับรถไปพูดไปว่า:“ผมรู้แล้ว”
“อ๋า?”วารุณีตะลึงเล็กน้อย“คุณรู้ได้ไง?”
“อย่าลืมสิ เรื่องที่ผมจะรับซื้อเหมืองเพชรดิบ ครั้งนี้ที่มาจังหวัดจันทร์ไม่ใช่แค่เจ้าหญิงน้อย ยังมีพี่ชายของเธอ พี่ชายเธอในฐานะผู้ขาย จะมาเซ็นสัญญาที่บริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ปกับผม”นัทธีหมุนพวงมาลัยแล้วอธิบาย
วารุณีเข้าใจทันที“ที่แท้ก็แบบนี้เอง”
“เซ็นสัญญาเสร็จ ผมต้องไปที่นั่นสักหน่อย ดูฐานเหมืองแร่ดิบ”นัทธีพูดอีก
วารุณีก็ไม่แปลกใจมากนัก กับการตัดสินใจที่เขาจะไปประเทศนั้น เพราะเธอรู้อยู่แล้ว
ครั้งที่แล้ว เขาก็เคยบอกว่าเขาต้องไป
“ไปเมื่อไหร่?”วารุณีหันไปมองใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่ม
“คืนพรุ่งนี้”นัทธีตอบกลับ
“งั้นฉันไปส่งคุณ”วารุณีหัวเราะ
ที่จริงนัทธีจะบอกเธอว่าไม่ต้อง แต่เหลือบเห็นความคาดหวังในสายตาเธอแล้ว สุดท้ายก็พยักหน้าเห็นด้วย“โอเค”
หลังจากทั้งสองจบบทสนทนานี้ ก็พูดเรื่องอื่น
สองชั่วโมงถัดมา ทั้งสองก็พาเด็กทั้งสองคนกลับมาถึงคฤหาสน์
พอเข้าไป วารุณีก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคย มีสองเสียง เสียงผู้ชาย และเสียงผู้หญิง
ผู้ชายคือพิชิต ผู้หญิงคือนวิยา
พวกเขาสองคนมาได้อย่างไร?
วารุณีมองชายหนุ่ม ก็เห็นชายหนุ่มขมวดคิ้วเช่นกัน ชัดเจนว่าก็ไม่รู้การมาของทั้งสองคน
เห็นแบบนี้ ในใจของวารุณีก็สบายใจขึ้นเยอะ จูงลูกทั้งสองคนกับเขาเข้าไปในห้องรับแขก
พิชิตได้ยินเสียงฝีเท้า หันมองไป มองเห็นสี่คนพ่อแม่ลูกกลับมา ยืนขึ้นทันที“นัทธี วารุณี พวกคุณกลับมาแล้ว”
“นัทธีกลับมาแล้วเหรอ?”นวิยาที่อยู่ข้างเขาได้ยินคำพูดของเขา ก็ยันโซฟายืนขึ้นมา
แค่เธอมองไม่เห็น ไม่รู้ว่าพวกนัทธีสี่คนกำลังยืนอยู่ตรงนั้น ดังนั้นจึงมองไปอีกด้าน ผิดทางโดยสิ้นเชิง
“พวกคุณมาได้ไง?”นัทธีเม้มริมฝีปากพูดออกมา
นวิยาได้ยินเสียงของเขา จึงตระหนักได้ว่าตัวเองมองทางผิด จึงรีบปรับทาง ในที่สุดก็มองไปตำแหน่งของพวกนัทธีสี่คน
แต่ก็ยังเป็นเช่นนี้ ผ้าพันแผลบนตาของเธอ ยังทำให้เธอมองไม่เห็น
“ผมมาส่งนวิยากลับ”พิชิตยักไหล่แล้วตอบไป
วารุณีมองนวิยา“ผ้าพันที่ตาของคุณนวิยายังไม่แกะ ก็ออกจากโรงพยาบาลได้แล้วเหรอ?”
เดิมทีเธอยังคิดว่า นวิยาจะต้องอยู่โรงพยาบาลตลอดเพื่อรอแกะผ้าพันแผลออก
เพราะว่าตอนนั้น ก็คงประมาณสิ้นเดือนแล้ว ตระกูลผดุงธรรมก็จะมารับนวิยาไปแล้ว คิดไม่ถึงว่านวิยาจะกลับมาเร็วขนาดนี้อีกครั้ง
พิชิตมองออกว่าวารุณีไม่ต้อนรับนวิยาเท่าไหร่ ก็ลูบจมูกอย่างร้อนตัวเล็กน้อย
เขาก็เข้าใจวารุณีได้
ยังไงวารุณีก็เป็นภรรยา จะทนกับผู้หญิงที่คิดไม่ซื่อกับสามีตัวเอง จะอยู่บ้านของตัวเองมาตลอดได้อย่างไร
แต่ เขาก็หมดหนทางนี่
“ตอนนี้อาการของนวิยาดีมาก ออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว ฟื้นตัวที่บ้านก็เหมือนกัน รอสิ้นเดือนค่อยแกะผ้าพันแผลออกก็พอ”พิชิตตอบกลับยิ้มๆ
วารุณีไม่พูดจา จูงเด็กทั้งสองคนขึ้นไปข้างบน
นวิยาได้ยินเสียงฝีเท้า ก็เดาได้ว่าวารุณีไปแล้ว จึงก้มหน้าลงอย่างน้อยใจ“นัทธี พิชิต ฉันไม่ควรกลับมาใช่ไหม ดูเหมือนว่าคุณวารุณีจะไม่พอใจเท่าไหร่”
พิชิตมองสภาพเธอแล้ว ก็ถอนหายใจในใจ
ที่จริงเขาก็รู้ เธอไม่ควรกลับมา แต่เธอจะกลับให้ได้ และยังให้เขามาส่งเธออีก ดังนั้นคำพูดพวกนี้ เขาก็จะไม่พูดแล้ว
ได้แต่ตบไหล่ปลอบนวิยา“อย่าคิดมาก คุณวารุณีไม่ได้ไม่พอใจ”
“แต่ว่า……”นวิยายังอยากจะพูดอะไรอีก ในที่สุดนัทธีก็พูดว่า“พอแล้ว”
นวิยาหุบปากลงทันที
นัทธีลูบคิ้ว“ป้าส้ม ป้าประคองนวิยากลับห้องหน่อยครับ”
“ค่ะ”ป้าส้มตอบรับ เข้าไปประคองนวิยาขึ้นมา
นวิยาไม่อยากไป แต่ก็ไม่กล้าขัดขืนนัทธี ได้แต่ขึ้นไปอย่างไม่ยินยอมเท่าไหร่
แป๊บเดียว ในห้องรับแขกก็เหลือแค่นัทธีกับพิชิตสองคน
พิชิตไอออกมาสองที“เอ่อ แกมีอะไรจะคุยกับฉันเหรอ?”
“ฉันไม่ได้บอกแล้วเหรอว่า ให้แกให้นวิยาอยู่ที่โรงพยาบาลน่ะ?”นัทธีหรี่ตา มองเขาอย่างไม่พอใจ
ตั้งแต่ที่นวิยาย้ายเข้ามาแล้วทำเรื่องพวกนั้น เขาก็อยากจะแยกเธอกับวารุณีออก
แล้วตาของนวิยาก็ผ่าตัดพอดี เขาจึงกำชับพิชิต ให้พิชิตทำให้นวิยาอยู่ที่โรงพยาบาลก่อน รอจนต้นเดือนหน้า หลังจากจัดงานเลี้ยงหายดีแล้ว ก็ให้นายท่านบุญชัยรับนวิยาไป
สุดท้ายพิชิตก็ทำไม่ได้!
พิชิตก็รู้ว่าตัวเองผิดคำพูดที่รับปากนัทธีไป จึงหัวเราะอย่างเคอะเขิน“ฉันก็อยาก แต่ว่าฉันเอาไว้ไม่อยู่!”
“หมายความว่าไง?”นัทธีขมวดคิ้วถาม