นัทธีก็ทำเหมือนไม่ได้ยิน จูบไปอีกครั้ง
และจูบของเขาก็รุนแรงกว่าปกติ แรงที่ออกมา เหมือนมีการลงโทษบางอย่าง ทั้งแทะเล็มและกัดริมฝีปากของวารุณี
วารุณีค่อยๆเข้าใจ เขากำลังลงโทษเธอ
ลงโทษที่เมื่อคืนเธอพูดไม่เป็นคำพูด ทิ้งเขาไปอยู่กับปาจรีย์
เมื่อคิดเช่นนี้ วารุณีกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ก็ไม่ผลักเขาอีก โอบคอของเขาตอบรับเขาไป
ในเมื่อเขาไม่รังเกียจที่เธอไม่ได้แปรงฟัน งั้นเธอจะผลักเขาออกทำไม
แป๊บเดียว นัทธีก็ยังไม่พอใจนักกับจูบนี้ ก้มตัวกดวารุณีล้มไปที่เตียง
วารุณีก็ตอบรับเขาอย่างให้ความร่วมมือ
ทั้งเช้านี้ ก็ผ่านไปด้วยความรักใคร่สุดซึ้งของทั้งสองคน
รอจนทุกอย่างจบลงและเงียบสงบ ก็สิบเอ็ดโมงกว่าแล้ว
ท้องของวารุณีร้องขึ้นมาด้วยความหิว แต่กลับนอนบนเตียงอย่างไร้เรี่ยวแรงที่จะเคลื่อนไหว แม้แต่ดวงตาก็ขี้เกียจจะลืมขึ้น
นัทธีกลับยืนอยู่ข้างเตียงอย่างพอใจ ก้มหน้ามองเธอ
ถึงแม้ประจันหน้ากันอย่างซึ่งๆหน้ามาหลายครั้งแล้ว แต่ตอนนี้ วารุณีก็ยังเขินอายกับการจ้องมองของเขาอยู่บ้าง หน้าแดงจนดึงผ้าห่มมาปิดตัวเองไว้
“มองอะไร?”วารุณีกลอกตาใส่เขา
นัทธีเก็บผ้าคลุมอาบน้ำที่พื้นขึ้นมาสวม“ผมพาคุณไปอาบน้ำเอง”
“ฉันไปเองได้”วารุณีลูบขมับแล้วพูด
นัทธีทำเป็นเหมือนไม่ได้ยิน เปิดผ้าห่มที่ตัวเธอโดยตรง แล้วอุ้มเธอขึ้นมา
ดวงตาวารุณีเบิกโต“คุณ……”
“อย่าขยับ อยากจะกินข้าวตอนเย็นหรือไง?”นัทธีตบก้นของเธอ
วารุณีรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงของร่างกายชายหนุ่มอย่างชัดเจน ก็อุทานใส่เขาออกไปเสียงเบา“ทำไมคุณถึง……”
“แล้วจะทำไมล่ะ?”ชายหนุ่มละสายตาลง มองเธอเหมือนจะยิ้มก็ไม่ยิ้ม
วารุณีหน้าแดง หลบสายตาเขา“เปล่า ยังไม่รีบไปอีก”
ชายหนุ่มหัวเราะเสียงเบา เร่งฝีเท้าเข้าไปในห้องน้ำ วางเธอลงใส่ในอ่าง จากนั้นเปิดน้ำ
พอรองน้ำได้พอประมาณแล้ว นัทธีก็ถอดเสื้อคลุมอาบน้ำที่ตัว แล้วยืนขึ้นเข้าไป
ดีที่อ่างน้ำใหญ่พอ แช่ทั้งสองคนได้มากพอ วารุณีก็ไม่ไล่เขาไป ปล่อยเขากอดตัวเองไว้ในอ้อมแขนแล้วแช่น้ำ
แช่ไปได้ประมาณสองชั่วโมง น้ำค่อยๆเย็นลง ทั้งสองคนจึงออกมาจากอ่างน้ำ สวมชุดคลุมอาบน้ำเสร็จก็เป่าผมให้แห้ง จากนั้นเปลี่ยนชุดออกไปจากห้อง
นัทธีพาวารุณีมาที่ห้องอาหารโรงแรม เพิ่งเข้าไป ปาจรีย์โบกมือให้ทั้งสองคน“วารุณี ประธานนัทธี ทางนี้!”
วารุณีมองเห็นเธอ ก็โบกมือตอบกลับด้วยรอยยิ้มเหมือนกัน“สามี ไปทางปาจรีย์เถอะ”
นัทธียืนนิ่งไม่ขยับ กลับมองไปทางปาจรีย์อย่างเย็นชา
ปาจรีย์ตัวสั่น รอยยิ้มที่ใบหน้าแข็งทื่อ ไม่เข้าใจว่าทำไมนัทธีต้องมองเธอแบบนี้ มองจนในเธอนั้นตื่นตระหนก
วารุณีก็รู้สึกว่าชายหนุ่มไม่ชอบใจปาจรีย์นัก จึงคิดเล็กน้อย ก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ส่ายหน้ายิ้มๆ“ไม่ใช่ว่าคุณ กำลังหึงปาจรีย์หรอกนะ?”
“เปล่า”สายตานัทธีมองไปทางอื่น
วารุณีไม่เชื่อเท่าไหร่นัก รู้สึกตลกสุดๆ“งั้นโอเค พวกเราไปกินที่อื่นเป็นไง ไม่นั่งกับพวกปาจรีย์”
นัทธีตอบอือ
พูดจบ เขาก็เดินไปก่อน ไปหาที่
วารุณีไม่ได้รีบตามไป แต่ชี้ไปที่นัทธี บอกปาจรีย์ว่าพวกเขาจะไปนั่งที่อื่น แล้วจึงตามนัทธีไป
ปาจรีย์เกาหัว คิดไม่ออกว่าทำไมพวกเขาไม่นั่งกับเธอ จะไปที่อื่นให้ได้
ตอนนี้เอง ลีน่าถือนมแก้วหนึ่งเดินมาอยู่ข้างเธอ ตบไหล่ของเธอ“ทำอะไรน่ะ?”
“ฉันเพิ่งเห็นพวกวารุณี”ปาจรีย์พูด
ลีน่ามองตามสายตาของเธอไป“แล้วยังไงต่อ พวกเขาล่ะ?”
“ไปนั่งที่อื่นแล้ว ดังนั้นฉันคิดไม่ออก ทำไมพวกเขาถึงไม่นั่งกับฉัน อีกอย่างท่าทีของประธานนัทธีก็แปลกมาก เหมือนเขาไม่ค่อยชอบฉัน”ปาจรีย์เอียงศีรษะพูดด้วยความสงสัย
มุมปากของลีน่ากระตุก“เธอคิดไม่ออกจริงๆเหรอ?”
“อือ”ปาจรีย์พยักหน้า
ลีน่ามองเธออย่างหมดคำพูด“ปัญหาง่ายๆแบบนี้เธอยังไม่รู้ เธอนี่จริงๆเลย”
“งั้นเธอว่ามาสิ”ปาจรีย์เร่งอย่างรีบร้อน
ลีน่าถอนหายใจ“นี่ไม่ง่ายเหรอไง ประธานนัทธีหึงน่ะสิ ตอนเช้าเธอบอกฉันว่า เมื่อคืนวารุณีมานอนกับเธอ แต่เธอได้คิดไหมว่า วารุณีกับประธานนัทธีเป็นสามีภรรยากัน วารุณีมาอยู่กับเธอ ก็หมายความว่าประธานนัทธีต้องอยู่ห้องคนเดียวโดดเดี่ยว เธอว่าประธานนัทธีจะไม่พอใจเธอได้อย่างไร ใครให้เธอไปแย่งภรรยาเขาล่ะ!”
พอได้ยิน ปาจรีย์ก็ถอนหายใจ จากนั้นก็จะร้องไห้“แต่ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆนะ ฉันจะรู้ได้ไงว่าเมื่อคืนวารุณีจะมาอยู่กับฉัน ถ้ารู้แบบนี้เมื่อคืนฉันก็ไม่ดื่มจนเมา ดูสิตอนนี้ ประธานนัทธีโกรธแค้นแล้ว ลีน่า ฉันจะทำไงดี?”
“ฉันจะไปรู้ได้ไง แต่ว่าความขี้หึงของประธานนัทธีก็หนักจริงๆนะ แม้แต่ผู้หญิงก็ยังหึงได้”ลีน่าลูบคางแล้วพูดบ่น
ปาจรีย์ยิ้มอย่างขมขื่น“หวังว่าประธานนัทธีจะไม่ฆ่าฉัน”
“จะเป็นไปได้อย่างไร นี่เป็นสังคมมีกฎหมาย เธอคิดมากไปแล้ว โอเค ไปกินข้าวก่อนเถอะ ประธานนัทธีน่าจะไม่ทำอะไรเธอหรอก ยังไงเธอก็เป็นผู้หญิง ดังนั้นอย่างมากเขาก็รู้สึกขัดหูขัดตาเธอ แต่ถ้าเธอเป็นผู้ชาย นั่นก็ไม่แน่”
รอยยิ้มของปาจรีย์ก็ดูขมขื่น“ดังนั้นฉันควรจะดีใจสินะ”
วารุณีไม่รู้ว่าปาจรีย์ตกใจกลัวนัทธีสุดๆแล้ว ตอนนี้กำลังนั่งกินอาหารเที่ยงกับชายหนุ่มเงียบๆ
ทานข้าวเสร็จ วารุณีเช็ดมุมปากแล้วถาม:“พวกเราจะกลับประเทศเมื่อไหร่ ฉันคิดถึงอารัณกับไอริณแล้ว”
และก็ไม่รู้ว่าลูกทั้งสองคนอยู่ที่บ้านเป็นอย่างไรบ้าง
นวิยาจะรังแกพวกเขาไหม
“กลับคืนนี้แล้ว”นัทธีดื่มกาแฟแล้วตอบไป
วารุณีตอบอือ“โอเค กลับไปประเทศก็เช้าพอดี”
“เดี๋ยวคุณรอผมที่โรงแรมนะ ผมจะไปดูที่เหมืองเพชรดิบ”นัทธีวางแก้วกาแฟแล้วพูด
วารุณีบิดขี้เกียจ“อยู่โรงแรมคนเดียวมากไปก็ไม่สนุก ลีน่าจะไปดูนิทรรศการเครื่องประดับ ปาจรีย์จะไปช้อปปิ้ง เอาของขวัญกลับไปให้พนักงาน ไม่มีเวลามาอยู่กับฉัน ฉันไปกับคุณละกัน ฉันยังไม่เคยเห็นเหมืองเพชรดิบเลย”
“น่าเบื่อมาก”นัทธีมองเธอ
วารุณีหัวเราะ“ไม่เป็นไร มีคุณอยู่ด้วยก็ไม่เบื่อแล้ว”
คำนี้ทำให้อารมณ์ของนัทธีนั้นปีติขึ้นมา ริมฝีปากบางๆก็ยกขึ้นมาเล็กน้อย“โอเค งั้นก็ไปเถอะ”
“ไป!”วารุณียืนขึ้นมา กอดแขนของเขาไว้ ออกไปจากโรงแรมกับเขา
เหมืองเพชรดิบอยู่บนเขา ตรงนั้นอยู่ใกล้เขตภูเขาไฟ รอบๆมีพืชเจริญเติบโตน้อย ดูรกร้างมาก แต่เต็นท์เหล่านั้นแต่ละอัน กับพนักงานที่เดินไปมาพร้อมถือเครื่องมือแปลกๆกลับทำให้ที่นี่ดูเป็นที่นิยมอย่างมาก
“พวกเขากำลังตรวจดูเพชรเหรอ?”วารุณีชี้ไปที่คนพวกนั้น ถามชายหนุ่มด้านข้าง
ชายหนุ่มส่ายหน้าเบาๆ“ไม่ใช่”
“งั้นกำลังทำอะไรอยู่?”
“พวกเขาแค่กำลังตรวจจับว่าตำแหน่งไหนอ่อนแอที่สุด จากนั้นจึงทำการระเบิด และขุดเจาะอุโมงค์เหมืองแร่”นัทธีอธิบาย
วารุณีพยักหน้าโดยทันที“แบบนี้นี่เอง ฉันเข้าใจแล้ว”
“ด้านหน้ามีอุโมงค์เหมืองแร่อีกอัน ไปดูกันเถอะ”นัทธีพูดไป ก็พาวารุณีไปทางนั้น
วารุณีดูเสร็จ ก็พบว่าไม่ต่างอะไรกับอุโมงค์เหมืองแร่ทั่วไป มองไปแวบหนึ่ง ก็ทำให้รู้สึกไม่น่าสนใจ
แต่ที่น่าสนใจจริงๆ ก็คือแร่เพชรดิบที่อยู่ในภูเขา แค่ตอนนี้แค่เอาอุโมงค์เหมืองแร่ออกมา ยังไม่ได้ลงลึกเข้าไป แร่เพชรดิบจึงยังไม่สามารถขุดได้ อยากจะเห็นก็เห็นไม่ได้
อย่างที่นัทธีพูดจริงๆด้วย ที่นี่น่าเบื่อมาก
“นั่นเป็นเต็นท์พักผ่อนของผม คุณไปรอผมด้านใน ผมจะไปดูแผนการขุดของพวกเขา”นัทธีชี้ไปที่เต็นท์ด้านหน้าอันหนึ่งแล้วพูด