พงศกรรับแก้วเหล้ามาด้วยรอยยิ้ม“คุณปีเตอร์พูดเรื่องตลกแล้ว ผมไม่รู้จักผู้หญิงคนนั้นครับ”
“เหรอ?”ชายวัยกลางคนตะลึง
พงศกรชนแก้วกับเขาก่อน“ใช่ครับ อาจจะแค่บังเอิญชื่อเหมือนกัน โอเค คุณหมอปีเตอร์ คุณสนุกไปเลยนะครับ ผมกลับไปพักผ่อนก่อน ผ่าตัดพรุ่งนี้ จะดำเนินการตรงเวลา”
พูดจบ เขาก็จิบเหล้าไปคำหนึ่ง ลุกขึ้น แล้วเอามือสอดเข้ากระเป๋ากางเกง เดินผ่านชายวัยกลางคน เดินออกไปจากห้องรับรอง
วินาทีที่ออกไป การแสดงออกที่ใบหน้าก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยอีกครั้ง เหลือเพียงแต่ความเยือกเย็นทั่วทั้งใบหน้า
ถอดใจจากเขา ไม่ต้องการเขาแล้ว?
เหอะ ความรู้สึกห่วยแตกแบบนี้ เขาต่างหากที่ไม่แคร์
มุมปากของพงศกรยกเป็นมุมขึ้นมาอย่างเย็นชา
ทันใดนั้น ที่หัวมุมก็มีชายหนุ่มร่างสูงใหญ่เหมือนกันคนหนึ่งออกมา
ชายหนุ่มสวมสูทสีดำ ด้านนอกเป็นผ้าวูลสีดำ หล่อเหลาสุดๆ
ก็แค่ใบห้าหล่อเหลานั้น ไม่มีการแสดงออกใดๆเช่นกัน
นัทธีชายหนุ่มที่เพิ่งไปเจอวิลเลียมเสร็จ
เขาก็คิดไม่ถึงว่าระหว่างทางที่ตัวเองกลับห้องโถงงานเลี้ยง จะบังเอิญเจอพงศกรขนาดนี้
แต่ว่านัทธีไม่คิดจะสนใจ หลังจากเหลือบมองพงศกรอย่างเย็นชา ก็เดินชนไหล่พงศกรไป
พงศกรก็เช่นกัน
ชายหนุ่มทั้งสองคนก็เป็นเช่นนี้ เป็นเหมือนคนแปลกหน้าที่ไม่รู้จักกัน ไม่ได้พูดคุยกันเลย
นัทธีหาวารุณีเจอที่งานเลี้ยง
เวลานี้เอง วารุณีเพิ่งออกมาจากห้องน้ำกับปาจรีย์ไม่นาน
พอออกมา ปาจรีย์ก็เริ่มดื่มเหล้าอย่างบ้าคลั่ง ดื่มไปไม่กี่แก้ว ก็เมา และตอนนี้เองก็โซเซล้มลงพิงไปที่เธอ แต่ในมือกลับยังไม่ลืมถือแก้วเหล้าไว้
นัทธีมองเห็นฉากนี้ ใบหน้าหล่อเหลาก็หม่นลง จะให้เธอจับปาจรีย์ออกไป
วารุณีจึงห้าม“ช่างเถอะ แบบนี้แหละ ตอนนี้เธอพึ่งพาฉันมาก ถ้าจับเธอออกไป แล้วเธอเมาอาละวาดขึ้นมาจะทำไง?”
ที่นี่คือพิธีบรรลุนิติภาวะของเจ้าหญิงน้อย
เมื่อกี๊ที่ปาจรีย์ทำ ก็ขายขี้หน้าแล้ว ถ้าอาละวาดเพราะความเมาขึ้นมาอีก จะไม่ใช่แค่เสียหน้า แต่จะเป็นไปได้ว่าทำให้พิธีบรรลุนิติภาวะของเจ้าหญิงน้อยยุ่งเหยิงมากยิ่งขึ้น
นัทธีก็รู้ตรงนี้ ดังนั้นถึงแม้ในใจไม่ยินดีนักที่ปาจรีย์เข้าใกล้ภรรยาของตัวเอง แต่ก็ได้แค่อดทนอย่างเย็นชา
“ไปเถอะ กลับโรงแรม”นัทธียกข้อมือขึ้นมาดูนาฬิกา
วารุณีตอบอือ“ฉันส่งข้อความหาลีน่าก่อน บอกเธอว่าพวกเราจะไปก่อน”
นัทธีพยักหน้า
วารุณีหยิบโทรศัพท์ออกมา หลังจากส่งข้อความให้ลีน่าแล้ว ก็ประคองปาจรีย์ขึ้นมาอย่างยากลำบาก
นัทธีไม่ได้ดูจะช่วยเหลือเลย วารุณีก็ไม่ได้ให้เขาช่วย
ยังไงปาจรีย์ก็เป็นเพื่อนสนิทของเธอ นัทธีจะไปแตะต้องไม่ได้ เธอก็ไม่ชอบให้เขาไปแตะด้วย
ดังนั้นวารุณีจึงได้แต่กัดฟันตัวเองพาปาจรีย์เข้าไปในรถ
แป๊บเดียว ก็มาถึงโรงแรม
วารุณีหยิบคีย์การ์ดของห้องเธอจากกระเป๋าปาจรีย์ หันหน้าไปพูดกับชายหนุ่ม:“สามี คุณกลับห้องก่อนไป ฉันดูแลปาจรีย์เสร็จ ค่อยกลับไป”
นัทธีตอบอือ เปิดประตูห้องเข้าไป
วารุณีก็ใช้คีย์การ์ดในมือ เปิดประตูห้องตรงข้าม
พอเข้าไป วารุณีก็วางปาจรีย์ไว้ที่เตียง นั่งพักอยู่ข้างเตียง
เหนื่อยมาก!
วารุณีมองปาจรีย์ที่เมาหมดสติอยู่บนเตียง แต่กลับพูดพึมพำ ก็รู้สึกปวดหัว
พักไปสักพัก วารุณีก็ลุกขึ้นอีกครั้ง เอาน้ำมากะละมังหนึ่งจากห้องน้ำ ใช้ผ้าขนหนูเช็ดหน้าให้ปาจรีย์ แล้วเปลี่ยนชุด
ทำพวกนี้เสร็จ วารุณีก็ยัดปาจรีย์ลงเตียง เตรียมกลับไป
จู่ๆปาจรีย์กลับร้องไห้“อย่าไปฮือๆๆ……”
วารุณีหยุดฝีเท้าลง“ปาจรีย์เธอเป็นอะไร?”
ปาจรีย์ร้องไห้หนักขึ้น“อย่าไป ฉันกลัวมากเลย เธออยู่กับฉันได้ไหม”
“ปาจรีย์ เธอให้ใครอยู่กับเธอ?”วารุณีก้มเอวมองเธอ
ในใจก็คิดว่า เธอน่าจะพูดถึงพงศกร
แต่สุดท้ายปาจรีย์กลับไม่พูดชื่อออกมา เอาแต่ร้องไห้ ให้คนอยู่ด้วย
วารุณีทำอะไรไม่ได้ ได้แต่เปิดผ้าห่มนอนลงไป ง้อเธอเหมือนง้อเด็ก“โอเค ฉันไม่ไป ฉันไม่ไป ฉันอยู่กับเธอเอง”
จริงๆด้วย ตอนนี้ ปาจรีย์ก็ไม่ร้องแล้ว
ในใจวารุณีรู้ดีว่าตัวเองน่าจะปลีกตัวออกไปไม่ได้ หลังจากถอนหายใจ จึงหยิบโทรศัพท์มาโทรหานัทธี
นัทธีสวมชุดคลุมอาบน้ำสีขาวนั่งอยู่บนเตียง ในมือถือแท็บเล็ตกำลังดูข้อมูล จู่ๆโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมา เขาหยิบมามองแวบหนึ่ง แล้วกดรับ“ฮัลโหล”
“สามี ขอโทษนะ คืนนี้คุณนอนเองนะ ฉันไม่กลับไป”เสียงของวารุณีดังเข้ามา
ใบหน้าหล่อเหลาของนัทธีหม่นลง“ทำไมถึงไม่กลับมา?”
ไม่ใช่ว่าเธอลืมที่พูดว่าตอนค่ำจะให้รางวัลเขาหรอกนะ?
“ปาจรีย์กำลังร้องไห้ กอดฉันไม่ให้ฉันไป ดังนั้นฉันไปไม่ได้”วารุณีมองปาจรีย์ที่กอดแขนตัวเอง จึงพูดอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ริมฝีปากบางๆของนัทธีเม้มเป็นเส้นตรง“หรือว่าคุณลืมคำที่คุณพูดไปแล้ว?”
วารุณีตะลึงก่อน จากนั้นก็คิดได้ว่าอะไรทันที หน้าเล็กๆนั้นแดงขึ้นมา“เอ่อ……ครั้งหน้านะ คืนนี้ไม่ได้จริงๆ ไม่งั้นครั้งหน้าฉันให้รางวัลคุณสองเท่าเลยเอาไหม?”
แววตานัทธีสั่นคลอน
นี่ก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้
ดังนั้นนัทธีจึงทำเสียงฮึดฮัด แล้ววางสาย
วารุณีรู้ว่าเขาโอเค จึงส่ายหน้ายิ้มๆ จากนั้นมองไปที่ปาจรีย์“ฉันเสียสละไปมากมายเพื่อเธอเชียวนะ รอกลับไปก่อน เธอต้องทำงานให้ฉันสองเท่าเลยนะ”
พูดจบเธอก็ปิดไฟ หาวแล้วหลับตานอน
ยังไงก็ยังปรับจากอาการเจ็ตแล็กไม่ได้ บวกกับดื่มเหล้าไป ตอนนี้เลยมึนๆหัว อยากจะนอน
วันถัดมา ปาจรีย์ก็ฟื้นคืนมาเต็มตัว มองเห็นวารุณีบนเตียง ก็ตะลึงงัน
“วารุณี เธอมาอยู่ที่เตียงฉันได้ไง?”ปาจรีย์ผลักวารุณีแล้วถาม
วารุณีขมวดคิ้ว ลืมตา“ทำอะไรเนี่ย?”
“เธอยังจะพูดทำอะไรอีก เธอน่ะมาอยู่ที่เตียงฉันได้ไง?”ปาจรีย์ถามอีกครั้ง
วารุณีลูบขมับแล้วนั่งลง มองเธออย่างเซ็งๆ“ฉันอยู่ที่เตียงเธอได้ไง เธอยังจะถามอีก เมื่อคืนเธอเมา ฉันดูแลเธอเอง สุดท้ายดูเธอสิ ดึงฉันไม่ให้ไปอย่างเดียว จะให้อยู่กับเธอให้ได้”
“เป็น……เป็นแบบนี้เหรอ?”มุมปากของปาจรีย์กระตุก จากนั้นพยายามนึกย้อนถึงความทรงจำเมื่อคืน แต่น่าเสียใจมาก เธอนึกอะไรไม่ออกเลย
วารุณีหาว เปิดผ้าห่มลงจากเตียง“โอเค เธอดื่มเหล้าไปมากขนาดนั้น ถ้ายังปวดหัวอยู่ นอนต่ออีกสิ ฉันต้องกลับไปง้อสามีฉันแล้ว เมื่อคืนฉันไม่ได้กลับไป เขาน่าจะไม่พอใจ”
พูดจบ วารุณีก็สวมรองเท้าออกไป ทิ้งปาจรีย์ไว้คนเดียว นั่งบนเตียงอย่างว่างเปล่า
กลับไปที่ห้องตรงข้าม
วารุณีไม่รู้ว่าชายหนุ่มตื่นหรือยัง ดังนั้นจึงเดินไปที่ข้างเตียงเบาๆ
เดินไปดูที่ข้างเตียง เปิดผ้าห่มออก ชายหนุ่มไม่อยู่ที่เตียง
“ไปไหนเนี่ย?”วารุณีบ่น
ตอนที่เธอจะหมุนตัว มองหารอบๆ จู่ๆช่วงเอวก็มีแขนสองข้างยื่นออกมา โอบเธอไว้
จากนั้น แขนก็รัดแน่น เธอถูกกอดอยู่ในพื้นที่เล็กๆ เล็กจนเธอไม่อาจดิ้นได้
เธอรู้สึกถึงใจเต้นที่อยู่ด้านหลัง และลมหายใจที่อยู่เหนือหัวอย่างดี
“รู้จักกลับมาแล้ว?”เสียงทุ้มแหบของชายหนุ่มดังขึ้นมาจากเหนือศีรษะ
วารุณีแลบลิ้นออกมา“คุณไปไหนมา?”
นัทธีไม่ตอบ ปล่อยมือที่วางไว้ที่เอวเธอ จับเธอหมุนกลับ ก้มหน้ามองเธอ มองอยู่สักพัก ก็เงยคางเธอแล้วจูบลงไป
วารุณีตาเบิกโต จากนั้นผลักเขาออกอย่างรวดเร็ว“ฉันยังไม่แปรงฟันเลย”