“เธอหมายถึง เจ้าหญิงน้อย?”ดวงตาวารุณีเป็นประกาย
“ใช่”ลีน่าพยักหน้า
“เดี๋ยวก่อน ฉันส่งข้อความก่อน”วารุณีหยิบโทรศัพท์ออกมาจากในกระเป๋า ส่งข้อความให้ปาจรีย์
ยังไงครั้งที่แล้วปาจรีย์ก็บอกว่า อยากไปดูเจ้าหญิงน้อย
ก็แค่ครั้งนี้ลีน่ารีบดึงเธอออกไป เธอจึงได้แต่ส่งข้อความให้ปาจรีย์ ให้ปาจรีย์รีบตามตัวเองไป
“โอเค”วารุณีส่งข้อความเสร็จ ก็เก็บโทรศัพท์
ลีน่าถาม:“เธอส่งให้ใคร?”
“ปาจรีย์”วารุณีตอบกลับ
ลีน่าตอบอ้อ ไม่ถามอีก
แป๊บเดียว ก็ถึงโรงแรม
ทั้งสองคนมาตรงหน้าห้องเพรสซิเดนสูทห้องหนึ่ง
ลีน่าเคาะประตู แป๊บเดียวก็มีแม่บ้านคนหนึ่งเปิดประตู เชิญทั้งสองคนเข้าไป
ในที่สุดวารุณีก็เห็นเจ้าหญิงน้อย บอกได้แค่ว่า สมแล้วที่เป็นชนชั้นเจ้า คำพูดและการกระทำนั้นมีมารยาทมาก
“เราเห็นการออกแบบของพวกเธอแล้ว ดีมากๆ เราชอบมาก ไม่รู้ว่าจะออกมาเป็นชุดได้เมื่อไหร่?”เจ้าหญิงน้อยถาม
วารุณีกับลีน่าสบตากัน
ลีน่าตอบ“ถ้าเครื่องประดับ ผลิตทั้งห้าชิ้นด้วยกันแล้ว ช้าที่สุดก็ครึ่งเดือนเพคะ”
วารุณีก็พูดตาม“ชุดราตรีก็เช่นกันเพคะ”
“งั้นก็ดี งั้นเราก็จะอยู่ที่นี่ครึ่งเดือน รอชุดราตรีกับเครื่องประดับเสร็จแล้ว เราจะเอากลับประเทศด้วย”พูดจบ เจ้าหญิงน้อยก็โบกมือให้กับแม่บ้าน
แม่บ้านยื่นการ์ดเชิญให้วารุณีกับลีน่าคนละใบ
นี่คือการ์ดเชิญพิธีบรรลุนิติภาวะของเจ้าหญิงน้อย อยากจะเชิญพวกเธอไปร่วมงานด้วย
“เป็นที่รู้จักกันดีว่า ประเทศเราเป็นแหล่งผลิตเหมืองแร่ที่อุดมสมบูรณ์มาก และเป็นประเทศแห่งอัญมณี ดังนั้นเราเลยเชิญดีไซเนอร์เครื่องประดับกับดีไซเนอร์เสื้อผ้าที่มีชื่อเสียงจำนวนมาก พวกเธอไปก็จะได้รู้จักคนสายงานเดียวกันบางส่วน”เจ้าหญิงน้อยดื่มชาแดงแล้วพูด
วารุณีได้ยิน ก็รอคอยงานเลี้ยงนี้มาก บอกกับลีน่าว่าจะไป
ออกไปจากห้องเพรสซิเดนสูท ปาจรีย์จึงรีบเข้ามา
มองเห็นทั้งสองคน เธอก็ขมวดคิ้วร้องออกมา“พวกเธอเห็นหมดแล้วเหรอ?”
“ใช่”วารุณีมองเธออย่างเห็นใจ“ใครให้เธอมาช้าขนาดนี้ล่ะ?”
“ฉันก็ไม่อยากเหมือนกัน แต่ระหว่างทางรถติด”ปาจรีย์ยิ้มอย่างขมขื่น
วารุณีส่ายหน้าอย่างตลก จากนั้นยื่นการ์ดเชิญไป“เอาน่ะ อย่าอุดอู้สิ อีกครึ่งเดือนข้างหน้า ฉันจะพาเธอไปร่วมงานเลี้ยงของเจ้าหญิงน้อย ก็ได้เจอแล้วนี่ และยังได้เจอตัวพ่อตัวแม่ในวงการตั้งมากมายด้วย”
ดวงตาของปาจรีย์เป็นประกาย เปิดการ์ดเชิญทันที“ดีจัง ขอบคุณนะวารุณี”
“ไม่ต้องเกรงใจ”วารุณีหัวเราะ
ออกไปจากโรงแรม ลีน่าลากับทั้งสองคนที่หน้าประตู
วารุณีกับปาจรีย์กลับมาที่บริษัทด้วยกัน
จนตอนเย็น นัทธีโทรศัพท์มา บอกเธอว่า ให้เธอไปรับเด็กสองคนกลับไปก่อน เขายังมีประชุมอีกไปไม่ได้
วารุณีไม่ได้ถามมาก ก็ตกลงไป
พอเลิกงาน เธอก็ไปรับลูกทั้งสองคนกลับไป
กลับมาที่คฤหาสน์ ในคฤหาสน์นั้นเงียบมาก มีแค่ป้าส้มที่กำลังยุ่งอยู่
วารุณีให้ลูกทั้งสองคนขึ้นไปเล่นก่อน จากนั้นจึงถามป้าส้ม:“ป้าส้ม คุณนวิยาไม่อยู่เหรอ?”
“คุณหมอพิชิตมารับเธอไปเดทแล้วค่ะ”ป้าส้มตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
สำหรับเรื่องที่นวิยากับพิชิตคบกันนั้น เธอก็รู้สึกยินดีที่รับรู้
ยังไงคุณผู้ชายก็แต่งงานแล้ว นวิยาก็ยังเอาแต่จับจ้องคุณผู้ชาย นี่มันน่ารำคาญมาก
“แบบนี้นี่เอง”วารุณีพยักหน้า สื่อว่าเข้าใจ
ตอนหัวค่ำ นัทธีกลับมา เห็นนวิยาไม่อยู่ ไม่รู้สึกแปลกใจอะไร
ชัดเจนว่าเขารู้อยู่แล้วว่าเธอออกไป
วารุณีไม่ได้ถามเขาว่ารู้ได้อย่างไร มีอยู่แค่สองแบบอย่างไม่ต้องแปลกใจ ไม่พิชิตพูด ก็เป็นนวิยาที่พูด
ทานข้าวเสร็จ สี่คนพ่อแม่ลูกก็ขึ้นไปชั้นบน
นัทธียังมีงานอยู่ ก็ไปที่ห้องทำงาน วารุณีอยู่เล่นตัวต่อไม้กับลูกทั้งสองคนในห้องสักพัก จึงกลับห้องไปอาบน้ำ
อาบน้ำเสร็จ เธอก็ลงมาเทน้ำ ได้ยินชั้นล่างมีเสียงคุยกัน เป็นพิชิตกับนวิยา
“คุณหมอพิชิต”วารุณีลงมาจากชั้นบน มองเห็นทั้งสองคน ก็ทักทายทั้งสอง
พิชิตยิ้มให้เธอ ถือว่าตอบรับ
วารุณีมองไปที่นวิยา“มาส่งคุณนวิยาเหรอคะ”
“ใช่”พิชิตพยักหน้า
ถึงแม้นวิยามองไม่เห็นวารุณี แต่จากเสียงแล้ว ก็พอจะรู้ว่าวารุณีอยู่ที่ไหน มองไปทางที่วารุณีอยู่แล้วถาม:“คุณวารุณี ดึกขนาดนี้ ยังไม่นอนอีกเหรอ?”
“ยังค่ะ กำลังวาดรูปออกแบบ”วารุณีตอบกลับ
นวิยาพยักหน้า“แบบนี้นี่เอง”
จากนั้น ก็ไม่ได้ถามอีก
“โอเคนวิยา เดี๋ยวผมส่งคุณกลับไปที่ห้อง”พิชิตประคองนวิยา
นวิยาก็ไม่ปฏิเสธ ถูกเขาค่อยๆพยุงขึ้นไปข้างบน
วารุณีมองแผ่นหลังของทั้งสองคน ถึงแม้จะเข้ากันมาก แต่ก็ยังแปลกอยู่เล็กน้อย
พิชิตรักนวิยามาก การกระทำที่มีต่อนวิยานั้นดูระมัดระวังมาก
ส่วนนวิยา ถึงแม้จะบอกว่าคบกับเขาแล้ว แต่ก็ยังห่างเหินเล็กน้อย กับคำพูดและการกระทำของเขา
แต่ไม่ว่าอย่างไร ก็ไม่เกี่ยวกับเธอ
คิดไป วารุณีก็ละสายตาคืนกลับมา เทน้ำแก้วหนึ่งเตรียมจะกลับห้อง
เพิ่งเดินไปที่หน้าบันได พิชิตก็ลงมา
“คุณหมอพิชิต คุณจะไปแล้วเหรอ?”วารุณีถาม
พิชิตพยักหน้า“ใช่ ดึกมากแล้ว ผมควรกลับไปได้แล้ว”
“เดินทางปลอดภัยค่ะ”วารุณีหัวเราะ
พิชิตพูดขอบคุณ แล้วก็ไป
เดินไปได้สองก้าว ทันใดนั้นเขาก็คิดอะไรขึ้นได้ หยุดลงแล้วพูด:“ใช่สิคุณวารุณี”
“หือ?”วารุณีหันหน้ามองเขา“คุณหมอพิชิตยังมีอะไรอีกหรือเปล่าคะ?”
“ก็ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมแค่อยากบอกคุณว่า คฤหาสน์ของผมกำลังเร่งตกแต่งอยู่ รอเฟอร์นิเจอร์ที่นวิยาชอบย้ายมาแล้ว ผมก็จะมารับนวิยาไปที่นั่น”พิชิตพูดจบ ก็ก้าวเท้าออกไป
วารุณีเลิกคิ้วขึ้น จากนั้นก็ยิ้ม
ก็ถูก ตอนนี้นวิยาเป็นแฟนสาวของเขา เอาแต่พักอยู่บ้านของพี่น้องก็คงไม่ใช่
พอคิดว่าเดี๋ยวนวิยาก็จะย้ายไปแล้ว อารมณ์ขอวารุณีก็ดีขึ้นมา
ตอนที่นัทธีกลับมา เห็นใบหน้าเธอเต็มไปด้วยรอยยิ้ม จึงอดไม่ได้ที่จะถาม“ยิ้มอะไร?”
“คุณทำงานเสร็จแล้วเหรอ?”วารุณีวางคู่มือการออกแบบในมือแล้วถาม
ชายหนุ่มเดินไปที่ข้างเตียงไป ก็ดึงเนกไทตอบไปด้วยว่า:“ก็พอประมาณ”
วารุณีลุกขึ้น ยืนข้างเตียงช่วยเขาถอดเนกไท“บอกตั้งกี่ครั้งแล้วเนี่ย อย่าดึงเนกไทแบบนี้ ต่อหน้าดีไซเนอร์เสื้อผ้า ไม่เคยเปลี่ยนเลยนะทุกครั้ง”
ริมฝีปากบางๆของนัทธียกขึ้น“งั้นทำไมคุณไม่คิดล่ะ ว่าอาจเป็นเพราะผมอยากให้คุณถอดให้ผมน่ะ?”
วารุณีตะลึงก่อน จากนั้นมองบนใส่เขา ขี้เกียจสนใจเขา
นัทธีถอดเสื้อคลุม“คุณยังไม่ตอบผมเลย เมื่อกี๊คุณยิ้มอะไร”
“เปล่า ก็แค่คุณหมอพิชิตเพิ่งส่งคุณนวิยากลับมา แล้วบอกฉันว่าอีกสองสามวันจะมารับคุณนวิยาไปพักที่บ้านเขา”วารุณีก็ไม่ปิดบังเขา ตอบไปตรงๆ
ศัตรูหัวใจจะไปแล้ว
เธอดีใจแน่นอน
นัทธีตอบอือ“ก็ดี ผมจะไปอาบน้ำ”
“ไปเถอะ”วารุณีเอาเสื้อคลุมตัวนอกของเขาแขวนไว้ข้างๆ ตอบอือ
สิบนาทีถัดมา นัทธีอาบน้ำเสร็จเดินออกมา
วารุณีกำลังดูหนังสือออกแบบอยู่
เขาเดินไป หยิบหนังสือออกแบบของเธอออกไป ก้มหน้าลงจะจูบเธอ
ทันใดนั้นวารุณีก็ใช้นิ้วสองนิ้วปิดปากของเขาไว้“คืนนี้ไม่ได้”
“ทำไม?”นัทธีเลิกคิ้ว
วารุณีส่ายหน้า“ไม่รู้ว่าทำไม ในท้องไม่ค่อยสบายเท่าไหร่ ป่องๆระคายเคือง”
พูดไป เธอก็ลูบท้องน้อย
สถานการณ์แบบนี้ เป็นติดกันได้วันหนึ่งแล้ว
“ป่องๆระคายเคืองเหรอ?”นัทธีก้มหน้ามองท้องของวารุณี จากนั้นหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจะโทรศัพท์ออกไป
วารุณีดึงมือของเขา“คุณทำอะไร?”