สีหน้านัทธีหม่นลงไป มองไม่ออกว่ารู้สึกอย่างไร
ผ่านไปสักพัก เหมือนว่าเขาจะคิดอะไรได้ ก็ออกคำสั่งว่า:“คุณไปที่โรงเรียนอนุบาลเดี๋ยวนี้ ไปรับอารัณกับไอริณมา”
“อ๋า?”มารุตตะลึงเล็กน้อย
รับเด็กสองคนมามีประโยชน์อะไร?
ถึงแม้ในใจจะสงสัยมาก แต่มารุตไม่กล้าขัดคำสั่งของนัทธี จึงตอบตกลง
พอเขาไป ปาจรีย์จึงมองไปที่นัทธี“ประธานนัทธี คุณจะให้อารัณมาปลดล็อกอุปกรณ์ติดตามเหรอ”
ตำรวจที่อยู่ข้างๆก็ตะลึง
ถ้าเขาฟังไม่ผิดล่ะก็ อารัณนั่นยังอยู่อนุบาลอยู่เลย
ให้เด็กชั้นอนุบาลมาทำเรื่องแบบนี้ โลกนี้เป็นแฟนตาซี หรือว่าหูมีปัญหา?
นัทธีไม่รู้ว่าในใจตำรวจกำลังคิดอะไรอยู่ พยักหน้าเล็กน้อย“ในเมื่ออุปกรณ์ติดตามเป็นอารัณที่ติดตั้ง งั้นไฟร์วอลล์นั่นก็น่าจะเป็นอารัณที่ทำ ให้อารัณมาเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด”
“คุณพูดก็ถูก”ปาจรีย์ถอนหายใจ
ประมาณครึ่งชั่วโมง เด็กทั้งสองคนก็ตามมารุตเข้ามา
“พ่อคะ เกิดอะไรกับหม่ามี๊ใช่ไหม?”ไอริณร้องไห้วิ่งถลาเข้าสู่นัทธี
นัทธีย่อตัวลงไป อุ้มลูกสาวมาไว้ในอ้อมแขน ลูบผมของลูกสาวเบาๆ“ไม่เป็นไร พ่อจะช่วย หม่ามี๊เอง”
พูดจบ เขาก็มองไปที่อารัณ“อารัณ ลูกรู้เรื่องหรือยัง?”
“รู้แล้ว คุณอามารุตบอกผมแล้ว”หน้าเล็กๆของอารัณพยักหน้าอย่างเย็นชา
นัทธีตกตะลึงแป๊บหนึ่ง
เด็กคนนี้ ไม่ใช่แค่หน้าตาเหมือนเขา แม้แต่การแสดงอาการ ท่าทาง การเคลื่อนไหวบางอย่าง หลายๆครั้งนั้นเหมือนเขามาก
แต่ทำไม ถึงไม่ใช่ลูกแท้ๆของเขานะ
“งั้นก็ดี ลูกติดตามตำแหน่งของหม่ามี๊เลยสิ”นัทธีพูดไป ก็ลุกขึ้นจูงมือของอารัณ เดินไปทางตำรวจคนนั้น
ตำรวจแน่ใจว่าเขาจะให้เด็กคนหนึ่งมาทำอันนี้จริงๆ ก็ตกใจจนอ้าปากค้าง“ประธานนัทธี เด็กนี้จะทำได้เหรอ?”
มารุตก็สงสัยเล็กน้อย
นัทธียังไม่ตอบ ส่วนปาจรีย์ก็ไม่พอใจเล็กน้อย“ใครว่าลูกบุญธรรมของฉันทำไม่ได้ ลูกชายบุญธรรมของฉันเป็นแฮ็กเกอร์ชั้นยอด เขาทำไม่ได้ คุณเหรอ?”
ตำรวจสะอึกไปกับคำพูดนี้ของเธอ สักพักจึงไอออกมาเล็กน้อย“เอ่อ ผมไม่ได้หมายความอย่างนั้น ก็แค่เขายังเป็นเด็ก”
“เด็กไม่จำเป็นต้องอ่อนแอไปกว่าผู้ใหญ่เสมอไป คุณรีบหลีกทางเถอะ”ปาจรีย์พูดไป ก็เข้าไปลากตำรวจออกมา
ตำรวจยังอยากพูดอะไร ปาจรีย์ปิดปากเขาทันที“หุบปาก แล้วดูเงียบๆ”
ตำรวจพูดไม่ออก ตาจ้องมองนัทธีอุ้มอารัณมาที่เขานั่งเมื่อกี๊
จากนั้น แป๊บหนึ่งเขาก็ตกใจเป็นอย่างมาก
เห็นเด็กคนนั้นเอามือวางไว้บนแป้นพิมพ์ หลังจากชินกับแป้นพิมพ์แล้ว ก็กดไปด้วยความเร็ว ความเร็วในการกดลงนั้นไม่ช้าไปกว่าเขาเลย
แน่นอนว่า นี่ไม่ได้สำคัญที่สุด ที่สำคัญก็คือ หน้าจอคอมปรากฏข้อมูลออกมา เป็นรหัสต่างๆจริงๆ
และก็หมายความว่า เด็กคนนี้เป็นแฮ็กเกอร์ชั้นดีจริงๆ
พระเจ้า นี่มันอัจฉริยะปีศาจอะไรกันเนี่ย?
ตำรวจมองอารัณเหมือนกับมองของแปลก
แม้แต่มารุตก็เช่นกัน กลืนน้ำลายลง“ประธาน อารัณเขา……”
ยังไม่ทันพูดจบ เขาก็เห็นใบหน้าของนัทธีไม่มีความตกใจใดๆ จึงหุบปากลงทันที
ดูเหมือนว่า ประธานจะรู้ถึงความสามารถนี้ของอารัณ ดังนั้นตอนนี้จึงไม่แปลกใจเลย ที่ให้เขาพาอารัณมา
สองสามนาทีถัดมา อารัณกดไปที่ปุ่มEnter“พ่อครับ หาตำแหน่งของหม่ามี๊เจอแล้ว”
รูม่านตานัทธีสั่นคลอน จ้องคอมพิวเตอร์เขม็ง ถามด้วยเสียงหดหู่“อยู่ที่ไหน?”
“อยู่ในโกดังร้างแห่งหนึ่งครับ”อารัณพูดไป ก็ซูมภาพดาวเทียม
จากนั้นทุกคนก็เห็นโกดังแห่งหนึ่งอย่างชัดเจน และรอบๆของโกดังนั้น ก็มีคนเฝ้า
ตอนนี้เอง มีคนหนึ่งออกมาจากโกดัง
นัทธีกับมารุตรู้จักคนนี้ทันที
“นั่นไม่ใช่ผู้ช่วยอภิสิทธิ์เหรอ?”มารุตชี้ไปที่คนนั้นแล้วพูด
“นั่นใครน่ะ?”ปาจรีย์ถาม
มารุตมองนัทธีแวบหนึ่ง แล้วถามเขาอีกว่าต้องตอบไหม
นัทธีส่ายหน้า
มารุตยิ้มให้ปาจรีย์“เดี๋ยวค่อยบอกคุณ”
“ห่า!”ปาจรีย์เบะปากอย่างไม่พอใจเล็กน้อย
นัทธีลุกขึ้นมาโดยตรง“อารัณ เอาที่อยู่ส่งไปให้พวกตำรวจ ให้พวกเขาตามไปทันที”
“ครับพ่อ”อารัณพยักหน้าเล็กๆนั้น แล้วนิ้วมือก็เคาะไปที่แป้นพิมพ์อีกครั้ง
นัทธีหันมองไปที่ปาจรีย์“อารัณกับไอริณก็ขอฝากให้คุณดูแลด้วยนะ เดี๋ยวผมให้คนมารับพวกเขากลับไปคฤหาสน์”
“ค่ะ”ปาจรีย์พอจะรู้ว่าเขาจะไปหาวารุณีเองกับตัว จึงจูงมือเล็กๆของไอริณแล้วพยักหน้าตอบรับ
“ไปเถอะ”นัทธีละสายตากลับ พูดกับมารุต จากนั้นก้าวเท้ายาวเดินออกไปจากโรงพัก
บนรถ มารุตขมวดคิ้วแน่น“ประธาน คิดไม่ถึงว่าคนที่จับตัวคุณผู้หญิงไปจะเป็นนิรุตติ์ ไม่ใช่ว่าเขาถูกคุณส่งไปที่ต่างประเทศแล้วเหรอ?กลับมาได้ไงครับ?”
นัทธีหรี่ตาลง ในริมฝีปากบางๆพูดออกมาอย่างเยือกเย็น“ลักลอบเข้าประเทศ!”
มารุตกลับหายใจเข้าอย่างเยือกเย็น“เขาทำได้แม้กระทั่งเรื่องแบบนี้ แต่ว่าทำไมเขาต้องจับตัวคุณผู้หญิง?”
“น่าจะเพราะเรื่องพินัยกรรมถูกเปิดเผยแล้ว”นัทธีบีบฝ่ามือ น้ำเสียงนั้นเย็นชาจนไร้ความรู้สึก
มารุตจึงเข้าใจ
นัทธีบีบคิ้ว หยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหานิรุตติ์
โทรติด อย่างไรก็ตามกลับไม่มีใครรับ
นัทธีไม่ตายใจ ยังคงโทรต่อไป
ในโกดังที่อยู่ในป่าลึกแห่งหนึ่ง นิรุตติ์มองหน้าจอโทรศัพท์ที่เด้งโชว์ชื่อออกมา ในดวงตาที่ไม่สวมแว่นนั้นมีประกายความคมชัดแวบออกมา
“ผู้อำนวยการ ประธานโทรมาครับ”ผู้ช่วยอภิสิทธิ์มองโทรศัพท์ของเขา แล้วพูด
นิรุตติ์ทำเสียงเยือกเย็น“ผมรู้”
“แปลกจัง เวลานี้ ทำไมประธานถึงได้โทรหาคุณ?”ผู้ช่วยอภิสิทธิ์สงสัยอย่างมาก
นิรุตติ์วางสายอีกครั้ง ยกมุมปากขึ้นมาอย่างเยือกเย็น“ง่ายมาก เขารู้แล้วว่าผมพาวารุณีไป”
“ไม่มั้งครับ”ผู้ช่วยอภิสิทธิ์อ้าปากอย่างตกใจ “พวกเราทำกันลึกลับขนาดนี้ เขาจะรู้ได้ไงครับ?”
“ใช่ รู้ได้อย่างไรนะ”นิรุตติ์ก็คิดไม่ออก นิ้วมือนั้นถูไถโทรศัพท์
ทันใดนั้น ผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามา“เจ้านาย ผู้หญิงคนนั้นฟื้นแล้วครับ”
นิรุตติ์เลิกคิ้วขึ้น“ฟื้นไวขนาดนี้ ดูเหมือนว่าตอนนั้นยาที่คุณโปะไปจะไม่แรงพอนะ”
ชายหนุ่มเกาหัว“ผมกังวลว่าโปะยามากไป เธอจะฟื้นอีกสองสามวันครับ ก็เลย……”
“ช่างเถอะ ผมจะไปดู”นิรุตติ์ยืนขึ้นมาจากเก้าอี้ เอาโทรศัพท์ในมือทิ้งไว้ให้ผู้ช่วยอภิสิทธิ์“จัดการซะ อย่าให้นัทธีหาคนมาติดตามสัญญาณโทรศัพท์ของผมได้”
“ครับ”ผู้ช่วยอภิสิทธิ์พยักหน้าตอบ
นิรุตติ์เอามือยัดใส่กระเป๋ากางเกง เดินไปที่ห้องเล็กๆในโกดัง
วารุณีถูกจับมาไว้บนโซฟา ขยับตัวไม่ได้ ที่ปากติดเทปกาว พูดไม่ได้ แม้แต่เสื้อผ้าบนตัวก็ยับยู่ยี่ ผมเผ้ายุ่ง มองดูแล้วอนาถอย่างมาก
แต่เธอไม่สนพวกนี้ เธอนั่งขึ้นมาจากโซฟาเก่าๆอย่างยากลำบาก มองไปรอบๆด้วยสายตาหวาดกลัว พอจะเดาได้ว่าที่นี่คือสถานที่จำพวกโกดัง มากกว่านั้นก็เดาไม่ออกแล้ว
ตอนที่วารุณียังตกใจจนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวนั้นเอง ทันใดนั้นเธอก็ได้ยินเสียงฝีเท้า
วารุณีมองไปทางประตูโดยไม่รู้ตัว แป๊บหนึ่ง ประตูก็เปิดออก ร่างสูงใหญ่ร่างหนึ่งเดินเข้ามา
มองเห็นคนที่มาชัดเจนแล้ว วารุณีก็เบิกตาโตขึ้นมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ“คุณเองเหรอ?”