เมื่อได้ยินคำนี้ ใบหน้าของขงเบ้งก็กระอักกระอ่วน ขมวดคิ้วแล้วตวาดอย่างไม่พอใจว่า“พอแล้ว จะพูดเรื่องพวกนี้กันอีกทำไม”
“ฉันไม่พูดก็ได้ ไหนคุณบอกมาซิเรื่องนิรุตติ์จะทำยังไง ? ”คุณหญิงอัณณ์หยิบทิชชูขึ้นมาแล้วเช็ดน้ำตาก“นิรุตติ์นี่ก็ช่างปะไร ก็รู้อยู่ว่าอำนาจของตัวเองสู้นัทธีไม่ได้ ก็ยังจะไปงัดข้อกับนัทธีอีก ตอนนี้เป็นไง จะกลับบ้านตัวเองก็ยังไม่ได้”
“ก็ไม่ใช่เพราะพินัยกรรมของคุณพ่อหรอกเหรอ!”ขงเบ้งคลึงไปที่ขมับแล้วพูดออกมา
คุณหญิงอัณณ์จ้องเขม็งไปที่เขาอย่างโกรธเคือง“คุณสองคนพ่อลูกก็เอาแต่พูดเรื่องพินัยกรรม ในพินัยกรรมนั่นมันมีอะไรกันถึงได้ให้สองคนพ่อลูกต้องสนใจมันขนาดนี้?”
ขงเบ้งหรี่ตาที่เรียวเล็กลง“ในพินัยกรรม มีของที่จะชี้ชะตาของครอบครัวเราว่าเป็นรึตายได้”
เมื่อได้ยินดังนี้ ใบหน้าของคุณหญิงอัณณ์ก็ซีดเผือด ตกใจจนต้องเอามือปิดปาก“หรือจะเป็นเรื่องนั้น ?”
ขงเบ้งพยักหน้าให้ด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม
คุณหญิงอัณณ์ขบริมฝีปากแน่น “คุณพ่อเก็บของสิ่งนั้นเอาไว้ ทำไมท่านถึงได้ทำอย่างนี้ คุณเป็นลูกชายคนเดียวของท่านนะ”
“ใช่ คุณพ่อช่างไม่ยุติธรรมเอาซะเลย ” ขงเบ้งตอบกลับมาคำหนึ่งด้วยดวงตาที่มืดมน
คุณหญิงอัณณ์มองดูเขา“ที่รัก เราต้องหาพินัยกรรมนั้นให้เจอแล้วทำลายมันทิ้งซะ ไม่งั้นเราจบเห่แน่ ”
“ผมรู้ แต่ตอนนี้ก็ยังไม่ได้มีอะไร พินัยกรรมนั้นอยู่ที่ไหน นัทธีเองก็ยังไม่รู้ พวกเรายังมีโอกาส แต่ตอนนี้เรื่องที่สำคัญและเร่งด่วนที่สุดที่ต้องจัดการก็คือนิรุตติ์ นัทธีมุ่งมั่นที่จะจับตัวนิรุตติ์ให้ได้ จับตัวได้แล้วยังไม่รู้ว่าจะจัดการยังไงกับนิรุตติ์ ดังนั้นเราต้องแก้ปัญหาเรื่องของนิรุตติ์ก่อน ”
“แล้วเราต้องทำยังไงคะ? ”คุณหญิงอัณณ์กำมือแน่น “คุณที่เป็นถึงลุง ยังกล่อมเขาไม่ได้เลย”
“ปัญหาของนิรุตติ์มีวารุณีเป็นตัวต้นเหตุ เราต้องเริ่มกันที่วารุณี เอาอย่างนี้……” ขงเบ้งขยับชิดเข้ามาใกล้ที่หูของภรรยา แล้วพูดบางอย่างกรอกหูภรรยา
คุณหญิงอัณณ์ฟังไปด้วยก็พยักหน้าไปด้วย หลังจากที่ฟังจนจบ ก็ยังคงเป็นกังวลอยู่ไม่น้อย“แบบนี้ก็ได้เหรอ ?”
“ลองดูแล้วกัน”ขงเบ้งทอดถอนหายใจ
คุณหญิงอัณณ์พยักหน้า “ก็คงต้องเป็นแบบนี้แล้วล่ะ”
หลังจากนั้น เธอก็แต่งเนื้อแต่งตัว แล้วออกจากบ้านไป
“คุณผู้หญิง”ป้าส้มเคาะประตูแล้วเดินเข้ามาในห้อง พูดกับหญิงสาวที่นอนเอนกายอยู่ตรงเก้าอี้ระเบียงว่า “คุณนายใหญ่มาค่ะ”
“คุณนายใหญ่?”วารุณีวางหนังสือในมือลง “คุณนายใหญ่ที่ไหน ?”
“คุณป้าใหญ่ของคุณผู้ชายไงคะ ”
“คุณหญิงอัณณ์น่ะเหรอ?”วารุณีลุกขึ้นนั่งในทันที ในหัวสมองมีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยปรากฏขึ้น
ป้าส้มพยักหน้าให้ “ใช่ค่ะ ”
“เธอมาที่นี่ทำไมกัน?”วารุณีขมวดคิ้ว ในใจรู้สึกไม่ชอบใจในตัวคุณหญิงอัณณ์
เพราะการเจอกันในครั้งแรก คุณหญิงอัณณ์ไม่ได้ดูจะเป็นมิตรกับเธอสักเท่าไร และยังพูดว่าเธอยั่วยวนนิรุตติ์กับนัทธีด้วย ช่างน่าขำจริงๆ
“อันนี้ป้าก็ไม่รู้ค่ะ บอกเพียงว่ามาขอพบคุณผู้หญิงค่ะ ”ป้าส้มส่ายหน้าให้
วารุณีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วปิดหนังสือในมือลง “ได้ค่ะ หนูจะลงไปพบเธอ”
ไม่ว่ายังไง อีกฝ่ายก็เป็นคุณป้าใหญ่ของนัทธี มาหาถึงบ้านขนาดนี้ เธอไม่ลงไปพบก็คงจะไม่เหมาะ
“ไปกันค่ะ”วารุณีลุกขึ้นยืน จัดแจงเสื้อผ้าที่สวมใส่ แล้วเดินออกจากห้องพร้อมกับป้าส้ม
เมื่อลงมาถึงที่ชั้นล่าง วารุณีก็เห็นคุณหญิงอัณณ์ที่กำลังนั่งจิบน้ำชาอยู่ที่ตรงโซฟา
เมื่อคุณหญิงอัณณ์ได้ยินเสียง ก็หันมามอง รีบวางแก้วน้ำชาที่ถือในมือลง ลุกขึ้นแล้วยกยิ้มให้“โอ้ ไหนที่สุดหนูก็ลงมาซะที ”
เมื่อเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอ วารุณีก็ต้องตกใจ จนมุมปากกระตุก
เคยเห็นแต่คุณหญิงอัณณ์ที่เย่อหยิ่งและไม่เห็นใครอยู่ในสายตา ตอนนี้เห็นเธออัธยาศัยดีแบบนี้ วารุณีก็แทบจะปรับตัวรับมันไม่ทัน
“คุณหญิงอัณณ์”วารุณีพยักหน้าให้คุณหญิงอัณณ์ด้วยท่าทีที่เรียบเฉย
ท่าทีของคุณหญิงอัณณ์ก็ชะงักไปชั่วครู่ จากนั้นก็หัวเราะออกมา“เฮ้ เรียกคุณหญิงอัณณ์อะไรกันล่ะ เธอต้องเรียกฉันว่าคุณป้าใหญ่ซิ ”
“คุณป้าใหญ่”วารุณีก็เปลี่ยนคำเรียกขานนั้นทันที
“เรียกแบบนี้ถึงจะถูก”คุณหญิงอัณณ์ยกยิ้มให้แล้วจับไปที่มือของวารุณีอย่างสนิทชิดเชื้อ
หางตาของวารุณีกระตุก อยากจะดึงมือกลับ แต่สุดท้ายก็ทำได้เพียงแค่คิด ถูกคุณหญิงอัณณ์จับมือแล้วพามานั่งลงตรงโซฟาด้านหน้า
“วารุณี ขอเรียกเธอแบบนี้ได้ไหม? ”คุณหญิงอัณณ์ถามแล้วยิ้มหวานส่งมาให้
วารุณีที่ได้ฟังคำเรียกขานนี้ก็ถึงกับขนลุกซู่ขึ้นมาทันที ฝืนยิ้มออกมาแล้วพูดว่า“เอาตามที่คุณป้าใหญ่สบายใจได้เลยค่ะ ”
“ดี งั้นฉันเรียกเธอว่าวารุณีนะ ”คุณหญิงอัณณ์ตีไปที่หลังมือเธอเบาๆ “วารุณี ไม่คิดจริงๆ ว่าเราจะมาเป็นครอบครัวเดียวกันได้”
“ใช่ค่ะ”วารุณีพยักหน้าให้
ครั้งล่าสุดที่เจอกัน คุณหญิงอัณณ์ยังกล่าวหาว่าเธอมายั่วยวนนิรุตติ์ แล้วยังเอาเงินพาดหัวเธอทำให้เธอต้องอับอายด้วย
ในตอนนั้น เธอเองก็ไม่เคยคิด ว่าตัวเองจะแต่งเข้ามาแล้วเป็นครอบครัวเดียวกับตระกูลไชยรัตน์
“นี่ไงที่เขาเรียกว่าโชคชะตา”คุณหญิงอัณณ์พูดแล้วยิ้มออกมา
วารุณีดึงมือกลับโดยไม่ให้อีกฝ่ายได้รู้สึกตัว “วันนี้คุณป้าใหญ่มาที่นี่ได้ยังไงคะ ? หรือว่ามีธุระอะไรหรือเปล่า ?”
เธอกับนัทธีแต่งงานกันมาก็เกือบจะสองเดือนแล้ว คนนอกอาจไม่รู้ว่าเธอคือภรรยาของนัทธี แต่ตระกูลไชยรัตน์อย่างครอบครัวขงเบ้งไม่มีทางที่จะไม่รู้แน่
แต่ครอบครัวของขงเบ้งก็ไม่เคยมาเยี่ยมเยือน และไม่เคยส่งของกำนัลอะไรมาให้เลย ราวกับไม่รู้ว่าเธอแต่งงานกับนัทธียังไงอย่างนั้น แต่จู่ๆตอนนี้ก็กลับมาหาถึงบ้าน คงไม่ใช่เรื่องดีอะไรแน่
เมื่อคิดได้ดังนั้น ดวงตาของวารุณีก็หรี่ลง และระแวดระวังตัวขึ้นมาทันที
คุณหญิงอัณณ์ยกถ้วยน้ำชาเมื่อครู่ขึ้นจิบ “คืออย่างนี้ วารุณี ที่ฉันมาที่นี่มีเรื่องที่อยากจะไหว้วานสักหน่อย ”
“หืม?”วารุณีเลิกคิ้วขึ้น
ตั้งใจมาหาเธอจริงๆด้วย
“มีอะไรเหรอคะคุณป้าใหญ่”วารุณีมองไปยังคุณหญิงอัณณ์แล้วเอ่ยถามออกไป
“คืออย่างนี้วารุณี นัทธีกำลังตามจับนิรุตติ์อยู่ไม่ใช่เหรอ ? คุยกับนัทธีให้หน่อย เขาให้ปล่อยวางเรื่องนี้ได้ไหม ? ”คุณหญิงอัณณ์พูดด้วยอาการประหม่าเล็กน้อย
สีหน้าของวารุณีก็แน่นิ่งไป “คุณป้าใหญ่อยากให้นัทธีล้มเลิกการตามจับตัวนิรุตติ์เหรอคะ?”
“ใช่”คุณหญิงอัณณ์พยักหน้าให้“วารุณี ตอนนี้เธอก็เป็นสะใภ้ของตระกูลไชยรัตน์ เป็นพี่น้องกับนิรุตติ์ เธอจะตอบตกลงใช่ไหม?”
เธอมองไปที่วารุณี
ดวงตาของวารุณีแน่นิ่งจ้องมองสบตากับเธอ “ขอโทษด้วยค่ะคุณป้าใหญ่เรื่องนี้ฉันเกรงว่าจะตอบตกลงไม่ได้ค่ะ”
ใบหน้าของคุณหญิงอัณณ์ก็มืดมนขึ้นมาทันที เสียงแหลมสูงปรี๊ด “ไม่ตกลง?”
“ใช่ค่ะ”วารุณีขยับตัวไปด้านข้าง เว้นระยะห่างออกจากเธอ “หนูไม่รู้ว่าคุณหญิงอัณณ์รู้สาเหตุที่สามีของหนูตามล่าหาตัวของนิรุตติ์หรือเปล่า แต่ยังไงหนูก็จะบอกคุณให้ได้รับทราบแล้วกันนะคะเป็นเพราะเขาลักพาตัวหนู”
“แต่ตอนนี้เธอก็ไม่ได้เป็นอะไรนี่?”คุณหญิงอัณณ์พูดด้วยใบหน้าที่แน่นิ่ง
วารุณีแทบจะหัวเราะออกมากับตรรกะป่วยๆนี่ของเธอ “ตอนนี้ที่หนูไม่ได้เป็นอะไร เพราะสามีหนูมาช่วยชีวิตหนูเอาไว้ได้ แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าเรื่องนี้จะไม่เคยเกิดขึ้น คุณเข้าใจไหมคะ ? คุณป้าใหญ่”
อาการของคุณหญิงอัณณ์แปรปรวนไปมา“ต่อให้เธอจะเคยถูกลักพาตัวมาก่อน แต่ตอนนี้เธอก็ไม่ได้เป็นอะไรนี่นา แล้วทำไมถึงต้องอาฆาตพยาบาทให้อภัยความผิดของอีกฝ่ายไม่ได้เหรอ ปล่อยนิรุตติ์ไปสักครั้งได้ไหม ?”
อาฆาตพยาบาทให้อภัยอีกฝ่าย ?
วารุณีอยากจะหัวเราะออกมาจริงๆ
“คุณหญิงอัณณ์”เธอเปลี่ยนสรรพนามที่เรียกขาน “อภัยให้หนูด้วยที่ไม่มีคุณธรรมอะไรขนาดนั้น ทำไมหนูต้องปล่อยคนที่คิดจะทำร้ายหนูไปด้วย คุณหญิงอัณณ์เอาเรื่องนี้มาเยินยอหนู งั้นหนูก็ขอถามกลับ หากมีคนมาทำแบบนี้กับคุณ คุณจะไม่ถือสาแล้วปล่อยเขาไปได้ไหมคะ?”
คุณหญิงอัณณ์ถูกถามกลับมาจนอึ้งไป หน้าเสียจนแทบดูไม่ได้ รู้สึกเหมือนวารุณีกำลังจงใจทำเธอลำบากใจ น้ำเสียงก็ฟังดูแย่ลงง“หมายความว่ายังไงเธอก็ไม่ตอบตกลงใช่ไหม ?”
“ใช่ค่ะ”วารุณีพยักหน้าให้
คุณหญิงอัณณ์ผ่อนลมหายใจออกมา“ ไม่คิดว่าเธอจะใจแคบแบบนี้ ไม่รู้ว่านัทธีไปชอบเธอได้ยังไง ถึงขั้นตบแต่งพาเข้าบ้านได้ ”
“งั้นคุณคงต้องไปถามนัทธีเองแล้ว ไม่เพียงถามเรื่องนี้เท่านั้น แต่ถามเรื่องปล่อยตัวนิรุตติ์ด้วย คุณเองก็น่าจะไปพูดเกลี้ยกล่อมนัทธี เพราะนัทธีเป็นคนตามล่าหาตัวนิรุตติ์ ไม่ใช่ฉัน เพราะฉะนั้นคุณหญิงอัณณ์มาหาฉันมันไม่มีประโยชน์อะไรเลย ”วารุณียกแก้วน้ำขึ้น แล้วจิบมันไปเบาๆ
คุณหญิงอัณณ์จ้องมองไปที่เธออย่างไม่พอใจ“แต่เธอเป็นภรรยาของนัทธี เธอไปเกลี้ยกล่อมเขา ยังไงเขาก็ต้องฟัง”
“ต้องขอโทษคุณหญิงอัณณ์ด้วยฉันไม่มีหน้าที่นั้น”วารุณีพูดออกมาอย่างไม่ไหวติง
คุณหญิงอัณณ์โกรธจนหน้าอกกระเพื่อมไหว“เธอไม่ทำจริงๆใช่ไหม ?”