“เสร็จแล้ว กลับกันเถอะ” นัทธีอุ้มอารัณแล้วเดินไปหาวารุณี
วารุณีมองดูเขา ริมฝีปากขยับเคลื่อนไหว ราวกับอยากจะพูดอะไร แต่สุดท้ายก็ปิดปากเงียบ แล้วพยักหน้าให้
ระหว่างทางกลับบ้าน วารุณีไม่ได้พูดอะไรเลย เอาแต่ก้มหน้าแล้วครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
เธอกำลังคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในห้องทำงานเมื่อครู่๔่ และคำพูดของนัทธี
คำพูดเหล่านั้น ทำเธอตกใจมากจริงๆ
เธอไม่เคยคิดมาก่อน ในขณะที่ชายหนุ่มยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเด็กทั้งสองคนเป็นลูกแท้ๆของเขา เขาก็พูดว่าจะยกบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ปให้กับอารัณ
และเธอก็รู้ดี ว่าเขาจริงจังกับคำพูดพวกนั้น
เขาก็ช่างเชื่อใจพวกเธอแม่ลูกกันจริงๆ ไม่กลัวว่าพวกเธอแม่ลูกจะเปลี่ยนหรือโยกย้ายอะไรในบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ป จากนั้นก็ถีบหัวส่งเขาเลยหรือไง ?
สายตาของนัทธีจ้องมองไปที่วารุณี ราวกับรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ หัวเราะออกมาเบาๆ“ อย่าคิดมากเลยอารัณยังเด็ก”
วารุณีเงยหน้าขึ้นมองเขา“ คุณทำแบบนี้ มันสิ้นคิดเกินไป !”
“ผมไม่ได้รู้สึกแบบนั้น อารัณเป็นเด็กฉลาด เขามีความสามารถมากพอที่จะรับช่วงต่อบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ปได้ และยังสามารถพัฒนาบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ปให้ไปได้อีกไกล แล้วทำไมผมจะคิดแบบนั้นไม่ได้” นัทธีกล่าวขณะที่ขับรถไปด้วย
วารุณีคลึงไปที่หว่างคิ้ว“พูดมันก็พูดได้ แต่คุณไม่กลัวว่า……”
“แล้วพวกคุณเป็นคนแบบนั้นกันเหรอ ?”นัทธีพูดขัดเธอขึ้นมา
วารุณีอ้าปากค้าง แล้วยิ้มออกมา“ไม่ใช่แน่นอน ฉันไม่ใช่คนแบบนั้น แต่อารัณ ฉันจะคอยอบรมสั่งสอนเขา จะไม่ปล่อยให้เขาต้องกลายเป็นคนแบบนั้นแน่นอน ”
“ก็แค่นั้น” นัทธีเงยหน้าขึ้น แล้วมองไปที่กระจกมองหลังแวบหนึ่ง
เด็กทั้งสองอิงแอบกัน นอนพิงอยู่ตรงเบาะนั่งอย่างเงียบสนิท
เมื่อเห็นภาพๆนี้ ดวงตาของเขาก็อ่อนโยนลงมาเล็กน้อย
เมื่อวารุณีเห็น ก็หัวเราะออกมา “ใกล้จะถึงวันเกิดคุณแล้ว ของขวัญของคุณก็เตรียมพร้อมเอาไว้ให้คุณแล้วด้วยเหมือนกัน”
“เหรอ ผมตั้งตารอเลยล่ะ ” นัทธีละสายตาออก แล้วมองไปยังถนนเบื้องหน้า
“ไม่ทำให้คุณผิดหวังแน่นอน”วารุณีขยับยืดตัวไปมา
กลับมาถึงที่คฤหาสน์ ก็ราวๆทุ่มหนึ่งได้
นัทธีจอดรถเสร็จเรียบร้อย วารุณีก็จึงปลุกเด็กๆให้ตื่น จากนั้นทั้งสี่คนก็พากันเดินจูงมือเข้าไปในคฤหาสน์
เมื่อเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่น จู่ๆก็มีร่างร่างหนึ่งวิ่งเข้ามา แล้วหยุดลงตรงหน้าของนัทธี ดวงตาที่แดงก่ำมองมาที่เขา “นัทธี……”
“เป็นอะไร?”เห็นนวิยาที่เหมือนกับผ่านการร้องไห้มา นัทธีก็ต้องขมวดคิ้ว แล้วถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่เป็นกังวล
นวิยาสะอื้นแล้วสูดจมูก จากนั้นก็หันมองไปที่วารุณี เพื่อชี้ให้เห็นว่าที่เธอร้องไห้นั้นวารุณีมีส่วนเกี่ยวข้อง
วารุณีกลอกตามองบนให้ในใจ
เธอพอจะเดาได้ คงเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อตอนบ่ายแน่ๆ
ช่างสมกับเป็นนวิยาจริงๆ ร้องไห้ตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงตอนนี้ แล้ววิ่งมาฟ้องนัทธี
“นัทธี ดูเหมือนคุณนวิยามีเรื่องจะคุยกับคุณ ฉันจะพาเด็กๆขึ้นไปชั้นบนก่อนนะคะ”
พูดจบ เธอก็จูงมือของเด็กทั้งสองคนขึ้นไปยังชั้นบน
หลังจากที่นัทธีมองดูสามคนแม่ลูกขึ้นชั้นบนจนลับตาไป จึงได้หันกลับมามองที่นวิยา “พูดมา มีเรื่องอะไร?”
“อันที่จริงแล้วมันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณวารุณีเธอ มันเป็นเรื่องของฉัน นัทธีค่ะ คุณว่าฉันผิดจริงๆเหรอ ? ”นวิยาขบริมฝีปากแน่น “ตอนบ่ายคุณนายใหญ่ท่านมาที่บ้าน มาหาคุณวารุณี เพื่อให้คุณวารุณีช่วยท่าน ให้คุณปล่อยวางเรื่องของพี่นิรุตติ์ คุณวารุณีเธอไม่ตอบตกลง แล้วฉันก็……”
นัทธีหรี่ตาลง “เธอทำไม ?”
“แล้วฉันก็ตอบตกลงแทนคุณวารุณีเธอไป เพราะเรื่องนี้คุณวารุณีกับป้าส้มเลยตำหนิฉัน”นวิยาก้มหน้าลง แล้วสะอื้นเบาๆออกมา“ฉันก็แค่อยากจะช่วยคุณวารุณี แต่คุณวารุณีเธอกลับ……”
คำพูดประโยคถัดไป เธอไม่ได้พูดมันต่อ ทิ้งไว้ให้นัทธีได้คิด
และเธอก็ร้องไห้ออกมาอย่างเศร้าเสียใจ
เดิมทีคิดว่าเธอร้องไห้สะอื้นขนาดนี้ นัทธีจะพูดปลอบเธอ แต่นัทธีกลับเม้มริมฝีปากแล้วยืนอยู่กับที่ ราวกับไม่คิดที่จะเข้ามาปลอบเธอ แต่กลับพูดอย่างเย็นชาว่า“ คุณทำไม่ถูกจริงๆ !”
“นี่?”เสียงสะอื้นของนวิยาเงียบไป มองไปที่ชายหนุ่มอย่างไม่อยากจะเชื่อ“ทำไม่ถูก ? นัทธีคุณก็คิดว่าฉันผิดเหรอคะ ?”
“นวิยา เมื่อสิบปีก่อนตอนที่คุณยังไม่ประสบอุบัติเหตุ คุณก็รู้แล้วว่าผมมีเรื่องขัดแย้งกับครอบครัวขงเบ้ง แต่ตอนนี้นิรุตติ์กลับมาลักพาตัววารุณี ผมตามล่าหาตัวเขามันผิดตรงไหน วารุณีไม่ตอบตกลงคุณป้าใหญ่มันผิดยังไง แล้วตัวคุณเองไปตอบรับแทนทำไม ?”
“ฉัน……ฉันแค่รู้สึกว่า ยังไงพวกเขาก็เป็นญาติของคุณ งัดข้อกันไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร และการที่ตกปากรับคำแทนคุณวารุณี ก็ทำเพื่อคุณวารุณีทั้งนั้น ฉันกลัวว่าเธอจะทำให้คุณนายใหญ่ไม่พอใจ” นวิยาพูดด้วยใบหน้าที่รู้สึกผิด
ใบหน้าที่หล่อเหลาของนัทธีแน่นิ่ง“ผมกับครอบครัวของขงเบ้งเราแตกหักกันไปแล้วเมื่อห้าปีที่ก่อน จะขัดแย้งกันรุนแรงแค่ไหนแล้วยังไง ? อีกอย่างผมเป็นผู้นำของตระกูลไชยรัตน์ ใครกล้ามาหาเรื่องเธอ ?”
“แต่ว่า……”
“พอได้แล้ว!”นัทธีพูดตัดบทเธอขึ้นมาอย่างเอือมระอา “ไม่ว่ายังไง ผมไม่ล้มเลิกการตามล่าตัวของนิรุตติ์แน่ นั้นเป็นผลกรรมที่เขาควรได้รับ เพราะฉะนั้นคุณไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว ทางฝั่งของคุณป้าใหญ่คุณก็ไม่ต้องไปสนใจอะไร ผมจะไปปฏิเสธเขาเอง”
ทันทีที่เขาพูดจบก็เดินผ่านหน้านวิยาไป
นวิยายังยืนอยู่กับที่ สองมือกำแน่น กับความล้มเหลวในครั้งนี้ ในใจก็รู้สึกไม่พอใจมันเป็นอย่างมาก
เดิมทีเธอวางแผนเอาไว้ ว่าจะผูกมิตรกับคุณหญิงอัณณ์ ช่วยคุณหญิงอัณณ์พูดเกลี้ยกล่อมนัทธี หากเป็นไปตามแผน คุณหญิงอัณณ์ก็จะเป็นหนี้บุญคุณเธอ จากนั้นเธอก็สามารถหลอกใช้คุณหญิงอัณณ์เพื่อจัดการกับวารุณี
ถึงแม้วารุณีจะไม่มีแม่สามี แต่มีคุณป้าใหญ่ที่ไร้เหตุผลก็สามารถปั่นหัววารุณีได้ หากเป็นแบบนี้ วารุณีก็จะทนรับสภาพเครือญาติของตระกูลไชยรัตน์ไม่ได้ หรือก็อาจจะมีเรื่องระหองระแหงกับนัทธี เพราะการที่ต้องมาอยู่ท่ามกลางระหว่างเครือญาติกับภรรยานั้นเป็นเรื่องที่น่าปวดหัวสำหรับผู้ชาย
แต่เธอก็ก้าวพลาดไป นั่นก็คือระหว่างนัทธีกับครอบครัวคุณหญิงอัณณ์นั้นแตกหักกันไปนานแล้ว !
เพราะก่อนที่เธอจะประสบอุบัติเหตุ แม้ว่านัทธีกับครอบครัวของขงเบ้งจะขัดแย้งกันบ้าง แต่ก็ไม่ถึงขั้นแตกหัก แล้วตอนนี้ทำไมจู่ๆถึงแตกหักกันไปได้ ?
เมื่อห้าปีที่แล้วเกิดอะไรขึ้นกับนัทธีและครอบครัวของขงเบ้งกัน ?
นวิยาเม้มริมฝีปากแน่น ดูท่าคงต้องให้คนไปสืบเรื่องนี้ซะแล้ว
คิดได้ดังนั้น เธอก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา กดโทรออกไปหาหมายเลขหนึ่ง“ฮัลโหล คุณปู่ หนูอยากให้คุณปู่ช่วยสืบเรื่องอะไรให้หน่อย”
ทางฝั่งของชั้นบน นัทธีเปิดประตูห้องแล้วเดินเข้าไป วารุณีกำลังยืนรับลมอยู่ตรงระเบียง
เขาเดินเข้าไปหา แล้วสวมกอดไปที่เอวบางของเธอ รวบผมเธอไปไว้ด้านข้าง กดจูบ แล้วสูดดมไปที่ลำคอ
วารุณีรู้สึกจักจี้กับการกระทำของเขา หดคอขยับไปมาอย่างช่วยไม่ได้“คุยกับคุณนวิยาเสร็จแล้ว ?”
“อืม” นัทธีขบไปที่ลำคอของวารุณีเบาๆ ทิ้งร่องรอยแดงๆเอาไว้แล้วจึงปล่อยออกอย่างพึงพอใจ“นวิยาเธอทำไม่ถูก เธอคิดว่าผมกับครอบครัวของขงเบ้งยังมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ก็จึง……”
“พอแล้ว ไม่คุยเรื่องนี้กันแล้ว”วารุณีพูดขัดเขาขึ้นมา หันหลังกลับ แล้วยกแขนโอบไปที่ลำคอของชายหนุ่ม“ คุยเรื่องอื่นกันเถอะ ”
เธอไม่อยากคุยเรื่องของนวิยา
“เรื่องอะไร?”นัทธีจ้องมองไปยังใบหน้าที่สดใสสวยงามของเธอ
วารุณีหัวเราะออกมา “อะไรก็ได้ คุณอยากจะคุยอะไรก็ว่ามา”
“ผมไม่อยากคุย แต่อยากทำมากกว่า” นัทธีพูดด้วยสายตามีเลศนัย
วารุณีถึงกับต้องอึ้งไป ใบหน้าก็เห่อร้อนขึ้นมา มือที่โอบกอดตรงลำคอก็คลายออก เตรียมที่จะชิ่งหนี
นัทธีราวกับรู้เหตุการณ์ล่วงหน้า คว้าตัวเธอแล้วดึงเข้ามาในอ้อมกอด กดร่างเธอแนบไปกับราวของระเบียง ก้มหน้าลงแล้วจูบเธอ
นวิยาที่อยู่ภายในสวนหย่อมบริเวณชั้นล่างของบ้านก็ได้ยินเสียงเคลื่อนไหวของอะไรบางอย่าง จึงเงยหน้าขึ้นมอง
เห็นฉากที่ทั้งสองคนกำลังจูบกันอยู่ที่ตรงระเบียงพอดี ใบหน้าที่อิจฉาก็บูดบึ้งขึ้นมาทันที
เมื่อครู่เธอเพิ่งจะทราบเรื่องจากปู่ สาเหตุที่นัทธีกับครอบครัวของขงเบ้งต้องแตกหัก เป็นเพราะนิรุตติ์วางยานัทธี
และผู้หญิงที่มีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับนัทธีในคืนนั้น ก็คือวารุณี!
เธอสงสัยมาโดยตลอด ว่าทั้งสองคนไปมีสัมพันธ์กันตั้งแต่ตอนไหนจนมีลูกได้ ที่แท้ก็เป็นคืนนั้นนั่งเอง !