วารุณีส่ายหัว ตาค้างไว้มองเขาไม่ห่าง “ยังไงฉันก็ไม่เชื่อ ก็เหมือนที่คุณไม่เชื่อฉันอย่างนั้น ฉันบอกว่าแม่ฉันไม่มีทางไปชนพ่อแม่ของคุณ คุณเชื่อฉันหรือยัง”
เมื่อนัทธีได้ยินคำพูดนี้ดวงตาก็มืดมนลงมา ลุกขึ้นมาจากตัวเธอ “นี่มันไม่เหมือนกัน ผมมีหลักฐาน ผมเห็นกับตา”
วารุณีลุกขึ้นมานั่ง “ในเมื่อเป็นอย่างนี้แล้ว คุณก็เอาหลักฐานมาให้ฉันดูหน่อยสิ”
“ไม่ได้” นัทธีปฏิเสธทันทีเลย
วารุณียิ้มออกมา “ที่คุณไม่ให้ฉัน ก็แสดงว่าหลักฐานนั้นเป็นของปลอม หรือคุณไม่มีหลักฐานใช่หรือเปล่า”
“คุณคิดอย่างนี้จริงๆ เหรอ” นัทธีจ้องมองเธอ
วารุณีสบตาเขาอย่างสงบ “จะให้ฉันไม่คิดแบบนี้ก็ได้ งั้นคุณก็เอาให้ฉันดูและทำให้ฉันเชื่อสิ”
นัทธีเม้มปากไว้ไม่พูดอะไรสักอย่าง
ที่เขาไม่อยากให้เธอดู เพราะไม่อยากให้เธอเห็นท่าทางของคุณแม่ที่สมบูรณ์แบบในใจเธอชนคนอื่นด้วยตาตัวเอง
แต่เธอยืนกรานอย่างนี้…
“ได้ พรุ่งนี้ไปบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ป ผมจะเอาให้คุณดู” นัทธีพูดเสียงต่ำ
ในใจของวารุณีสั่นไหวทีหนึ่ง
มีหลักฐานจริงเหรอ
“ทำไม ไม่พูดต่อแล้วเหรอ” นัทธีหรี่ตา
วารุณีเม้มปากแดง “ได้ ไปก็ไปสิ”
แม้เขาจะพูดเป็นครั้งๆ ว่าเขามีหลักฐาน แม้วันที่เก้าเดือนตุลาคมของทุกปีคุณแม่มักจะผิดปกติก็ตาม
เธอก็จะไม่เชื่อว่าแม่ไปชนโดนคนจริงๆ เด็ดขาด
อีกอย่าง ถึงแม้บริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ปเมื่อสิบแปดปีที่แล้วจะไม่ได้ยิ่งใหญ่อย่างวันนี้ แต่ก็ถือเป็นหนึ่งในสิบของธุรกิจจังหวัดจันทร์
ตระกูลศรีสุขคําในตอนนั้นเพิ่งจะรวยขึ้นได้ไม่นาน บริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ปอยากจะทำให้ตระกูลศรีสุขคําล่มจมง่ายดายอย่างกับบีบมดตัวหนึ่งตาย
เช่นกัน ตระกูลไชยรัตน์อยากหาคนร้ายที่ชนพ่อแม่ของนัทธีจนตายก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรเหมือนกัน ถ้าเป็นแม่ของเธอจริงๆ ทำไมตอนนั้นไม่จับแม่ไป แต่คุณท่านบรรพตกลับยังรับแม่เป็นลูกสาวบุญธรรมอีกล่ะ
ดังนั้นในนี้ต้องมีอะไรที่ทั้งเธอกับนัทธีไม่รู้แน่นอน
ขณะที่คิดอยู่ วารุณีหายใจเข้าลึกๆ พร้อมกับลุกขึ้น
ตอนที่ลุกขึ้นมา เธอทำซองเอกสารที่อยู่บนเตียงตกลงไปที่พื้นโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ
ปากซองเอกสารไม่ได้ปิดไว้ ของหล่นออกมาทันที
นัทธีก้มหน้าลงไปดูโดยสัญชาตญาณ เห็นคำว่าใบสำคัญการหย่า รูม่านตาหดเข้าและเปลี่ยนสีหน้าทันที อากาศรอบตัวก็กลายเป็นน่าหวาดเสียวโดยพลัน
เขาก้มลงไปเก็บใบสำคัญการหย่าที่อยู่บนพื้นขึ้นมา ถือขึ้นมาตรงหน้าวารุณี “คุณอยากหย่ากันเหรอ”
วารุณีก็คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าเขาจะเห็นในเวลานี้ กะพริบตาไปมาและไม่ได้ปฏิเสธ “ใช่”
ถึงอย่างไรตอนนี้ไม่ยอมรับ วันหลังเธอก็อาจจะเอาใบสำคัญการหย่าให้เขาเซ็นชื่อด้วยตัวเธอเองก็เป็นไปได้
นัทธีกำใบสำคัญการหย่าในมือแน่นขึ้นทันที “ใครทำให้คุณกล้าที่จะหย่ากัน”
ถึงแม้เขาจะโมโหจากวรยาและพาลใส่เธอ แต่ก็ไม่เคยคิดจะหย่ากับเธอเลย
แต่เธอกลับคิดแล้ว แม้กระทั่งใบสำคัญการหย่าก็ทำออกมาแล้ว เธอนี่ดีมากเลยจริงๆ!
วารุณีกัดริมฝีปากและยิ้มอย่างขมขื่น “ใครทำให้ฉัน ประธานนัทธีถามประโยคนี้ได้ดีมาก ก็ประธานนัทธีไงที่ทำให้ฉันไม่ใช่เหรอ”
นัทธีหรี่ตาลง “ผมเหรอ”
“ใช่ คุณ!” วารุณีมองเขา “นัทธี คุณถามตัวเองดูสิว่าตอนนี้คุณปฏิบัติตัวกับฉันยังไง ทั้งใจคุณคิดแต่ว่าฉันเป็นลูกสาวของศัตรู เพราะฉะนั้นคุณปฏิบัติกับฉันอย่างเย็นชา คุณเมินฉัน แต่เราเป็นสามีภรรยากันนะ คุณทำกับฉันแบบนี้ คือสิ่งที่สามีคนหนึ่งควรทำเหรอ คุณทำให้ฉันรู้สึกว่าเหมือนฉันไม่มีสามีเลย”
“…” ฝีปากบางของนัทธีขยับ อยากจะพูดอะไร แต่ก็ไม่ได้พูดออกมา
วารุณีหายใจเข้าคำหนึ่งและพูดต่อว่า: “นัทธี ช่วงเวลานี้ฉันอยู่อย่างทรมานมาก ทรมานจนไม่มีความหลงใหลแม้กระทั่งในเรื่องงานแล้ว ปาจรีย์ยังบอกเลยว่าฉันเปลี่ยนเป็นอีกคนหนึ่งไปแล้ว ไม่ใช่วารุณีที่ทั้งใจอยากจะเป็นนักออกแบบชั้นนำคนนั้นแล้ว”
เพราะความรัก เธอกลายเป็นไม่กล้าทำอะไรเลย
เพราะความรัก เธอเกือบจะทรุดลงอย่างไม่มีวันฟื้นขึ้นมาได้
นี่ไม่ใช่ชีวิตที่เธออยากได้
“ดังนั้นนัทธี ฉันคิดว่าเราสองคนเลิกกันเถอะ เพราะแม่ฉัน ใในใจคุณมีอคติ คุณไม่สามารถใช้ชีวิตกับฉันอย่างมีความสุขเหมือนเมื่อก่อน ฉันก็เข้าใจคุณเหมือนกัน แต่เข้าใจไม่ได้หมายถึงอดทนได้”
วารุณีมองเขาด้วยดวงตาเปียกชื้น “เพราะฉะนั้น เราเลิกกันเถอะได้ไหม เพื่อคุณ เพื่อฉัน และเพื่อลูกสองคนด้วย”
นัทธีฟังคำพูดสะอึกสะอื้นของเธอ หัวใจเจ็บช้ำ ลำคอก็รู้สึกมีอะไรติดอยู่เหมือนกัน ยังคงเป็นประโยคนั้นเหมือนเดิม “ไม่มีทาง ผมจะไม่หย่ากันเด็ดขาด”
วารุณียิ้มแห้ง “คุณทำแบบนี้เพื่ออะไร บังคับให้ลูกสาวศัตรูไว้ข้างกาย ทรมานตัวเองและทรมานฉันด้วย”
นัทธีกำหมัดไว้ไม่ได้พูดอะไร
“เฮ้อ…” วารุณีถอนหายใจออกคำหนึ่ง เอาซองเอกสารที่อยู่ในมือเขามา “จริงๆ แล้วสิ่งที่อยู่ในนี้ไม่เพียงมีแค่ใบสำคัญการหย่าอย่างเดียว และยังมีผลตรวจดีเอ็นเอของคุณกับลูกสองคนด้วย”
ผลตรวจดีเอ็นเอ?
นัทธีหรี่ตา
วารุณีหยิบผลตรวจดีเอ็นเอที่อยู่ด้านหลังใบสำคัญการหย่าออกมา “วันนั้นที่ปาจรีย์มาหาคุณ ดึงเส้นผมจากหัวคุณลงมา เพื่อที่จะให้ฉันไปทำการตรวจดีเอ็นเอ”
เป็นแบบนี้นี่เอง
นัทธีเม้มปากบางไว้แน่น
เขาก็รู้สึกแปลกเหมือนกัน ปาจรีย์ผู้หญิงคนนั้น ทุกครั้งที่เห็นเขากลัวอย่างกับหนูเจอแมว แต่วันนั้นกลับกล้าดึงผมของเขาลงมา
ถ้าไม่ใช่ตอนนั้นเธอบอกว่าจะแก้แค้นแทนวารุณี เขาไม่มีทางปล่อยเธอไปแน่นอน
วารุณีเปิดผลตรวจดีเอ็นเอไปที่หน้าสุดท้าย ถือไว้กลางอากาศ “ความสัมพันธุ์พ่อลูกกันระหว่างคุณกับลูกสองคนไม่เป็นที่ยอมรับ คุณพูดถูกแล้ว พวกคุณไม่ใช่พ่อลูกจริงๆ ฉันนึกมาตลอดว่าพวกคุณใช่ แต่ความเป็นจริงตบหน้าฉัน เพราะฉะนั้นฉันยังจะให้คุณเลี้ยงลูกสองคนต่อได้ยังไงล่ะ ในใจคุณก็คงมีอคติกับลูกสองคนใช่หรือไม่”
เพราะพวกเขาเป็นลูกของเธอ เป็นหลานชายกับหลานสาวของแม่เธอ
แม้แต่เธอเขายังพาลใส่ได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเด็กสองคนที่ไม่มีความสัมพันธุ์ทางสายเลือดกับเขาเลย
นัทธีไม่สามารถปฏิเสธคำพูดของวารุณีได้ และเขาก็มีอคติกับเด็กสองคนจริงๆ
แต่เขาไม่เคยมีความคิดที่จะไม่เลี้ยงดูเด็กสองคนเลย เขายังคงสามารถให้พวกเขามีชีวิตที่ดีที่สุด แค่จะไม่รักพวกเขาอีกต่อไปแล้ว
เห็นนัทธีไไม่พูดไม่จา วารุณีก็รู้สึกเหนื่อยแล้ว วางผลตรวจดีเอ็นเอลงมา “ประธานนัทธี เรื่องที่ฉันคุยกับคุณในวันนี้คุณลองคิดดูดีๆ เถอะ ฉันรู้สึกว่าเราไม่จำเป็นต้องไปต่อแล้วจริงๆ พรุ่งนี้หลังจากไปดูหลักฐานที่คุณพูดถึงเสร็จ ฉันจะย้ายออกไป”
พูดจบวารุณีก็ไม่สนใจเขาอีก เดินไปที่ห้องอาบน้ำ
นัทธีมองดูเงาของเธอหายไปตรงประตูห้องอาบน้ำ สีหน้ามืดมนสุดๆ
ผ่านไปสักพัก เขาฉีกใบสำคัญการหย่าทิ้ง กล่าวเบาๆ อย่างเย็นชา: “ผมเคยบอกแล้ว ผมไม่มีทางหย่ากันเด็ดขาด!”
คนของเขา แม้เขาจะไม่รักแล้วก็จะเอาไว้ข้างเขา!
นัทธีหันหลังจากไป
ภายในห้องอาบน้ำ วารุณีทั้งคนแช่อยู่ในอ่างอาบน้ำ น้ำร้อนกระตุ้นผิวหนัง ขจัดความเหนื่อยล้าของเธอไปอย่างได้ผล
เธอนวดระหว่างคิ้วและพิงอยู่ขอบอ่างเก็บน้ำ หลับตาลง ปล่อยให้เครื่องนวดด้านหลังนวดไปเรื่อยๆ
จู่ๆ เธอร้องออกมาเบาๆ เสียงหนึ่ง หัวเริ่มเจ็บขึ้นมาอีกแล้ว
ในหัวเริ่มมีภาพลอยขึ้นมาเป็นฉากต่อฉากเหมือนตอนเช้า
แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกัน ความเร็วที่ภาพปรากฏขึ้นมาช้าลงเยอะมาก วารุณีก็พอเห็นอะไรบางอย่างได้แล้ว
สีแดง…
แม่ที่ยังสาวอยู่และเธอ…
วารุณีขมวดคิ้วแน่นขึ้น อยากจะดูให้ชัดเจนกว่านี้ แต่หัวกลับเจ็บกว่าเดิมอีก
“อ๊า!” วารุณีเจ็บจนแอบร้องออกมาเสียงเบา สองมือจับหัวและเซไปเซมา สีหน้าขาวซีดจนเหงื่อเย็นออกแล้ว
ทำไมคราวนี้ถึงเจ็บขนาดนี้
ก็เพราะว่าเธออยากเห็นภาพเหล่านั้นตกลงเป็นอะไรเหรอ
วารุณีเจ็บจนในหัวกระตุกไม่หยุด อย่างกับมีแมลงกำลังกัดแทะอยู่อย่างนั้น
เธอรีบหยุดลงมา ไม่กล้าไปคิดภาพเหล่านั้นต่อแล้ว ความเจ็บในหัวจึงจะลดลงมาไม่น้อย
วารุณีโล่งใจลงมา
สงสัยหัวของเธอจะมีปัญหาแล้วจริงๆ ควรลงไปตรวจที่โรงพยาบาล ดูว่าตกลงเกิดอะไรขึ้นแล้ว!