แววตาของนัทธีเคร่งขรึมลงเล็กน้อย “คุณต้องการจะพูดอะไรกันแน่?”
วารุณีวางมือลง: “ที่ฉันต้องการพูดนั้นง่ายนิดเดียว นัทธี ในเมื่อตอนนี้ฉันยังเป็นภรรยาของคุณอยู่ งั้นฉันก็มีสิทธิ์ที่จะเรียกร้องให้คุณ ส่งตัวหล่อนไปจากคุณ และฉันจะไม่ให้คุณเลิกจ้างหล่อน ฉันเพียงต้องการให้คุณส่งตัวหล่อนไปที่อื่น ส่งไปให้ไกล ๆ จะให้ขึ้นชั้นบนสุดอีกไม่ได้”
“วารุณี หล่อนจงใจเล่นงานฉัน!” นวิยาถลึงตาใส่เธอด้วยความไม่ยินยอม
วารุณียิ้มเล็กน้อย “ถูกต้อง ฉันจงใจเล่นงานเธอ ฉันก็แค่รับไม่ได้ที่มีผู้หญิงคนหนึ่งคิดมิดีมิร้ายกับสามีฉัน อยู่ข้างกายสามีของฉัน ถ้าเธอไม่ยอม เธอจะคัดค้านต่อไปก็ได้ ดูสิว่าเธอจะหน้าด้านพอไหม”
“นี่เธอ……” บริเวณหน้าอกของนวิยากระเพื่อมขึ้นลงอย่างรุนแรง
วารุณีไม่สนใจเธออีก และมองไปทางนัทธี “เป็นไง คุณเห็นด้วยไหม? ถ้าคุณไม่เห็นด้วย งั้นก็หย่ากัน ฉันไม่เห็นก็จะไม่คิด พวกคุณอยากทำอะไรก็ทำ ฉันจะไม่ยุ่งด้วยเลย”
นัทธีเม้มปาก “มารุต”
มารุตตื่นขึ้นมาจากการเป็นผู้รับชม “ท่านประธาน มีอะไรสั่งการเหรอครับ?”
“พานวิยาไปที่ฝ่ายบุคคล และหาตำแหน่งที่สบายหน่อยให้เธอ” นัทธีพูดพลางจุดกึ่งกลางระหว่างคิ้ว
มารุตพยักหน้าตอบรับ “ครับ”
“นัทธีคะ……” นวิยามองไปที่นัทธีอย่างไม่อยากจะเชื่อ
แต่ทว่านัทธีกลับไม่มองเธอด้วยซ้ำ และเดินตรงไปที่ห้องทำงาน
วารุณีทำเสียงฮึดฮัดใส่นวิยา และก้าวเท้าเดินจากไป
เหลือเพียงมารุตและนวิยาที่ยืนอยู่ตรงนั้น
มารุตผายมือทำท่าเชื้อเชิญนวิยา “คุณนวิยา เชิญครับ”
นวิยากระทืบเท้าด้วยความโมโห “ทำไมอ่ะ ฉันก็แค่เอาของไปไว้ที่ห้องทำงานของนัทธีเล็กน้อยแค่นั้นเอง เธอก็เอาฉันไว้ไม่ได้แล้วงั้นเหรอ”
มารุตแอบทำตามองบนอยู่ในใจ
แค่เอาของไปวางไว้ที่ห้องทำงานเองงั้นเหรอ?
นอกจากท่านประทานแล้ว มีใครที่มองความคิดของเธอไม่ออกบ้าง ก็เหมือนกับที่คุณหญิงพูด คือต้องการให้คนอื่นเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับท่านประธานผิดไป
หัวสูงแบบนี้ มิน่าถึงได้ทำให้คุณหญิงโมโห
มันก็สมควรแล้ว!
วารุณีเดินตามนัทธีเข้าไปในห้องท่านประธาน
วารุณีมองเขา “หลักฐานล่ะ?”
นัทธีไม่ได้พูดอะไร และเปิดคอมพิวเตอร์ขึ้นมา “ดูเอาเอง”
วารุณีเดินเข้าไปด้วยความสงสัย และมองไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์
บนหน้าจอคอมพิวเตอร์มีคลิปวิดีโอที่ถ่ายด้วยโทรศัพท์มือถือเปิดอยู่ ในคลิปวิดดีโอ เธอได้เห็นชายหญิงคู่หนึ่งที่หน้าตาคล้ายกับนัทธีกำลังจับมือกันข้ามถนน จู่ ๆ ก็มีรถสีแดงคันหนึ่งขับตรงเข้าไปหาชายหญิงคู่นั้น
ชายหญิงคู่นั้นถูกชนจนลอยกระเด็นไป และลงไปนอนบนพื้น เลือดสด ๆ ไหลออกมาจากใต้ร่างกายของพวกเขาทั้งสอง
ในตอนนี้เอง เลนส์กล้องก็ได้เคลื่อนไปข้างหน้า แม่ลูกคู่หนึ่งได้เดินลงมาจากรถ และมองไปทางชายหญิงคู่นั้นอย่างตื่นตระหนก จากนั้นวิดีโอก็ได้ตัดไป
“เป็นไปได้ยังไง……” วารุณีผงะถอยหลังไปสองก้าวอย่างไม่อยากจะเชื่อ
สองแม่ลูกที่ลงมาจากรถคู่นั้น ต่อให้กลายเป็นเถ้าธุลีเธอก็จำได้
แม่คนนั้น คือคุณแม่ของเธอเมื่อยังเป็นสาว ส่วนเด็กหญิงคนนั้น ก็คือเธอนั่นเอง
คุณแม่ได้ขับรถชนคุณพ่อคุณแม่ของนัทธีจริง ๆ ด้วย!
วารุณีเหงื่อไหลโชก และหันหน้าไปทางนัทธีอย่างแข็ง ๆ
นัทธีเองก็มองดูเธอ แววตาลึกซึ้ง “ตอนนี้คุณยังจะยืนยันอยู่อีกไหมว่าแม่ของคุณไม่ได้ขับรถชนคน?”
“ฉัน……” วารุณีมุมปากสั่น ไม่สามารถตอบคำถามได้
เพราะความจริงปรากฏอยู่ตรงหน้า เธอยังจะพูดอะไรได้อีก?
ยิ่งไปกว่านั้นวิดีโอนั่น ทำให้เธอนึกถึงฝันร้ายเมื่อคืน
ฝันร้ายนั่น มีเนื้อหาไม่ต่างจากวิดีโอนี้มากนัก
ดังนั้น ทำไมเธอถึงได้ฝันแบบนี้ล่ะ?
หรือว่า นั่นไม่ใช่ความฝัน แต่เป็นความทรงจำของเธอ?
สุภัทรบอกว่าเธอได้ลืมบางสิ่งบางอย่างไป พงศกรก็บอกว่าที่เธอปวดหัวนั้นมีสาเหตุมาจากความจำ และนั่นมันใช่ความจำนี้หรือเปล่า?
แต่ว่า ทำไมเธอถึงลืมไปล่ะ?
คิดไป วารุณีก็ปวดหัวขึ้นมา
เธอกุมหัวของตัวเองเอาไว้ บนใบหน้าเต็มไปด้วยความเจ็บปวด
เมื่อนัทธีเห็นดังนั้น เขาก็เคร่งเครียดลง และเอ่ยถาม “คุณเป็นอะไร?”
“ฉันปวดหัวจังเลย!” วารุณีนั่งยองย่อลงด้วยความเจ็บปวด
อาการปวดหัวในครั้งนี้ ร้ายแรงกว่าครั้งที่ผ่าน ๆ มา ปวดจนเธอหอบหายใจอย่างแรง เหงื่อผุดออกมาเต็มหน้า ดวงตาเริ่มลอย
ไม่เพียงแค่เท่านั้น ภาพเหตุการณ์ในหัวของเธอ กะพริบถี่ขึ้นมากกว่าเดิม โจมตีสมองของเธออยู่ไม่หยุด ทำให้เธอทนรับไม่ไหว
สุดท้าย วารุณีก็ปวดจนสลบไป และล้มลงบนพื้น
“วารุณี!” รูม่านตาของนัทธีหดตัวลง เขารีบไปพยุงเธอขึ้นมา และตบหน้าเธอเบา ๆ เพื่อปลุกเธอ
แต่ทว่าวารุณีราวกับได้จมลงไปในฝันร้าย เธอขมวดคิ้วแน่น แต่ก็ไม่ฟื้นขึ้นมา
นัทธีอุ้มเธอขึ้นมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด และเดินไปที่โซฟาอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่วางวารุณีลงไปบนโซฟา เขาก็หยิบโทรศัพท์ออกมา และโทรหามารุต
“ไปที่ฝ่ายสาธารณสุขและเรียกหมอมาสักคน” นัทธีกล่าวเสียงเข้ม ในน้ำเสียงแฝงไปด้วยความเป็นกังวลอย่างไม่ปิดบัง
“ครับ” มารุตกลืนน้ำลาย
ท่านประธานและคุณหญิงคงไม่ได้ทะเลาะกันอยู่ในห้องท่านประทาน
และท่านประธานไม่ระวังจนทำให้คุณหญิงบาดเจ็บหรอกนะ?
ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ๆ ท่านประธานก็จะไม่ใช่แค่ผู้ชายที่ใช้กำลังทางวาจาอีกแล้ว แต่จะเป็นผู้ชายที่ชอบใช้ความรุนแรงจริง ๆ
เขาพลันสะบั้นขึ้นมา มารุตไม่กล้าคิดต่อไปอีก และรีบไปเรียกหมอทันที
ไม่นาน หมอก็มาถึง
นัทธีสั่งให้เขาไปตรวจดูวารุณี
หลังจากที่ตรวจเสร็จ นัทธีก็กำหมัดแน่นะพลางเอ่ยถาม “เธอเป็นยังไงบ้าง?”
หมอไม่รู้ความสัมพันธ์ระหว่างนัทธีและวารุณี ไม่กล้าเรียกแบบมั่วซั่ว จึงตอบอย่างนอบน้อม: “คุณหนูคนนี้ไม่เป็นอะไรมากครับ เพียงแต่ว่าได้รับการสะเทือนทางจิตใจอย่างหนัก ดังนั้นถึงได้สลบไป รอฟื้นขึ้นมาก็ไม่เป็นอะไรแล้วล่ะครับ”
เมื่อได้ยินดังนั้น นัทธีก็วางใจ หัวใจที่หนักหน่วงก็ได้ผ่อนคลาย “ทราบแล้ว คุณออกไปเถอะ”
“ครับ” หมอตอบรับ สะพายกล่องยาของตัวเองขึ้นมาและเดินจากไป
ภายในห้องทำงานกลับเข้าสู่ความเงียบอีกครั้ง
นัทธีนวดจุดตรงกลางระหว่างคิ้วเบา ๆ และนั่งลงตรงข้ามกับวารุณี มองดูเธออย่างเงียบ ๆ
ไม่รู้ว่ามองอยู่นานแค่ไหน จู่ ๆ มีนาก็ลุกนั่งขึ้นมา และตะโกนด้วยสีหน้าเป็นกังวล “ไม่นะ!”
นัทธีถูกเธอทำให้ตกใจเล็กน้อย เขาขมวดคิ้ว “ฟื้นแล้วเหรอ?”
วารุณีไม่มีปฏิกิริยาตอบรับ เธอเพียงนั่งเหม่อลอยอยู่ตรงนั้น
เมื่อนัทธีเห็นดังนั้น แววความสงสัยก็ได้ปรากฏขึ้นมาในดวงตาของเขา “คุณเป็นอะไรไป?”
“……” วารุณียังคงไม่มีการตอบรับใด ๆ แต่กลับหัวเราะขึ้นมา หัวเราะอย่างมีความสุขแบบผิดปกติ
นัทธีเม้มปาก “คุณหัวเราะอะไร?”
ครั้งนี้ ในที่สุดวารุณีก็มีปฏิกิริยาตอบโต้ เธอยกแขนขึ้นมา และเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาจากการหัวเราะออก มองดูเขาแล้วเอ่ยตอบ: “ฉันดีใจ ก็เลยยิ้ม นัทธี แม่ของฉันไม่ได้ชนพ่อแม่ของคุณ!”
ตอนที่เธอสลบไปเมื่อสักครู่ ทำให้เธอจำความทรงจำเมื่อสิบแปดปีที่แล้วขึ้นมาได้
ถูกต้อง เธอได้ลืมความทรงจำตอนนั้นไปจริง ๆ เป็นคุณแม่ที่หานักสะกดจิตมาให้เธอ ทำให้เธอลืมมันไป
แต่เมื่อสักครู่ เธอได้จำมันได้ทุกอย่างแล้ว
นัทธีใบหน้าเคร่งเครียดลง เขาลุกขึ้นมา “วารุณี หลักฐานคุณก็ได้ไปแล้ว ถึงตอนนี้คุณยังไม่ยอมรับมันอีก!”
“เพราะแม่ของฉันไม่ได้ทำ จะให้ฉันยอมรับได้ยังไง” วารุณีเองก็ได้ลงมาจากโซฟา ยืนอยู่บนพื้น และสบสายตากับเขาอย่างสงบ “เมื่อวานฉันเคยบอกกับคุณใช่ไหม? ฉันให้พงศกรสะกดจิตฉัน เพื่อดูว่าความทรงจำของฉันมีปัญหาอะไรหรือเปล่า ตอนนี้ฉันจะบอกคุณ ความทรงจำของฉันมีปัญหาจริง ๆ แต่ตอนนี้ได้หายดีแล้ว”
“หมายความว่ายังไง?” นัทธีหรี่ตาลง
วารุณีสูทหายใจเข้าลึก ๆ “ความหมายก็คือ ความจริงทั้งหมด ฉันจำมันได้แล้ว”
“จำได้งั้นเหรอ?” นัทธีชะงักไปเล็กน้อย “ดังนั้นที่คุณอยากจะบอกก็คือ คุณได้ลืมความทรงจำตอนที่คุณและแม่ของคุณชนพ่อแม่ของผมไปงั้นเหรอ?”
“พูดให้ถูกหน่อย ฉันกับแม่ของฉันไม่ได้ชนพ่อแม่ของคุณ คุณต้องให้ฉันพูดอีกกี่ครั้ง” วารุณีตอบเสียงดัง
นัทธีเม้มริมฝีปากบาง ๆ ให้ความรู้สึกเย็นยะเยือกเล็กน้อย สีหน้านั้นแทบดูไม่ได้เลย
วารุณีทำเสียงหึหนึ่งครั้ง และชี้ไปที่คอมพิวเตอร์ “คนที่อยู่ในคลิปเมื่อกี้ เป็นแม่ของฉันและฉันจริง ๆ วันนั้นฉันได้เห็นเหตุการณ์โศกนาฏกรรมของพ่อแม่ของคุณกับตา ทำให้ฉันตกใจกลับมาก เพราะฉันไม่เคยเห็นเหตุการณ์แบบนั้นมาก่อน หลังจากที่กลับไป ฉันได้ฝันร้ายอยู่ตลอด สภาพจิตใจได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง”