เสียงเรียกของเธอไม่ดังมาก แต่เสียงที่เปล่งออกมานั้น กลับทำให้คนตกตะลึง
เพราะเสียงที่เธอเปล่งออกมา ไม่ใช่เสียงของเธอ แต่เป็นเสียงของวารุณี
นัทธีได้ยินเสียงนี้ รวบรวมแรงแล้วลืมตาขึ้นเล็กน้อย
เขามองเห็นไม่ชัด เห็นแค่ผู้หญิงชุดแดงยืนอยู่เหนือเขา
“วารุณี?” นัทธีขมวดคิ้วเป็นปม ร้องถามด้วยความไม่มั่นใจ
แววตาของนวิยาฉายความอิจฉา ทว่าปากของเธอกลับตอบรับเสียงอ่อนโยน “ฉันเองค่ะ”
“คุณอยู่ที่นี่ได้ยังไงครับ?” ร่างกายของนัทธีขยับ คล้ายอยากจะลุกขึ้น
นวิยากดเขาลงไป “อย่าขยับ ตอนนี้คุณไม่มีแรง นอนไปเถอะค่ะ”
นัทธีได้กลิ่นน้ำหอมที่คุ้นเคย ถึงแม้จะแปลกใจที่ทำไมจู่ๆวารุณีก็กลับมา แต่มั่นใจแล้วว่าเป็นเธอ จึงนอนนิ่งไม่ขยับ
“นัทธี ฉันเพิ่งกลับมา เหนื่อยมากเลยค่ะ คุณนอนกับฉันหน่อยได้ไหมคะ?” นวิยาน้อมตัวลง ซบหน้าอกชายหนุ่ม
นัทธีตอบอืม แล้วหลับตาลง
นวิยากระตุกยิ้ม จากนั้นยื่นมือเข้าไปในเสื้อสูทของเขา
นัทธีสัมผัสได้ ถึงแม้จะขมวดคิ้ว แต่ก็ไม่ได้ห้าม
นวิยาเห็นแบบนั้น มือของเธอก็ยิ่งลามปามกว่าเดิม ปลดกระดุมชายหนุ่มอย่างรวดเร็ว
ทว่าตอนที่เธอวางมือบนเข็มขัดหนังของชายหนุ่ม เหนือศีรษะของเธอมีเสียงลมหายใจอ่อนระทวยเป็นจังหวะของชายหนุ่มดังขึ้น
มือของนวิยาหยุดชะงัก เงยหน้าขึ้นมอง
นัทธีหลับไปแล้ว
นวิยาไม่สบอารมณ์อย่างมาก ตาของเธอแดงไปหมดแล้ว
คืนนี้เธอเตรียมการทุกอย่างมากมาย เพราะอยากจะนอนกับเขา สุดท้ายเขากลับเป็นแบบนี้ นอนหลับไปแล้ว
แล้วเจ้านั่นของเขาจะตั้งขึ้นมาได้ยังไง?
นวิยาโมโหอย่างมาก เม้มกัดริมฝีปากล่างแน่น
ถ้ารู้แต่แรกว่ายาสลบทำให้เขานอนหลับเร็วแบบนี้ เธอจะไม่วางยาสลบ แต่จะวางยาแบบนั้นแทน
ถึงแม้ว่ายานั้นจะกินร่วมกับยาที่เขากินในวันนี้ไม่ได้ ทั้งยังมีความเป็นไปได้ที่จะทำให้เขาแพ้ยา แต่ขอเพียงเธอทำทุกอย่างเสร็จ ส่งเขาไปโรงพยาบาลก็ไม่น่ามีเรื่องอะไรแล้ว
“เป็นจริงตามนั้น เธอใจดีเกินไป คิดมากเกินไปแล้ว” นวิยากำมือแน่นแล้วพูดพึมพำด้วยสีหน้าบูดบึ้ง
แต่ว่าตอนนี้เรื่องเป็นแบบนี้แล้ว ถึงแม้ว่าตนจะไม่สามารถมีอะไรกับเขาได้จริงๆ เธอก็จะให้คนอื่นเข้าใจว่า พวกเขามีอะไรกันแล้ว
ขณะคิด นวิยาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ หลังจากนั้นถอดเครื่องแปลงเสียงที่อยู่บนคอออก แล้วหยิกคอ หยิกแขน หยิกขา รวมถึงส่วนอื่นๆของร่างกายอย่างแรง หลังจากทำให้เกิดรอยแดง ค่อยถอดเสื้อผ้า แล้วนอนลงบนเตียง
แล้วเธอก็ทำเหมือนกัน ถอดเสื้อของนัทธีทิ้ง แล้วหยิกตัวของเขาให้เกิดรอยแดง
หลังจากทำเสร็จ เธอนอนอยู่ในอ้อมกอดของนัทธี ยกมือถือขึ้นมา ถ่ายรูปของตนและนัทธีในเวลานี้ แล้วส่งไปให้วารุณี
เวลานี้ที่ต่างประเทศเป็นเวลาสิบโมงเช้าแล้ว
วารุณีกำลังอยู่รวมกันนักออกแบบคนอื่นๆ ประชุมในห้อง เพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับรายละเอียดการแข่งขัน
เพราะถึงอย่างไรพรุ่งนี้ก็จะเริ่มการแข่งขันอย่างเป็นทางการแล้ว รายละเอียดหลายอย่างถ้าไม่ทำความเข้าใจ ระหว่างแข่งขันมีปัญหาอะไรขึ้นมา ไม่รู้ว่าจะจัดการยังไง
เวลาในการประชุมไม่นานมาก ใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงกว่าก็จบลงแล้ว
วารุณีเดินออกมาจากห้องประชุม เชอรีนเดินเข้าไปหาด้วยสีหน้าซับซ้อน “วารุณี”
“เป็นอะไรไป?” วารุณีมองเธอด้วยความแปลกใจ
เชอรีนเม้มกัดริมฝีปาก “เอ่อ เมื่อกี้มีข้อความเข้ามาในโทรศัพท์ของเธอ ฉันเผลอไปกดโดน”
วารุณียิ้มด้วยความตลก “กดโดนก็กดโดนสิ ฉันคิดว่ามีเรื่องอะไรใหญ่ซะอีก”
“มีเรื่องใหญ่” เชอรีนมองเธอ
วารุณีอ่านสีหน้าจริงจังของเชอรีนออก รอยยิ้มบนใบหน้าค่อยๆหายไป กลายเป็นจริงจัง “เอาโทรศัพท์มาให้ฉัน”
เชอรีนยื่นโทรศัพท์ไปให้เธออย่างว่าง่าย
แต่ตอนที่วารุณีจะหยิบไปนั้น เชอรีนชักมือกลับ
วารุณีมองเธอด้วยความไม่เข้าใจ “เป็นอะไรไป?”
“วารุณี ฟังฉันนะ ตอนที่เธอเห็นข้อความนั้นอย่าตกใจ” เชอรีนพูดปลอบ
วารุณีเห็นเธอพูดด้วยความจริงจังแบบนี้ เริ่มรู้สึกไม่สบายใจ แต่ก็ยังคงรับปาก “ได้ ฉันจะไม่ตกใจ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ดี” เชอรีนจึงยื่นโทรศัพท์ไปไว้บนมือของวารุณี
วารุณีรีบปลดล็อกโทรศัพท์ ตามคำแนะนำของเชอรีน เปิดไปที่กล่องข้อความของนวิยา ภาพหนึ่งดึงดูดสายตาของเธอทันที
หลังจากดูภาพนั้นจนชัดเจนแล้ว ตัวของวารุณีสั่นเทา เกือบจะเป็นลมหมดสติไป
โชคดีที่เชอรีนเตรียมความพร้อมไว้ตลอด รีบพยุงตัวเธอขึ้นมาทันที “วารุณี ฉันบอกให้เธอแล้วว่าอย่าตกใจ ทำไมถึงยังเฮ้อ…”
เชอรีนถอนหายใจเบา ไม่ได้พูดจนจบ
เพราะถึงอย่างไรใครเห็นสามีของตนนอกใจ ก็ไม่มีวันใจเย็นได้
นอกจากไม่รัก
วารุณีไม่ได้ตอบเชอรีน หลังจากยืนทรงตัวได้ มือสั่นเทาของเธอขยายรูปภาพให้ใหญ่
ในรูป นัทธีกอดนวิยานอนบนเตียง ผิวของทั้งสองคนมีรอยแดงจ้ำๆ เวลาเดียวกันที่ทำให้คนรู้สึกตกใจ ก็เข้าใจว่าระหว่างพวกเขาเกิดเรื่องอะไรขึ้น
นวิยาไม่ได้นอนหลับ มองกล้องด้วยน้ำตานองหน้า เหมือนว่าถูกข่มขืนอย่างไรอย่างนั้น
ใบหน้าของวารุณีซีดขาว สูดลมหายใจเฮือกใหญ่ จึงทำให้ตนไม่ถึงกับเป็นลมหมดสติไป
เธอคิดไม่ถึงว่า ตนที่เพิ่งมาต่างประเทศได้แค่สองวัน
นัทธีกับนวิยาก็……
มือหนึ่งของวารุณีกุมท้อง อีกมือหนึ่งจับผนัง แล้วค่อยๆลื่นลงไป ใบหน้าของเธอฉายความเจ็บปวด
เชอรีนเห็นแบบนั้น สีหน้าเปลี่ยนไปทันที “วารุณีเธอเป็นอะไร?”
“ฉันปวดท้อง เชอรีน รีบพาฉันไปโรงพยาบาล ช่วยชีวิตลูกฉันด้วย!” วารุณีจับมือเชอรีน พูดขณะที่เหงื่อผุดขึ้นเต็มหน้าผาก
เชอรีนเพิ่งรู้ว่าเธอท้อง
อีกทั้งดูจากสภาพแล้ว เป็นเพราะเห็นภาพนั้น จึงทำให้เครียดจนกระทบกระเทือนลูกในท้อง
เชอรีนไม่กล้าชักช้า รีบถอดรองเท้าสั้นสูงที่สวมเอาไว้ อุ้มวารุณีขึ้นมา แล้วเดินออกไปนอกฮอลล์แข่งขัน
สุชาดาและโสรยาเดินออกมาจากอีกด้านหนึ่ง เห็นภาพนี้เข้าพอดี
โสรยาหรี่ตาลง “เธอไปสืบมาสิว่าวารุณีเป็นอะไรไป?”
“อืม” สุชาดาตอบรับด้วยความไม่ยินยอมเท่าไหร่ แล้วทำตามคำสั่ง
ไม่กี่นาทีหลังจากนั้น เธอกลับมา พูดด้วยความยินดียินร้ายกับหายนะของคนอื่น: “ฉันรู้แล้ว มีนักออกแบบบอกว่าหลังจากวารุณีดูโทรศัพท์ ก็เครียดจนกระทบกระเทือนเด็กในครรภ์ เชอรีนส่งวารุณีไปโรงพยาบาล”
“กระทบกระเทือนเด็กในครรภ์?” รูม่านตาของโสรยาหดเล็ก มือทั้งสองข้างค่อยๆกำหมัด ภายในใจรู้สึกรุ่มร้อน
วารุณีท้องแล้วเนี่ยนะ
เธอท้องกับนัทธีแล้วเนี่ยนะ!
อีกด้านหนึ่ง เชอรีนโบกรถแท็กซี่ แล้วส่งวารุณีไปโรงพยาบาล
ระหว่างขาของวารุณีมีเลือดไหลออกมา ส่งไปที่ห้องฉุกเฉินทันที
เชอรีนรออยู่ด้านนอกด้วยความกังวล
ระหว่างรอ เธอหยิบโทรศัพท์ของวารุณีขึ้นมาดู มองดูรูปถ่ายบนโทรศัพท์ โมโหจนพูดบ่นอุบอิบ “เสียดายที่ฉันรู้สึกว่าประธานนัทธีเป็นผู้ชายที่ดี คิดไม่ถึงว่าจะไม่แตกต่างกับผู้ชายคนอื่น ฉันมองคนผิดไปแล้ว”
เชอรีนรู้สึกไม่ยุติธรรมแทนวารุณี
“ไม่ได้ จบแบบนี้ไม่ได้ ต้องโทรไปด่าเขา” พูดพึมพำ เชอรีนกดไปที่รายชื่อเบอร์โทรศัพท์ของวารุณี หาเบอร์ของนัทธีแล้วโทรออก
ทว่าปลายสายกลับปิดเครื่อง
เชอรีนโมโหจนย่ำเท้า
คงไม่ได้เป็นเพราะไม่อยากถูกรบกวน ก็เลยปิดเครื่องหรอกใช่ไหม?
“น่ารังเกียจ!” เชอรีนสบถด่า แล้วโทรหาปาจรีย์ เตรียมที่จะให้ปาจรีย์ไป จับหญิงร้ายชายเลวที่ไร้ยางอาย ถ่ายรูปคบชู้ของชายหญิงคู่นั้น
แบบนี้ตอนที่วารุณีหย่า จะได้แบ่งสมบัติได้มากขึ้น
อย่างรวดเร็ว เสียงงัวเงียของปาจรีย์ดังขึ้น “วารุณี ดึกขนาดนี้โทรมามีอะไร?”
เชอรีนชะงัก เพิ่งนึกขึ้นได้ ตอนนี้ที่ในประเทศยังเป็นกลางดึก
เธอให้ปาจรีย์ไปจับชู้เวลานี้ ไร้จริยธรรมเกินไปรึเปล่า?