“คุณนวิยา คุณวารุณีเป็นคนให้คุณมาที่นี่ใช่ไหมคะ?” นวิยายื่นมือออกไป อยากจะจับมือปาจรีย์
ปาจรีย์สะบัดทิ้งด้วยความรังเกียจ “ถูกต้อง เธอส่งรูปไปให้วารุณี เพราะอยากให้วารุณีส่งคนมาดูเธอกับประธานนัทธีนอนด้วยกันไม่ใช่เหรอ? พอมาถึงที่แบบนี้ เรื่องของเธอกับประธานนัทธีก็ปิดไม่ได้แล้ว นี่คือจุดประสงค์ของเธอไม่ใช่หรือไง”
“ไม่ใช่นะคะ” น้ำตาของนวิยายังคงไหลไม่หยุด “ฉันส่งรูปไปให้คุณวารุณี แค่อยากจะบอกคุณวารุณีว่าฉันโดนคุณนัทธีข่มขืน ไม่มีความหมายอื่นจริงๆ ฉันอยากให้คุณวารุณีแล้ว เรื่องนี้ฉันไม่ได้สมยอม”
“พอได้แล้ว เธอคิดว่าฉันจะเชื่อคำพูดบ้าๆของเธอเหรอ?” ปาจรีย์เอามือกอดอก “ฉันรู้สึกว่า เธอส่งรูปไปให้วารุณี ต้องการที่จะท้าทาย เจตนาทำให้วารุณีที่เป็นเมียหลวงโมโห อีกเรื่องหนึ่ง เธอบอกว่าประธานนัทธีข่มขืนเธอ เป็นไปได้เหรอ?”
ปาจรีย์มองเธออย่างพิจารณา “เธอไม่ดูตัวเองหน่อย หัวเหมือนตะขาบ ผู้ชายเห็นแล้วคงเก็บเอาไปฝันร้าย มีหรือที่จะมาข่มขืนเธอ? ถ้าประธานนัทธีคิดจะข่มขืน ก็ข่มขืนไปนานแล้ว ต้องรอจนถึงตอนนี้ด้วยเหรอ?”
มารุตที่ถ่ายคลิปวิดีโอก็พยักหน้าไปด้วย “จริงด้วย”
นวิยาก้มหน้าลงด้วยสีหน้าบูดบึ้ง ถูกคำพูดของปาจรีย์ที่บอกว่าหัวเหมือนตะขาบทำร้ายจิตใจอย่างมาก
ไม่มีผม อีกทั้งบนหัวยังมีรอยแผลเป็นหลังผ่าตัด เป็นความเจ็บปวดที่เธอไม่อยากพูดถึง
แต่ผู้หญิงอย่างปาจรีย์คนนี้ กลับพูดถึงบาดแผลของเธอ
ภายในใจแค้นปาจรีย์ฝังหุ่น แต่ใบหน้าของนวิยากลับไม่เผยออกมา รีบส่ายหน้าโบกมืออธิบาย “เปล่านะคะ ฉันพูดความจริง คุณนัทธีถูกวางยาในงานเลี้ยง ระหว่างนั้นฉันช่วยคุณนัทธีเอาไว้ หลังจากนั้นคุณนัทธีก็คิดว่าฉันเป็นคุณวารุณี ดังนั้นก็เลย……”
พูดถึงตรงนี้ หน้าของเธอแดงก่ำ เหมือนว่ายากจะพูดออกมา “ฉันแรงน้อย ขัดขืนไม่ไหว ทำอะไรไม่ได้ หลังจากคุณนัทธีทำทุกอย่างเสร็จ ฉันก็รีบถ่ายรูปไปให้คุณวารุณี บอกเธอว่านี่ไม่ใช่เจตนาของฉัน”
“ฟังดูแล้ว เหมือนว่าเธอไม่อยากมีความสัมพันธ์อะไรกับประธานนัทธีมาก?” ปาจรีย์หัวเราะเยือกเย็น
นวิยาพยักหน้า “ฉันเป็นแฟนของพิชิต แน่นอนว่าไม่อยาก ฉันทำผิดต่อพิชิตไม่ได้”
“หึ พูดได้น่าฟังจริงๆ ถ้าเธอไม่อยากมีอะไรกับประธานนัทธีจริงๆ แล้วทำไมเธอถึงไม่ขอความช่วยเหลือ ในโรงแรมมีคนตั้งเยอะตั้งแยะ ขอแค่เธอร้องตะโกน ฉันไม่เชื่อว่าจะไม่มีใครมา ต่อให้เธอร้องตะโกนแหกปากไม่ได้ เธอก็โทรศัพท์ได้หนิ เธอทำไม?” ปาจรีย์มองเธอ
นวิยากัดริมฝีปาก “ฉันไม่ได้พกโทรศัพท์ติดตัว”
“อ่อ ที่แท้ก็ไม่มีโทรศัพท์ ดูเหมือนว่าสวรรค์อยากให้เธอเสียตัวมาก” ปาจรีย์กลอกตามองบน
นวิยาก้มหน้าลง ไม่ได้พูดอะไร
ปาจรีย์เบ้ปาก แล้วพูด: “แล้วหลังจากจบเรื่องทุกอย่างล่ะ เธอบอกว่าเธอไม่อยากทำผิดต่อคุณหมอพิชิต แล้วทำไมหลังจากมีอะไรกันแล้วเธอไม่แอบออกไป แต่กลับอยู่ที่นี่ ทั้งยังถ่ายรูปให้วารุณีดู เห็นชัดว่าเธออยากให้ทุกคนรู้ว่าเธอกับประธานนัทธีมีอะไรกันแล้ว หลังจากนั้นรอประธานนัทธีตื่นขึ้นมา รับผิดชอบเธอ”
“ฉันเปล่า ฉันแค่เจ็บมาก เดินไม่ไหว” นวิยาพูดเสียงสะอื้น
“หึ ยังจะแถอีก คำพูดของเธอ ฉันไม่เชื่อแม้แต่คำเดียว ฉันถึงขั้นคิดว่า เธอกับประธานนัทธีไม่ได้มีอะไรกัน”
“ถ้าไม่ได้มีอะไรกัน แล้วรอยบนตัวฉัน……”
“รอยพวกนี้เธอทำเองได้ ไม่เชื่อเธอลองดูสิ”
ปาจรีย์โค้งตัวลง ยื่นมือออกไปอย่างรวดเร็ว หยิกแขนของนวิยาอย่างแรง
นวิยาเจ็บจนร้องเสียงหลง “คุณทำอะไร?”
“ช่วยเธอสร้างรอยจูบไง เธอดูสิ เรียบร้อยแล้วไม่ใช่เหรอ?” ปาจรีย์เอามือออก พอใจกับการกระทำของตนเอง
สีหน้าของนวิยาเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา “คุณ……”
“ทำไม ไม่พอใจเหรอ ได้ ถ้าอย่างนั้นฉันจะทำให้เธอพอใจเอง นอนลงไป”
ปาจรีย์ผลักนวิยาลงไปบนเตียง จากนั้นก็ลงมือจัดการด้วยความร้ายกาจ
นวิยาตกใจจนหน้าถอดสี “คุณจะทำอะไร?”
“หลังจากทำเรื่องแบบนั้นเสร็จ ร่างกายของผู้หญิงต้องทิ้งอันนั้นของผู้ชายไว้ไม่ใช่เหรอ? ฉันช่วยเธอตรวจดูว่าร่างกายของเธอมีหรือไม่มี ถ้าไม่มี แสดงว่าสิ่งที่ฉันพูดเป็นความจริง ถ้ามี ถ้าอย่างนั้นเราก็ไปตรวจดูกันหน่อยว่าเป็นของประธานนัทธีรึเปล่า” ปาจรีย์ยิ้มร้ายกาจแล้วพูดขึ้น
รูม่านตาของนวิยาหดเล็ก คิดไม่ถึงว่า ผู้หญิงคนนี้จะไม่ทำตามหลักการ พาเธอไปตรวจร่างกาย
อีกทั้งเรี่ยวแรงของเธอก็สู้ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ ไม่รู้ว่าต่อจากนี้ควรทำอย่างไร
ชั่วขณะหนึ่ง นวิยากระวนกระวายทำตัวไม่ถูก ทุกแผนสำรองที่วางไว้ ถูกปาจรีย์ทำลายจนหมด ทำให้เธอไม่สามารถทำแผนการขั้นต่อไปได้ ทำได้เพียงเหมือนลูกแกะที่จะถูกเชือด ถูกปาจรีย์ถามตามอำเภอใจ
“ผู้ช่วยมารุต คุณช่วยขยับเข้ามาใกล้หน่อยค่ะ ถ่ายการตรวจสอบต่อไปนี้ของฉันเอาไว้ให้ดี ถ้าคุณไม่อยากดู ก็ปิดตาเอาไว้” ตอนที่ปาจรีย์ดึงกางเกงในของนวิยา ไม่รีบที่จะหันไปสั่งมารุต
มุมปากของมารุตกระตุกรุนแรง หมดคำจะพูด
ถึงแม้เขาจะตกตะลึงกับการกระทำของปาจรีย์ แต่ไม่พูดไม่ได้ ได้ผลดีที่สุด
เพื่อความบริสุทธิ์ของท่านประธาน และเพื่อคุณผู้หญิง เขาทุ่มสุดตัวแล้ว
สูดลมหายใจเข้าลึกๆ มารุตเดินเข้าไปใกล้สองสามก้าว หลับตาลง
นวิยาเพิ่งรู้ว่า เขาถ่ายคลิปเอาไว้ได้ เธอแทบจะสติแตก ไม่สามารถแสแสร้งต่อไปได้แล้ว ร้องตะโกนด้วยความน่ากลัว “ไสหัวไป ปล่อยฉัน แกปล่อยฉันเดี๋ยวนี้”
ปาจรีย์ไม่ปล่อยเธอ อดทนกับความน่ารังเกียจแล้วยื่นมือไปที่ส่วนล่างของเธอ ลูบจับ สะอาดดี ไม่มีอะไรทั้งนั้น
หัวใจที่บีบรัดของปาจรีย์ สบายใจทันที
พูดตามจริง เธอกลัวจริงๆว่านวิยากับประธานนัทธีจะมีอะไรกันแล้วจริงๆ
โชคดีที่สุดท้ายเป็นไปตามที่เธอพูด ไม่มี
ตอนนี้วารุณีสบายใจได้แล้ว ประธานนัทธียังคงเป็นผู้บริสุทธิ์
ปาจรีย์เอามือออก ในเวลาเดียวกันก็ปล่อยนวิยา
นวิยานอนบนเตียงเหมือนผ้าขี้ริ้ว สายตาของเธอจ้องเขม็งไปที่ปาจรีย์ เหมือนว่าจะกลืนเธอลงไปทั้งเป็น
ปาจรีย์ไม่เพียงแต่ไม่กลัว ทั้งยังยกมือข้างที่สัมผัสนวิยาขึ้นมา “ตอนนี้ เธอยังจะพูดอีกไหมว่าเธอมีอะไรกับประธานนัทธีแล้ว?”
นวิยาโมโหจนสั่นไปทั้งตัว ไม่ตอบ
ปาจรีย์หัวเราะ “ดูจากสภาพของเธอแล้ว เหมือนจะยอมรับแล้วว่าเธอกับประธานนัทธีไม่ได้มีอะไรกัน ทั้งหมดคือแผนการของเธอ เธออยากจะสร้างสถานการณ์ว่าถูกประธานนัทธีข่มขืน แบบนี้เธอจะได้ขอร้องให้ประธานนัทธีรับผิดชอบได้ ในเวลาเดียวกันยังสามารถทำลายชีวิตแต่งงานของประธานนัทธีกับวารุณี ไร้ยางอายจริงๆ”
“……” สีหน้าของนวิยาบูดบึ้ง ไม่ได้พูดอะไร
ปาจรีย์จัดผม “ดูเหมือนว่าเธอจะไม่พอใจเท่าไหร่ น่าเสียดาย ต่อให้ไม่พอใจยังไง แผนการของเธอก็พังไม่เป็นท่าแล้ว ผู้ช่วยมารุต ใส่เสื้อผ้าให้เจ้านายของคุณหน่อยค่ะ เรากลับกันเถอะ”
พูดจบ เธอเดินออกไปจากห้องก่อน โทรหาเชอรีน บอกเรื่องที่เกิดขึ้น
ต่างประเทศ เชอรีนเพิ่งเอาน้ำลูบปากวารุณี โทรศัพท์ก็ดังขึ้น
เธอหยิบขึ้นมาแล้วดู จากนั้นก็รับสายอย่างรวดเร็ว “ฮัลโหล จับได้ไหม?”
“จับได้แล้ว เธอไม่รู้อะไร เรื่องพลิกมาก” ปาจรีย์พูดอย่างอารมณ์ดี
เชอรีนกะพริบตาปริบๆ “พลิกยังไง?”
“เชอรีน ปาจรีย์เหรอ?” เธอเพิ่งถามเสร็จ หญิงสาวที่อยู่บนเตียงก็ตื่นขึ้นมา ลืมตาขึ้น ถามด้วยใบหน้าซีดขาวอิดโรย
เชอรีนมองไปที่เธอ “วารุณี เธอตื่นแล้วเหรอ”
วารุณีตอบกลับ อยากจะลุกขึ้น
เชอรีนรีบห้ามเธอทันที “หย่าขยับ ทารกในครรภ์ได้รับการกระทบกระเทือน นอนดีๆ”
“แล้วลูก……”
เชอรีนยิ้มแล้วพูดปลอบ “เด็กในท้องไม่เป็นอะไร แข็งแรงมาก เธอวางใจเถอะ”
วารุณีโล่งอก ฝืนยิ้ม “เชอรีน ขอบคุณเธอนะ”
“ไม่เป็นไร ตอนนี้ไม่สบายตรงไหนรึเปล่า? ให้ฉันตามหมอมาดูอาการหน่อยไหม?” เชอรีนถาม