วารุณีส่ายหน้า “ไม่มี ไม่เป็นอะไรแล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นก็ดี” เชอรีนสบายใจขึ้น
วารุณีมองโทรศัพท์ของตนเอง “ปาจรีย์เหรอ?”
“ใช่ ก่อนหน้านี้ฉันบอกให้ปาจรีย์ไปจับชู้ ตอนนี้เธอน่าจะกำลังรายงานสถานการณ์”
“เอาโทรศัพท์มาให้ฉัน”
เชอรีนไม่อยากเอาให้เท่าไหร่ “วารุณี อย่าเลย ถ้าเกิดว่าเธอเครียดจน……”
“ไม่หรอก” วารุณีส่ายหน้า
เชอรีนเห็นเธอยืนกราน เอาชนะไม่ได้ จึงทำได้เพียงถอนหายใจ แล้วยื่นโทรศัพท์ไปให้
หลังจากวารุณีบ ก็วางลงที่ข้างหู “ปาจรีย์”
“วารุณี ฉันจะบอกข่าวดีกับเธอ ประธานนัทธีเขา……”
“เขาไม่ได้นอกใจ” วารุณีพูดขัดปาจรีย์
เชอรีนตกใจจนอ้าปากกว้าง “วารุณี เธอมั่นใจขนาดนี้เลยเหรอ?”
ปาจรีย์เองก็ตกใจอย่างมากว่าทำไมวารุณีถึงมั่นใจขนาดนี้
วารุณียิ้ม “ตอนที่พวกเราคืนดีกัน คุยกันแล้วว่าจะเชื่อใจกัน ดังนั้นฉันเชื่อว่าเขาไม่มีวันทำเรื่องที่ผิดต่อฉัน”
ตอนนั้นเธอโมโหเพราะรูปถ่าย ไม่ทันได้คิด ดังนั้นจึงเครียดจนเข้าโรงพยาบาล
แต่ว่าระหว่างทางที่ถูกนำตัวมาส่งโรงพยาบาล ความคิดของเธอมีสติตลอดเวลา ดังนั้นเธอจึงคิดพิจารณา คิดถึงความเป็นไปได้ที่นัทธีจะนอกใจ
สุดท้ายได้คำตอบว่า เป็นไปไม่ได้
เพราะนัทธีรู้ธาตุแท้ของนวิยาแล้ว เขาจะนอกใจได้อย่างไร
ดังนั้นเรื่องนี้ ต้องมีเงื่อนงำ
“ได้ ยินดีกับเธอด้วยวารุณี ประธานนัทธีไม่ได้นอกใจ ทั้งหมดเป็นแผนการของนวิยาเพื่อขึ้นตำแหน่ง เธอ……”
ปาจรีย์เล่าเรื่องตอนที่ตนไปจับชู้ ให้ฟังอย่างละเอียด
วารุณีฟังถึงตอนที่เธอไปจับนวิยา รู้สึกแย่ไปทั้งตัว สุดท้ายไม่รู้จะร้องไห้หรือหัวเราะดี “ปาจรีย์ ลำบากเธอแล้ว”
“ใช่นะสิ ฉันเสียสละมากเลย สกปรกแล้ว มือข้างนี้ต้องน่าเสียแน่ๆ” ปาจรีย์มองมือของตนเองที่เคยจับนวิยา พูดโอดครวญ
ภายในใจของวารุณีรู้สึกอบอุ่น
มีเพื่อนแบบนี้ เป็นเรื่องที่เธอมีความสุขที่สุดในชีวิตจริงๆ
“ขอบคุณนะปาจรีย์ รอฉันกลับไป จะตอบแทนเธออย่างดี ถ้าอย่างได้กระเป๋าเบอร์กิ้นของVansมาโดยตลอดไม่ใช่เหรอ ฉันซื้อให้”
ดวงตาของปาจรีย์เปล่งประกายทันที “จริงเหรอ?”
นั่นคือแบรนด์หรูภายใต้บริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ป ดังนั้นกระเป๋าทุกใบของVansจึงมีราคาแพงมาก ราคาไม่เคยต่ำกว่าหกหลักมาก่อน
กระเป๋าเบอร์กิ้นรุ่นนั้น ถึงแม้จะเป็นรุ่นเมื่อสองปีก่อน แต่ว่าทั่วทั้งโลกมีแค่สิบใบเท่านั้น ทำให้ตอนนี้ยังมีคุณผู้หญิงตระกูลร่ำรวยมากมายและคุณหนูหลายคนอยากจะได้
แต่ว่าตอนนี้เหลือแค่หนึ่งใบแล้ว อยู่ในร้านสำนักงานใหญ่ของVans ไม่รู้ว่าเพราะอะไร กระเป๋ารุ่นนั้นVansไม่ยอมขาย
“แน่นอนว่าเป็นเรื่องจริงสิ” วารุณีหัวเราะแล้วพยักหน้า
กระเป๋ารุ่นนั้น นัทธีจะให้เธอตอนวันเกิด ดังนั้นจึงเก็บเอาไว้ที่ร้านมาโดยตลอด
ตอนนี้เธอสามารถนำออกมา ส่งให้ปาจรีย์ได้
“ดีสุดๆไปเลย ขอบคุณเธอนะวารุณี” ปาจรีย์ดีใจจนกระโดดโลดเต้น
“ไม่ต้องขอบคุณหรอก เธอช่วยฉันกับนัทธีเอาไว้มาก ควรได้รับ จริงด้วย ตอนนี้นัทธีเป็นยังไงบ้าง?” วารุณีถามด้วยความเป็นห่วง
เมื่อกี้ปาจรีย์บอกว่า นัทธีถูกวางยา
เธอเป็นห่วงอาการของเขามาก
ปาจรีย์หันไปมองในห้อง “ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าประธานนัทธีเป็นยังไงบ้าง ผู้ช่วยมารุตติดต่อหมดแล้ว ทำใจให้สบายเถอะ ฉันจะช่วยดูแลเขาเอง รอให้ผลการตรวจของประธานนัทธีออกมา ฉันกับผู้ช่วยมารุตจะรีบติดต่อเธอทันที”
“ได้” วารุณีฝืนยิ้ม
จากนั้น ปาจรีย์ก็พูดต่อ: “วารุณีแล้วเธอล่ะ ฉันได้ยินเชอรีนบอกว่าเด็กในท้องของเธอได้รับการกระทบกระเทือน เด็กในท้องไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
“ไม่เป็นอะไรแล้ว” วารุณีส่ายหน้า
ปาจรีย์ตบหน้าอก “ถ้าอย่างนั้นก็ดี”
หลังจากนั้น ทั้งสองคนพูดด้วยกันอีกสองสามประโยค แล้ววางสาย
แต่ใจของวารุณี กลับเป็นกังวลอยู่ตลอดเวลา เป็นห่วงนัทธีตลอดเวลา
ในประเทศ ปาจรีย์วางโทรศัพท์ลง เธอกับมารุต ส่งนัทธีไปโรงพยาบาลด้วยกัน
สำหรับนวิยา ถูกมารุตสั่งให้ขังเอาไว้
เพราะถึงอย่างไรนวิยาทำเรื่องแบบนี้ ไม่มีทางปล่อยเธอไป
แต่จะจัดการอย่างไรนั้น ต้องรอให้นัทธีฟื้นขึ้นมาก่อนแล้วค่อยว่ากัน
หลังจากพิชิตรู้ว่าเกิดเรื่องขึ้นกับนัทธี เขาก็รีบออกมาจากบ้านทันที
“เป็นอะไร ทำไมจู่ๆถึงเกิดเรื่องขึ้นกับนัทธีได้์” พิชิตคว้าแขนของมารุต ถามด้วยลมหายใจหอบหืด
ตอนนั้นเขาพูดกับนัทธีจบและแยกจากกันไม่นาน ก็ไปบอกลานวิยาและนายท่านบุญชัยแล้วกลับไป
เพราะเขาอยู่ที่นั่นต่อไม่มีความหมาย นวิยาไม่อยากแนะนำตัวเขาที่เป็นแฟนหนุ่มคนนี้ นายท่านบุญชัยเองก็ไม่ชอบให้นวิยาอยู่กับเขา รู้สึกว่าหน้าตาของเขา รวมถึงอาชีพหมอของเขา ไม่สามารถให้ความอบอุ่นและอยู่เป็นเพื่อนกับนวิยาได้มากพอ
ดังนั้น หลังจากถูกนวิยาและนายท่านบุญชัยร่วมมือกันเพิกเฉย เขาโมโหแล้วออกไปทันที ดังนั้นจึงไม่รู้ว่าในตอนหลังเกิดเรื่องอะไรขึ้น
“คุณหมอพิชิต เรื่องเป็นแบบนี้ครับ ท่านประธานเขา……” มารุตเล่าเรื่องที่เกิดขึ้น
พิชิตฟังจบ เขาตกตะลึง นานพักใหญ่ กว่าจะดึงสติกลับมา กระทบกระเทือนจิตใจจนถอยหลังสองก้าว
“นี่……นี่มันเป็นไปได้ยังไง?” พิชิตอ้าปาก ยากที่จะพูดออกมา
ถึงแม้ปาจรีย์จะสงสารเขา แต่ก็พูดด้วยความโมโห: “ทำไมจะเป็นไปไม่ได้คะ นี่คือความจริง แฟนของคุณลอบวางแผนจัดการประธานนัทธี อยากอาศัยโอกาสนี้เพื่อเป็นภรรยาของเขา”
“……” พิชิตไม่พูดไม่จา ใบหน้าน่ารักเหมือนตุ๊กตาซีดขาว รอบตัวของเขาแผ่ซ่านไปด้วยความหดหู่
ปาจรีย์เห็นเขาเป็นแบบนี้ ก็ไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว
เพราะถึงอย่างไร เขาและประธานนัทธีรวมถึงวารุณีเหมือนกัน ล้วนเป็นผู้ถูกกระทำของเรื่องนี้
“ตอนนี้นวิยาอยู่ที่ไหน?” พิชิตลูบหน้า ถามด้วยเสียงแหบพร่า
มารุตเลื่อนแว่นแล้วตอบ: “อยู่ที่โรงแรมครับ ผมให้คนเฝ้าเอาไว้ ขอโทษด้วยนะครับคุณหมอพิชิต”
“ไม่เป็นไร ผมเข้าใจ” พิชิตฝืนแสดงสีหน้าออกมา “ผมขอตัวไปคุยโทรศัพท์ก่อน”
เขาก้มหน้าลง เดินไปไกล
ปาจรีย์มองแผ่นหลังของเขา ถอนหายใจ “คุณว่านวิยาคิดยังไงกันแน่ คนดีๆอย่างคุณหมอพิชิต การคบกับเขามีอะไรไม่ดีกัน ต้องทำเรื่องเลวร้ายแบบนี้ด้วย
มารุตยักไหล่ “คุณถามผม ผมถามใครครับ?”
ปาจรีย์กลอกตามองบนให้เขา แล้วไม่พูดอะไร
พิชิตเดินไปยังทางเดินที่เงียบๆ สูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วโทรหานวิยา
ปลายสายรับอย่างรวดเร็ว แต่กลับไม่มีเสียง
พิชิตรู้ นวิยาอยู่ในสาย แต่แค่ไม่ได้พูดเท่านั้น
“นวิยา” เสียงของพิชิตร้องเรียกเธอด้วยความเศร้า
นวิยานั่งอยู่บนเตียง สีหน้าไร้อารมณ์ “คุณรู้แล้ว?”
“อืม” พิชิตพยักหน้า
มือของนวิยาที่จับโทรศัพท์เอาไว้บีบแน่น “ในเมื่อเป็นแบบนี้ ถ้าอย่างนั้นเราเลิกกันเถอะ”
เดิมทีเธออยากจะค่อยๆเย็นชากับเขา ให้เขาเป็นคนบอกเลิก แบบนี้ เธอกลับมาเป็นอิสระได้อีกแล้ว แล้วยังเป็นคนที่ถูกทิ้ง ได้รับความเห็นใจจากคนอื่น
แต่ตอนนี้ ทุกอย่างถูกปาจรีย์ทำลายจนหมดแล้ว
พิชิตไม่ได้รับปากเรื่องเลิก แต่ถามย้อนกลับไป: “เพราะอะไรครับ?”
“คุณหมายถึงอะไร?”
“ทำไมต้องทำแบบนี้ คบกับผมไม่ดีเหรอครับ? ผมทำตัวไม่ดีกับคุณเหรอ? ผมรักคุณไม่มากพอเหรอ?” พิชิตถามสามคำถามในรวดเดียว
นวิยาเงียบไปหฃายวินาที พูดด้วยสีหน้าบูดบึ้ง: “คุณดีกับฉัน คุณรักฉัน แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉันอยากจะได้ เพราะฉันไม่ได้รักคุณ ตั้งแต่ตั้นจนจบฉันไม่ได้รักคุณ ฉันอยากให้นัทธีรักฉันและทำดีกับฉัน คุณเข้าใจไหม?”
“ดังนั้นคุณก็เลยทำแบบนี้?” ใบหน้าของพิชิตฉายความเย้ยหยัน
นวิยาเม้มกัดริมฝีปากล่าง “ใช่ค่ะ”
“คุณไม่รู้สึกว่าการที่คุณทำแบบนี้มันผิดเหรอ?”
“ผิดตรงไหนคะ?” นวิยาถามกลับเสียงดัง “ฉันวิ่งไล่ตามความรักของฉัน ผิดตรงไหน พิชิตคุณบอกฉันมาสิว่าฉันผิดตรงไหน?”
“ผิดทุกอย่าง นัทธีไม่รักคุณ เขาแต่งงานแล้ว เขามีภรรยาแล้ว คุณทำแบบนี้ คือการเข้าไปแทรกกลาง ไม่แตกต่างอะไรกับมือที่สาม อีกทั้งคุณยังเป็นแฟนของผม คุณทำแบบนี้ เคยรู้สึกผิดกับผมบ้างไหม?” พิชิตทุบหน้าอกตนเองแล้วถามเธอ