สีหน้าของโสรยาหม่นหมองไม่หยุด
วารุณีที่มองอยู่ข้างๆก็รู้สึกตลก
สุดท้าย โสรยาลุกขึ้น “คุณวารุณี ฉันขอตัวไปห้องน้ำก่อน”
“โอเคค่ะ” วารุณีพยักหน้า แล้วมองเธอเดินจากไป จากนั้นยกริมฝีปากขึ้นด้วยความใจเย็น
ไปห้องน้ำงั้นเหรอ?
ไปห้องน้ำหรือว่าไปจัดการกับสุชาดากันแน่ เกรงว่ามีแค่โสรยาที่รู้เท่านั้น
เธอส่ายหน้าไม่ได้คิดมากอะไร จากนั้นก็ดึงอารมณ์ของตัวเองกลับมาชมการเดินแบบที่อยู่ด้านหลังต่อ
หลังจากครึ่งชั่วโมงผ่านไป การเดินแบบจบลง นางแบบทั้งหมดยืนอยู่บนเวทีT แล้วกำลังจะแสดงการขอบคุณ
ถึงแม้เชอรีนจะไม่ได้ยืนอยู่ตรงหน้าสุดของเวทีT แต่กลับยืนอยู่ตำแหน่งตรงกลาง
กระโปรงบนร่างของเธอและความมีเสน่ห์ที่เธอแสดงออกมา คงไม่มีทางถูกเลิกติดตามเพราะว่าตำแหน่งที่เธอยืนอยู่แล้ว
เหล่ากรรมการถือสมุดโน๊ตแล้วกำลังเดินให้คะแนนนางแบบเหล่านี้
หลังจากเดินไปหนึ่งรอบ เหล่ากรรมการก็รวมตัวกัน เริ่มปรึกษาหารือว่าจะแบ่งกลุ่มยังไง
เหล่าดีไซเนอร์ที่มองอยู่ด้านล่างรู้สึกตื่นเต้นเป็นพิเศษ
วารุณีก็เริ่มตื่นเต้น เธออยากรู้มากๆว่าตัวเองจะถูกแบ่งไปอยู่กลุ่มไหน
เวลาผ่านไปทุกๆนาทีและวินาที ในที่สุดเหล่ากรรมการก็ปรึกษาหารือกันสำเร็จ แล้วนำผลสรุปให้พิธีกร
หลังจากพิธีกรรับไว้ ก็เริ่มประกาศตั้งแต่กลุ่มเอฟไปจนถึงกลุ่มเอ
วารุณีไม่ได้ยินชื่อของตัวเองที่อยู่หลังจากกลุ่มบีเลย ทันใดนั้นเธอยิ้มอย่างผ่อนคลายทันที
เพราะว่าเธอรู้ เธอจะได้อยู่กลุ่มเอ
ดั่งที่คาด เมื่อพิธีกรประกาศกลุ่มเอก ก็ขานชื่อของวารุณี
เธอรู้สึกตื่นเต้นดีใจจนสองมือกุมกันไว้
“ยินดีด้วยนะ คุณวารุณี” โสรยาที่อยู่ด้านข้างก็กล่าวคำยินดีโดยฉับพลัน
ทว่าวารุณียังคงฟังออกว่าน้ำเสียงของเธอแอบแฝงด้วยความเจ็บใจ จึงยิ้มจางๆ “ขอบคุณ ต้องยินดีกับคุณโสรยาเหมือนกัน”
โสรยาทำหน้าเกร็งทันที
ยินดีกับเธอ
เธอถูกแบ่งไปกลุ่มบี
ดังนั้นวารุณีกำลังยินดีกับเธอ หรือกำลังรังเกียจเธอกันแน่?
โสรยากำฝ่ามือ ภายในใจรู้สึกเกลียดชังอย่างมาก ทว่าสีหน้ายังคงยิ้มจางๆ “ขอบคุณคุณวารุณีแล้ว แต่ว่าครั้งนี้ฉันแสดงฝีมือออกมาได้ไม่ดี เลยถูกแบ่งไปอยู่กลุ่มบี ไม่สามารถประกวดอยู่ทีมเดียวกับคุณได้ ช่างน่าเสียดายจริงๆ”
วารุณีเสยผม “คุณโสรยาอย่าเศร้สใจขนาดนี้สิ การแข่งขันทุกรอบ ทุกกลุ่มที่จะแสดงผลงานแย่ที่สุดจะถูกตัดออกสองคน และก็จะมีสองคนที่แสดงผลงานดีที่สุดจะยิ่งเข้าใกล้กลุ่มที่อยู่เหนือกว่า ดังนั้นคุณโสรยายังมีโอกาสเข้ากลุ่มเอนะ”
ทั้งหมดมีอยู่หกกลุ่ม ก็คือเอถึงเอฟ การประกวดทุกรอบ สองคนสุดท้ายที่ผลงานแย่สุดจะถูกตัดออก งั้นทุกกลุ่มจะมีตำแหน่งว่างอยู่สองที่
และก็คือว่า สองคนที่ทำผลงานได้ดีที่สุดในกลุ่มบีจะเข้ากลุ่มเอกได้ สองคนที่สร้างผลงานได้ดีที่สุดของกลุ่มซีเข้ากลุ่มบีได้ เมื่อทำแบบนี้ สุดท้ายการแบ่งทีมจะค่อยๆ ลดลงเรื่อยๆ นี่ก็คือกฎกติกาของการประกวดในตอนนี้
ดังนั้นโสรยายังมีโอกาสเข้ากลุ่มเอจริงๆ
โสรยาก้มหน้ายิ้ม “งั้นฉันต้องขอบคุณคำพูดมงคลของคุณวารุณีแล้ว”
“ไม่ใช่คำพูดมงคลของฉันหรอก แต่เป็นความสามารถที่แท้จริงของคุณซูต่างหาก ด้านการออกแบบก็ไม่มีอะไรน่าพูดถึง แค่ว่าด้านการตัดเย็บนี่แย่ไปหน่อย ถ้าสามารถใช้การออกแบบที่ดีกว่ามาทดแทน ก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้” วารุณีมองเธอแล้วพูด
โสรยาทำนัยน์ตาเป็นประกาย “คุณพูดถูก”
“โอเคค่ะคุณโสรยา ฉันไม่คุยกับคุณแล้ว ไปกินข้าวก่อนเถอะ” วารุณีเห็นเชอรีนเดินมา จึงบอกลา
โสรยาพยักหน้า “ค่ะ”
วารุณีเดินไป
โสรยามองเธอ ภายในใจหม่นหมองเล็กน้อย
วารุณีพูดถึงฝีมือตัดเย็บของเธอ หรือว่าเธอมองอะไรออก?
ไม่มีทาง สไตล์ของเธอเปลี่ยนไปหมดแล้ว วารุณีน่าจะไม่มีทางสงสัยเรื่องพวกนั้นอยู่แล้ว
ยังไงมันก็คาดการณ์ไม่ถึงอยู่แล้ว โดยคนทั่วไป ก็คงไม่มีทางนึกถึงพวกนั้นอยู่แล้ว
หรือเธออาจจะคิดมากเกินไป วารุณีแค่พูดถึงทักษะการตัดเย็บที่ย่ำแย่ของเธอเท่านั้น คงจะรู้สึกตกตะลึง
อีกฝั่ง วารุณีและเชอรีนเจอกัน
เชอรีนชูนามบัตรเป็นปึก เธอรู้สึกตื่นเต้นไปทั้งเรือนร่าง “วารุณี เธอดูสิ มีแฟชั่นลีชกับดีไซเนอร์มากมายให้พวกนี้กับฉัน
“ฉันรู้ เธอทำได้ดีตอนอยู่บนเวทีT ดังนั้นถึงได้เข้าตาพวกเขา พวกเขาชื่นชมที่เธอมาจากตะวันออก เชื่อว่าหลังจากจบการประกวดนานาชาติคราวนี้แล้ว เธอก็คงได้อยู่สร้างอนาคตในต่างประเทศจนกว่าจะกลายเป็นซูเปอร์โมเดล และไม่มีทางได้กลับประเทศไปเป็นนางแบบเล็กๆแล้ว” วารุณีตบไหล่ของเธอ รู้สึกดีใจแทนเธอมาก
เชอรีนตื่นเต้นจนขอบตาแดง “ดีจังเลย ขอบคุณนะวารุณี ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเธอให้โอกาสนี้กับฉัน ฉัน…….”
“คนที่เธอต้องขอบคุณที่สุดคือสามีของฉัน เจ้านายของเธอ ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเขาเป็นคนแนะนำเธอให้ฉัน ฉันก็คงนึกเธอไม่ออก” วารุณีพูดยิ้มๆ
เชอรีนพยักหน้าต่อเนื่อง “ใช่ๆๆ เธอพูดถูก ครั้งหน้าตอนที่เธอติดต่อกับประธานนัทธี ช่วยฉันขอบคุณเขาด้วยนะ”
“ตอนนี้ก็ได้แล้ว” ขณะที่พูด วารุณีเอามือถือออกแล้วกดโทรเบอร์ของนัทธี
ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายในประเทศ นัทธีเพิ่งจะประชุมเสร็จและกำลังออกจากห้องประชุม มือถือดังขึ้นแล้ว
พอเห็นสายเข้า เขาก็กวาดมองไปด้วยความเหน็ดเหนื่อย จากนั้นก็รับสายด้วยนัยน์ตาอ่อนโยน “ที่รัก”
ภรรยาที่ได้ยินเสียงนี้ก็อดหน้าแดงขึ้นมาไม่ได้ “ไม่ได้รบกวนคุณทำงานใช่ไหม?”
“เปล่า” นัทธียกมือปฏิเสธเอกสารที่มารุตยื่นมาให้
วารุณีพยักหน้า “งั้นก็ดี”
“ประกวดเสร็จแล้วเหรอ?” นัทธีผลักประตูออฟฟิศแล้วเข้าไป
มารุตเดินตามอยู่ด้านหลังด้วยสีหน้าขมขื่น
วารุณีตอบกลับอืม “จบแล้ว ฉันได้เข้าทีมเอด้วย”
นัทธีรู้กฎกติกาการประกวด ดังนั้นจึงร้อยู่แล้วว่าทีมเอกเป็นยังไง นัยน์ตาเป็นประกายด้วยความชื่นชม “ดีมาก ยินดีด้วย”
“ขอบคุณ” วารุณีตอบกลับยิ้มๆ “อ้อ ใช่แล้ว ยังมีเชอรีน เธอให้ฉันช่วยขอบคุณคุณ ครั้งนี้เธอได้ออกโบยบินแล้ว”
“ฉันแค่ให้โอกาสเธอเท่านั้น เธอสามารถออกโบยบินได้ เป็นความสามารถของเธอเอง” นัทธีพูดด้วยเสียงเรียบ
วารุณีมองเชอรีนที่รู้สึกซาบซึ้งอย่างมากเพียงแวบตาเดียว จึงไม่รู้จะร้องไห้หรือหัวเราะดี “คุณพูดถูก”
นัทธีขยับริมฝีปากบาง แล้วกำลังจะตอบกลับ จู่ๆ เสียงมือถือดังขึ้น
เขาเหลือบตามองมารุตเพียงชั่วพริบตา
มารุตยิ้มอย่างเกรงใจ แล้วรีบเอามือถือออกมา มองเห็นเบอร์ที่อยู่ด้านบน สีหน้าของเขาจริงจังขึ้นมาทันที
“ท่านประธาน ยามที่เฝ้าคุณนวิยาโทรมา ผมไปรับสายก่อนครับ” มารุตชี้มือถือแล้วพูด
นัทธีเชยคางขึ้นเล็กน้อย แล้วตอบตกลง
มารุตหันไปตรงที่ไม่ไกล
วารุณีได้ยินเสียงเคลื่อนไหว จึงถาม “เป็นอะไรไป?”
“ไม่มีอะไร มือถือของมารุต” นัทธีตอบกลับสั้นๆ
วารุณีพยักหน้าโดยทันที
จากนั้นเธอกำลังจะเปลี่ยนประเด็นพูดคุย กำลังจะพูดเรื่องน่าสนใจในการประกวด
ระหว่างนี้ เธอก็พูดถึงศัพท์เฉพาะที่เกี่ยวกับการออกแบบมากมาย
ถึงแม้นัทธีฟังไม่ค่อยรู้เรื่องมากนัก ทว่าก็ไม่ได้ขัดจังหวะเธอ แล้วฟังอย่างตั้งใจมาโดยตลอด เป็นผู้ฟังที่ดี
เวลานี้ มารุตคุยสายเสร็จแล้วทำหน้าที่ไม่ค่อยดี “ท่านประธาน”
“เป็นอะไรไป?” นัทธีเลิกคิ้ว
มารุตสูดลมหายใจเข้าลึกๆ “คุณนวิยาฆ่าตัวตาย”
คำพูดนี้ออกมา บรรยากาศนิ่งเงียบขึ้นมาทันที
นัทธีทำสีหน้าหม่นหมอง ผ่านไปสักพักถึงจะพูดด้วยเสียงเรียบ “นายพูดว่าอะไรนะ?”
“คุณนวิยากรีดแขนฆ่าตัวตายครับ” มารุตพูดขึ้นอีกครั้ง
นัทธีลุกขึ้นทันที “ฆ่าตัวตายงั้นเหรอ?”
“ครับ” มารุตพยักหน้า “ครึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้ ยามไปเอาพวกถ้วยชามช้อนซ้อมของคุณนวิยา หลังจากเข้าไปถึงประตู ในห้องไม่มีใครเลย ยามก็เริ่มหาคุณนวิยา สุดท้ายหาคุณนวินาที่กรีดข้อมือเจอครับ”
นัทธีจับมือถือไว้แน่นๆ แล้วไม่พูดไม่จา บรรยกาศล้อมตัวกดต่ำลง
วารุณีสัมผัสได้ ได้ยินเขาเพิ่งพูดขึ้น แล้วขมวดคิ้ว “นัทธี เป็นอะไรไป ใครฆ่าตัวตาย?”
“นวิยา” นัทธีตอบกลับ
ม่านตาของวารุณีหดเล็กลง “อะไรนะ? เธอฆ่าตัวตายงั้นเหรอ?”
“อืม”
ครั้งนี้วารุณีนิ่งงันไปแล้วจริงๆ ผ่านไปหลายวิถึงจะได้สติกลับมา “งั้นตอนนี้เธอ…….ไม่เป็นไรใช่ไหม?