แม้วารุณีจะตกใจว่าทำไมนิรุตติ์ถึงมาอยู่ที่นี่ได้ แถมยังมาช่วยเธอได้ทันเวลาด้วย
แต่เธอก็ไม่ได้มีเวลามาคิดอะไรมากมาย เลยรีบตะโกนไปทางนิรุตติ์ด้วยความร้อนใจ “ระวัง!”
คนดำคนหนึ่งกำลังกำหมัด ก่อนจะต่อยไปทางหัวของนิรุตติ์ด้วยความรุนแรงร้ายกาจ
ถ้านิรุตติ์ถูกทำร้ายเข้าตรงๆ คงจะหมดสติไปตรงนั้นเลย
ดังนั้นวารุณีเลยรีบเตือนเขา
นิรุตติ์เองก็มีสติทันที เลยหลบหมัดของคนดำคนนั้นได้ จากนั้นก็ยื่นเท้าออกมาข้างหนึ่ง ก่อนจะกวาดไปทางด้านหน้า เมื่อเกิดท่าทีแบบนั้นขึ้น คนดำที่เหวี่ยงหมัดมาก็ล้มลงกับพื้น
คนดำหัวโขกพื้น ก่อนจะเจ็บจนปีนขึ้นมาไม่ได้
เมื่อคนดำอีกคนเห็นดังนั้น หลังจากที่ด่าออกไป ก็กำหมัดเข้ามา ก่อนจะต่อยไปที่นิรุตติ์
ครั้งนี้ นิรุตติ์ไม่มีทางจะรับมือแล้ว
เมื่อครู่เขาเพิ่งถูกต่อยที่ท้อง ตอนนี้ยังรู้สึกเจ็บที่ท้องอยู่ บวกกับเพิ่งเตะตัดขาคนไป เขาใช้แรงทั้งหมดไปแล้ว
ดังนั้นตอนนี้ ถึงเขาอยากหลบก็หลบไม่ได้แล้ว
เห็นเพียงนิรุตติ์กำลังจะถูกทำร้าย วารุณีก็หวั่นใจ พลางปรายตามองเห็นหินก้อนหนึ่งที่พื้น
เธอขบริมฝีปาก หลังจากที่ตัดสินใจแล้ว ก็หยิบก้อนหินนั้นขึ้นมาพลางโยนไปที่คนดำคนนั้น
เสียงตุ้บดังขึ้น
มันไปโดนหัวของคนดำพอดี เลยล้มไม่ได้สติลงกับพื้น
วารุณีไม่ได้ทำเพียงเท่านั้น แต่ยังเดินเข้าไปหยิบก้อนหิน จากนั้นก็หันหัวไปมองไปทางคนดำที่ถูกนิรุตติ์เตะล้มไป หลังจากสูดหายใจเข้าแล้ว ก็โยนก้อนหินไปอีก
คนดำคนนั้นเองก็สลบไป
ฉากนี้ เห็นจนทำให้นิรุตติ์ตะลึงไป และตกใจความกล้าหาญของวารุณี และเด็ดขาดเป็นอย่างมาก
ไม่แปลกเลยที่จะเป็นหญิงที่เขาหลงรักน่ะ
“เหอะๆ” นิรุตติ์ยิ้มมุมปากขึ้น ก่อนจะหัวเราะเสียงเบา
หลังจากที่วารุณีได้ยิน ก็หันหัวไปมอง ก่อนจะขยับริมฝีปากเล็กน้อย เหมือนอยากจะพูดอะไร แต่ขาก็อ่อนลง ก่อนจะล้มลงไปที่พื้น
นิรุตติ์เห็นดังนั้น สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที เลยไม่มีเวลาสนใจความเจ็บปวดที่ท้องของตัวเอง ก่อนจะลุกไปรับเธอ “คุณเป็นอะไรหรือเปล่า?”
วารุณีกะพริบตาปริบๆ แต่ก็ไม่ได้ตอบอะไร จากนั้นหัวก็เอียงก่อนจะสลบไป
นิรุตติ์ขมวดคิ้วแน่น ก่อนจะโอบเอวของเธอเอาไว้ พลางรีบเดินไปที่รถของตัวเอง ก่อนจะวางเธอบนรถ จากนั้นก็โทรหาผู้ช่วยของตัวเอง เพื่อให้จัดการคนดำสองคน ตัวเองก็ไปส่งวารุณีที่โรงพยาบาล
หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง ในห้องพักผู้ป่วย
นิรุตติ์ถามคุณหมอ” เธอไม่เป็นไรใช่ไหม?”
“ไม่มีอะไร แค่ตั้งท้อง เลยขาดเลือด บวกกับการตกใจอย่างมาก ค่าไตก็สูงมาก ดังนั้นเลยหมดสติไป เดี๋ยวฟื้นขึ้นมาก็โอเคแล้ว” คุณหมอตอบ
นิรุตติ์โล่งอก ในใจก็อดไม่ได้ที่จะหนักใจขึ้นมา
ตั้งท้องแล้วเหรอ!
นี่ เธอท้องลูกของนัทธีเหรอ?
นิรุตติ์มองไปที่ท้องของวารุณี ก่อนจะหรี่ตามองด้วยความอันตราย
มันยังไม่ป่องขึ้นมา แต่กลับทำให้พวกเขารู้สึกขัดตาเป็นอย่างมาก
“คุณหมอ ไม่เอาเด็กคนนี้ได้ไหม?” จู่ๆ นิรุตติ์ก็ถามขึ้นมา
คุณหมออึ้งไป “คุณผู้ชาย คุณไม่อยากเก็บเด็กในท้องของภรรยาคุณไว้เหรอ?”
นิรุตติ์พยักหน้ารับ “ฉันกับภรรยายังไม่คิดจะมีลูกน่ะ แต่ลูกมาเร็วเกินไปหน่อย ดังนั้น……”
คุณหมอเข้าใจแล้ว หลังจากที่เงียบไปสักพักก็ตอบ” ตอนนี้ลูกของภรรยาคุณยังไม่ถึงสองเดือนเลย ทำแท้งได้ แต่เรื่องนี้ คุณปรึกษากับภรรยาคุณก่อนเถอะ”
“ไม่ต้องปรึกษาอะไรหรอก ฉันเพิ่งพูดไป เรายังไม่อยากมีลูกตอนนี้ ดังนั้นคุณหมอ รบกวนคุณ……”
นิรุตติ์กำลังจะรบกวนให้คุณหมอพาวารุณีเข้าไปในห้องผ่าตัด แล้วทำแท้ง จู่ๆ วารุณีก็พึมพำขึ้นมา ขนตาก็ขยับ เหมือนกำลังจะฟื้นขึ้นมา
นิรุตติ์มีแววตามืดดำไป ก่อนจะหายวับไป พลางยิ้มให้คุณหมอแล้วพูด” ภรรยาของฉันฟื้นแล้ว คุณออกไปก่อนเถอะ”
“ได้เลย” คุณหมอพยักหน้า ก่อนจะหันตัวเดินไป
เขาเพิ่งจะก้าวเท้าหน้าไปเท่านั้น วารุณีก็ตื่นขึ้นทันที
วารุณีนวดขมับ ก่อนจะลืมตาขึ้นมา สิ่งที่เห็นเป็นอย่างแรกคือเพดานสีขาว
ตอนนั้นเอง ก็มีเสียงถามอย่างเป็นห่วงมาจากบนหัว “ฟื้นแล้วเหรอ”
วารุณีหันหัวไปมอง ก่อนจะเห็นใบหน้าหล่อเหลาที่คุ้นตา
นิรุตติ์
วารุณีเม้มปากแดงๆ ในตาก็มีความระแวดระวัง
นิรุตติ์เห็นดังนั้น แววตาก็มืดลง เพียงไม่นานก็ยิ้มขึ้นมา “เป็นอะไร กลัวฉันเหรอ?”
วารุณียังไม่ทันตอบ ก็ยันตัวขึ้นนั่ง ก่อนจะขยับไปอีกด้าน เพื่อรักษาระยะห่างจากเขา
“ผู้อำนวยการนิรุตติ์ คุณเป็นคนส่งฉันมาที่โรงพยาบาลเหรอ?” เธอถาม
นิรุตติ์ลากเก้าอี้มานั่งลง “ใช่ คุณหมดสติไป”
วารุณีขบริมฝีปาก “ขอบคุณนะ แล้วก็ขอบคุณที่ตอนนั้นคุณช่วยฉันด้วย”
นอกจากเธอจะเกลียดผู้ชายคนนี้มาก แล้วก็กลัวชายคนนี้ด้วยเช่นกัน
แต่ว่าเธอไม่ยอมรับไม่ได้เลย ว่าถ้าตอนนี้เขามาไม่ทัน เกรงว่าตอนนี้เธอจะ……
เธอตัวสั่น วารุณีไม่กล้าคิดต่อไป ก่อนจะกอดตัวเองโดยสัญชาตญาณ
นิรุตติ์ส่งน้ำอุ่นให้เธอแก้วหนึ่ง “ดื่มน้ำหน่อยนะ จะได้ไม่หนาว”
วารุณีมองน้ำที่มีควันร้อนขึ้นมา พลางไม่รับไว้ด้วยความสงสัย
นิรุตติ์ยิ้ม “ทำไม กลัวฉันวางยาเหรอ?”
วารุณีเงยหน้ามองเขาเล็กน้อย เหมือนกับยอมรับ
นิรุตติ์เองก็ไม่โกรธอะไร รอยยิ้มนั้นก็มีมากขึ้น “วางใจเถอะ ฉันไม่ได้วางยา ถ้าฉันอยากทำร้ายคุณจริงๆ ตอนนั้นคงไม่ช่วยคุณ แล้วก็ไม่มีทางส่งคุณมาที่โรงพยาบาลด้วย ดื่มอย่างวางใจเถอะ”
ได้ยินดังนั้น หลังจากที่วารุณีขบริมฝีปาก ก็รับน้ำแก้วนั้นมา “ขอบคุณ”
“ไม่เป็นไร” นิรุตติ์เอามือลง
วารุณีดื่มน้ำ ความอุ่นของน้ำนั้นมันลงคอไป เพียงไม่นานก็ไล่ความหนาวเหน็บเพราะความกลัวออกจากร่างกายของเธอ มันทำให้ใบหน้าซีดเซียวของเธอ ค่อยๆ กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง
นัทธีกุมหัว ก่อนจะยิ้มหรี่ตาพลางมองเธอ
วารุณีถูกพวกเขามองจนทำตัวไม่ถูก เลยหดคอลง แล้วเปลี่ยนเรื่องคุย “จริงสิ ผู้อำนวยการนิรุตติ์มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”
“ฉันมาที่นี่เพราะมีธุระ” นิรุตติ์ตอบอย่างคลุมเครือ เห็นได้ชัดว่าไม่อยากพูดอะไรที่ละเอียดมาก
หลังจากที่วารุณีเข้าใจแล้ว ก็ไม่ได้ถามอะไรอีก
ในห้องพักผู้ป่วย เข้าสู่ความเงียบอีก
ผ่านไปสักพัก ประตูของห้องพักผู้ป่วยก็ถูกเคาะ
นิรุตติ์หันหัวมา “เข้ามา”
เมื่อประตูถูกผลักออก ก็มีชายคนหนึ่งเดินเข้ามา “ผู้อำนวยการนิรุตติ์ คนดำทั้งสองนั้นถูกจัดการแล้ว”
เมื่อได้ยินคำนี้ มือที่วารุณีถือแก้ว ก็จับแน่นขึ้น
นิรุตติ์เห็นดังนั้น แว่นก็สะท้อนแสง “จัดการอย่างไร?”
“คนดำทั้งสองนั้นชอบทำผิดอยู่แถวนี้ ปกติไม่ค่อยมีคนกล้ายั่วโมโหพวกเขา ดังนั้นเลยไม่มีใครแจ้งความ ตำรวจเองก็ขี้เกียจสนใจ ฉันเพิ่งส่งพวกเขาไปที่สถานีตำรวจ แล้วก็บริจาคสิ่งของที่ตำรวจต้องใช้ชุดหนึ่ง ทำให้ทางตำรวจตอบตกลง ว่าจะขังพวกเขาไว้จนตาย” ผู้ช่วยตอบ
มันเป็นเกณฑ์ของทางตำรวจแถบตะวันตก
ตำรวจในสถานีของทางตะวันตกนั้นชิลเป็นอย่างมาก เพียงแค่ไม่มีใครแจ้งความ ถึงจะมีคนกรรโชกต่อหน้าพวกเขา พวกเขาก็ไม่มีทางสนใจ
แต่ว่าเมื่อแจ้งความแล้ว ก็ต้องให้ประโยชน์พวกเขาหน่อย พวกเขาก็ยินดีที่จะเอาคนผิดไปจัดการลงโทษให้ถึงที่สุด
“พอใจกับผลที่ออกมาไหม?” นิรุตติ์มองไปทางวารุณี
วารุณีค่อยๆ ปล่อยมือออกจากแก้วน้ำ พลางพยักหน้า “อือ ขอบคุณผู้อำนวยการนิรุตติ์มากนะ”
“งั้นคุณจะตอบแทนฉันอย่างไรล่ะ?” จู่ๆ นิรุตติ์ก็เข้ามาใกล้เธอ
วารุณีเอนหลังไปโดยสัญชาตญาณ ก่อนจะขมวดคิ้ว
ตอบแทนงั้นเหรอ?
เธอจะตอบแทนแน่นอน แต่ว่าเธอไม่กล้าให้เขาขออะไรขึ้นมา
เรื่องในครั้งก่อน ตอนนี้เธอยังลืมไม่ลง
“ฉันเลี้ยงข้าวผู้อำนวยการนิรุตติ์สักมื้อก็แล้วกัน” วารุณีคิดเล็กน้อยก่อนจะตอบ
นอกจากเลี้ยงข้าวแล้ว เธอเองก็ไม่รู้ว่าจะขอบคุณเขาอย่างไรดี
ตอนแรกคิดว่านิรุตติ์จะไม่ตอบตกลง แล้วจะเสนอสิ่งที่จะตอบแทนมากขึ้นไปอีกเสียอีก
แต่คิดไม่ถึงเลยว่า เขาจะตอบตกลง
นี่มันทำให้วารุณีอดไม่ได้ที่จะรู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมาก
“เป็นอะไรเหรอ?ตกใจมากไหม?” นิรุตติ์ยิ้มพลางถาม