เอมี่กับทิฟฟานี่นางแบบของเธอ จู่ๆก็ไม่อยู่ที่คุก แต่ถูกย้ายไปลงโทษที่คุกที่ใหญ่กว่าอย่างลับๆ
ได้ยินว่าคุกที่นั่น ด้านในที่ขังไว้ ล้วนแต่เป็นคนโหดเหี้ยมร้ายกาจอย่างมาก เอมี่กับทิฟฟานี่ ยังไงก็ไม่มีทางที่จะย้ายไปคุกแบบนั้นแน่
แต่พวกเธอดันถูกย้ายไป นี่มันมีปัญหาชัดๆ
กลับไปที่รถ สีหน้าเชอรีนซีดขาวเล็กน้อย สักพักจึงพูดส่งเสียงว่า“วารุณี คงไม่ได้เป็นแบบที่เธอคิดหรอกนะ ไม่ใช่พวกเอมี่ที่ทำ?”
วารุณีบีบพวงมาลัย“บางทีพวกเธออาจจะรับผิดแทนคนอื่น อาชญากรที่แท้จริงพาพวกเธอไปคุกแบบนั้น เพื่อไม่อยากให้พวกเราไปเจอพวกเอมี่ พวกเอมี่จะได้ไม่ได้พูดความจริงออกมา”
“พระเจ้า น่ากลัวมาก”เชอรีนถูแขนอย่างทนไม่ไหว“วารุณี เธอว่าฆาตกรตัวจริงคือสองคนไหนกันแน่ ถึงได้มีความสามารถขนาดที่ว่า ย้ายพวกเอมี่ไปได้”
วารุณีเม้มริมฝีปาก สักพักจึงตอบว่า:“ฉันก็ไม่รู้ แต่ว่าเรื่องนี้ไม่จบแน่ ทางเจ้าภาพรู้เรื่องนี้หรือไม่”
“ถ้ารู้ ก็หมายความว่าทางเจ้าภาพจะต้องยืนอยู่ข้างฆาตกรตัวจริง”เชอรีนพูดอย่างจริงจัง
วารุณีขมวดคิ้วแน่น“ไม่ว่าอย่างไร เรื่องนี้อย่าไปถามทางเจ้าภาพ ถ้าทางเจ้าภาพปิดบังแทนฆาตกรจริงๆ พวกเราถามไป ก็จะยั่วโมโหเจ้าภาพได้ และเป็นไปได้ว่าทางเจ้าภาพก็จะแอบกลั่นแกล้งพวกเรา”
“งั้นพวกเราจะทำอย่างไรดี?”เชอรีนขมวดคิ้ว
วารุณีกดพวงมาลัย“เราจะสืบอย่างลับๆกันเอง แล้วเดี๋ยวค่อยไปหาสำนักงานนักสืบ”
ภายในสามเดือน ยังไงก็สืบได้น่ะ
เชอรีนพยักหน้า“ก็ได้แต่แบบนี้แหละ งั้นต่อไปพวกเราไปโรงพยาบาลเถอะ”
วารุณีตอบอือ
ตลอดทางไม่พูดอะไร ครึ่งชั่วโมงถัดมา ก็มาถึงโรงพยาบาล
ถึงไม่ใช่ที่วารุณีไปมาเมื่อวาน แต่ก็หนึ่งในโรงพยาบาลใหญ่ของทางนี้
วารุณีจอดรถเสร็จ ก็ไปลงทะเบียนที่แผนกสูติกับเชอรีน
พยาบาลคนหนึ่งเห็นชื่อของเธอ ดวงตาก็หม่นลงไปเล็กน้อย จากนั้นทำท่าเชื้อเชิญ “คุณผู้หญิงคะ เชิญตามฉันมาค่ะ”
“เชอรีน ฉันไปละนะ”วารุณีเอากระเป๋ายื่นให้เชอรีน
เชอรีนรับมา“ไปเถอะ ฉันรอเธอตรงนี้เอง”
วารุณียิ้ม แล้วตามพยาบาลเข้าไปในห้องตรวจ
หมอท่านหนึ่งกำลังรออยู่แล้ว
พยาบาลแนะนำ:“คุณหมอปีเตอร์ นี่วารุณีค่ะ”
ได้ยินเสียงของพยาบาล แว่นตาหมอสะท้อนเล็กน้อย“ผมทราบแล้ว คุณออกไปก่อนเถอะ”
พยาบาลตอบรับ แล้วหันกลับออกไป
คุณหมอปีเตอร์ส่งสัญญาณให้วารุณีนอนที่เตียงตรวจ
วารุณีนอนลงไปอย่างเชื่อฟัง และถกชายเสื้อขึ้น เผยให้เห็นช่วงท้องน้อย
คุณหมอปีเตอร์หยิบเครื่องมือขึ้นมาวางไว้ที่หน้าท้องน้องของเธอแล้วทำการตรวจ
วารุณีมองหน้าจอคอมตรงนั้น บนหน้าจอเป็นสถานะตั้งครรภ์ของเธอ
เนื่องจากจำนวนเดือนยังน้อยมาก ลูกในท้องของเธอก็ยังเป็นก้อนเนื้อเล็กๆ แม้แต่มือเท้าและศีรษะก็ยังไม่โตออกมา
แต่วารุณีจึงมองไปอย่างนั้น ใจแทบจะละลาย
นั่นคือลูกของเธอ
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน การตรวจของคุณหมอปีเตอร์ก็จบลง
วารุณีนั่งขึ้นมา จัดเสื้อผ้าเรียบร้อย จึงลงจากเตียงแล้วถามว่า:“หมอคะ ลูกของฉันเป็นไงบ้าง?”
เธอไม่ได้ถามว่าลูกตัวเองมีปัญหาหรือไม่ เธออยากฟังว่าหมอจะพูดอย่างไร
คุณหมอปีเตอร์กลับไปที่โต๊ะทำงานแล้ว ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย อาการที่ใบหน้านั้นดูซีเรียส
วารุณีเห็นแบบนี้ ในใจก็เต้นตึกตัก มือทั้งสองข้าง ก็อดไม่ได้ที่จะกำขึ้นมา
คงไม่ใช่ว่า ลูกของเธอมีปัญหาจริงๆหรอกนะ?
“หมอคะ?”เห็นคุณหมอปีเตอร์ชักช้าไม่ตอบ วารุณีจึงร้อนใจเล็กน้อย
คุณหมอปีเตอร์เงยมองเธอ ถอนหายใจ“คุณวารุณี ขอโทษด้วยนะครับ เด็กในท้องของคุณมีการพัฒนาผิดปกติ”
“อะไรนะ?”วารุณีตะลึง สองสามวินาทีต่อมา จึงพูดด้วยสีหน้าซีดขาว “ความผิดปกติ?คุณหมายถึง ลูกของฉันมีการพัฒนาไม่ดี?”
“ไม่ดีอย่างมาก เด็กในท้องของคุณ เป็นไปได้ว่าจะไม่ครบสามสิบสองประการ ไม่งั้นก็อวัยวะไม่ครบ คุณเข้าใจไหม?”คุณหมอปีเตอร์มองวารุณีอย่างจริงจัง
วารุณีตัวสั่น เกือบล้มลงไป ยังดีที่จับโต๊ะไว้ทัน จึงไม่เกิดผลที่ตามมาแบบนั้น
“ทำไมถึงเป็นแบบนี้ได้?”วารุณีกัดริมฝีปาก จ้องคุณหมอปีเตอร์แล้วถาม“ทั้งๆที่ตอนที่ตรวจก่อนหน้านี้ ลูกของฉันแข็งแรงดี และไม่มีปัญหาอะไร ทำไมตอนนี้ถึง……”
“ช่วงแรกของการตั้งครรภ์อะไรก็เป็นไปได้ทั้งนั้น เด็กในท้องของหญิงตั้งครรภ์จำนวนมาก ที่สองสามเดือนก่อนมีการพัฒนาปกติ แต่ต่อมาจู่ๆกลับกลายเป็นภาวะตายคลอด สถานการณ์แบบนี้มีไม่น้อย”คุณหมอปีเตอร์ตัดบทเธอ
ร่างของวารุณีกำลังสั่น ชัดเจนว่ารับความจริงนี้ไม่ได้
คุณหมอปีเตอร์ถอนหายใจ“คุณวารุณี ผมรู้ว่าจิตใจของคุณนั้นยากที่รับได้ แต่เด็กในท้องคุณนี้เอาไว้ไม่ได้จริงๆ นี่คือความรับผิดชอบต่อคุณกับต่อเด็กคนนี้ คุณคงไม่อยากให้เด็กที่คุณคลอดออกมาเอง ได้รับสายตาแปลกๆจากคนอื่นหรอกใช่ไหม?”
“……”วารุณีไม่พูด มือสองข้างนั้นกุมท้องของตัวเองแน่น รู้สึกเยือกเย็นไปทั้งตัว
ทำไมจึงเป็นแบบนี้ได้
ลูกของเธอทำไมถึงเกิดปัญหาแบบนี้ขึ้นได้?
ทั้งๆที่เธอไม่ได้กินอะไรแปลกๆ
เบ้าตาของวารุณีค่อยๆแดงขึ้นมา หัวใจก็แอบเจ็บปวด
คุณหมอปีเตอร์มองสภาพของเธอ แล้วก็ละสายตาลงเล็กน้อย ปกปิดความหม่นหมองในดวงตาเขา โน้มน้าวไปอีกครั้งว่า:“คุณวารุณี ตอนนี้คุณตั้งครรภ์ยังไม่ถึงสองเดือน เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่จะเอาเด็กคนนี้ออกพอดี ถ้ารอเดือนต่อไปจะโตขึ้น แล้วเอาเด็กออกล่ะก็ จะไม่ดีต่อร่างกายของคุณ ถ้าคุณยินยอม ทางเราก็ทำการผ่าตัดให้คุณให้เลยตอนนี้”
วารุณียืนขึ้นมาทันที“ไม่……เด็กคนนี้ฉันไม่……”
“เขามีความผิดปกติ”คุณหมอปีเตอร์ตัดบทเธออีกครั้ง น้ำเสียงนั้นจริงจัง“ถ้าคุณจะคลอดต่อไป อวัยวะกับมือและเท้าของเด็กจะไม่ครบองค์ประกอบซึ่งนั่นเป็นปัญหาไม่หนักหรอก ที่รุนแรงนั้น เป็นไปได้ว่าเด็กคนนี้คลอดมาแล้วจะเป็นผู้ป่วยที่อยู่ในสภาพผัก ไม่งั้นก็จะอยู่ในภาวะตายคลอดได้ คุณเข้าใจไหม?”
ผู้ป่วยในสภาพผัก ภาวะตายคลอด……
ริมฝีปากของวารุณีสั่น พูดคำว่าอยากเอาเด็กคนนี้ไว้ไม่ออกอีกต่อไป
เพราะสถานการณ์แบบนี้ เธอรับไม่ได้
แม้ว่ามือเท้าและอวัยวะของเด็กไม่ครบองค์ประกอบ เธอก็รับไม่ไหว ไม่ใช่ว่ารังเกียจเด็ก แต่กลัวว่าเด็กโตมาแล้วจะด้อยค่าตัวเอง รังเกียจตัวเขาเอง
และยิ่งกลัวว่าคนอื่นจะใช้สายตาแปลกๆมาปฏิบัติต่อเด็กคนนี้ด้วย
ดังนั้นเด็กคนนี้ เธอเอาไว้ไม่ได้จริงๆ แต่จะให้เธอเอาเด็กคนนี้ออกไปจริงๆ เธอก็ทำไม่ได้
เวลานั้น วารุณีจึงรู้สึกลำบากใจอย่างมาก
คุณหมอปีเตอร์มองออก จึงไม่ได้โน้มน้าวต่อ
เพราะถ้าโน้มน้าวมากเกินไป มีแต่ทำให้เกิดความสงสัย
“ผมว่าคุณวารุณีคงยังตัดสินใจไม่ได้ในทันที แบบนี้ละกัน คุณกลับไปคิดให้ดี คิดดีแล้วค่อยมาอีกครั้งดีไหมครับ?”นิ้วทั้งสิบของคุณหมอปีเตอร์ไขว้ประสานกันอยู่บนโต๊ะทำงาน พูดกับวารุณีด้วยรอยยิ้มอันอบอุ่น
วารุณีฝืนยิ้มออกไป แล้วพยักหน้า“ค่ะ รบกวนคุณหมอด้วยนะคะ”
“ไม่เป็นไร”คุณหมอปีเตอร์ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
วารุณีก้มหน้าออกไปจากห้องตรวจ มารวมตัวกับเชอรีนที่ด้านนอก
เชอรีนเห็นเธอออกมาอย่างหมดอาลัยตายอยาก ในใจก็รู้สึกถึงลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมา
“วารุณี ทำไมเธอออกมาแบบนี้ล่ะ คงไม่ใช่ว่าเด็กในท้องของเธอ มีปัญหา……”
คำพูดต่อจากนั้น เชอรีนไม่ได้พูด แต่ความหมายนั้นชัดเจน
วารุณีมองเธออยู่สักพัก ร้องไห้กอดเธอไว้“เชอรีน ฉันทำอย่างไรดี?”
เชอรีนมองสภาพอ่อนแอของวารุณีแบบนี้ ก็ตบหลังเธออย่างสงสาร “ไม่เป็นไรๆนะ ฉันยังอยู่นี่กับเธอ ไม่ต้องกลัว”
วารุณีเอาหน้าซุกไปที่ไหล่ของเธอ แล้วร้องไห้อย่างเสียใจ