“พวกเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ในเรื่องปิดประตูขังฉันกับเรื่องทำร้ายเธอ แต่กับเรื่องอื่นนั้นไม่ใช่ เมื่อก่อนทิฟฟานี่เคยแย่งชิงตำแหน่งการเป็นตัวแทนเดินแบบ โดยใช้น้ำมันทาไปยังรองเท้าส้นสูงของนางแบบอีกคน ทำให้นางแบบคนนั้นล้มจนขาหัก ทำลายอาชีพนางแบบของเขาไปตลอดชีวิต ”
“อะไรนะ?”เชอรีนตกใจจนอ้าปากค้าง “มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นด้วยเหรอ ”
วารุณีตอบอืมกลับมาคำหนึ่ง“ ทางผู้จัดการแข่งขันบอกว่า นอกจากทิฟฟานี่แล้ว เอมี่ก็เอาแบบของผู้ช่วยมาเป็นของตัวเอง ใส่ชื่อตัวเองลงไปและถูกตรวจสอบพบ ดังนั้นสำหรับคนสองคนที่มีพฤติกรรมที่ไม่ดี ทางผู้จัด ก็จึงตัดสิทธิ์การแข่งขัน ไม่ให้พวกเขาเข้าร่วมอีก แล้วให้ติดคุกต่อไป”
“แบบนี้นี่เอง งั้นก็สมควรแล้ว”เชอรีนเบะปาก
“พอแล้ว ฉันจะขึ้นไปข้างบนก่อน ขอไปคุยโทรศัพท์หน่อย ”วารุณีวางแก้วในมือลงแล้วลุกขึ้นยืน
เชอรีนหัวเราะแหะๆ “คุยกับประธานนัทธีล่ะสิ ?”
วารุณีกลอกตาใส่ ไม่ตอบว่าที่พูดนั้นถูกหรือไม่
ภายในห้อง เธอกดโทรไปหานัทธี บอกเล่าเรื่องราวที่ประชุมมาให้เขาได้ฟัง
หลังจากที่นัทธีฟังจบ ก็พยักหน้าให้เล็กน้อย “ผลเป็นแบบนี้ก็ไม่เลวเหมือนกัน”
ขอแค่พิชญาถูกควบคุมอยู่ภายใต้การดูแลของพวกเขา จุดจบคนอื่นจะเป็นยังไง เขาก็ไม่สนใจอะไรมากนัก
“อีกเรื่อง เส้นผมของพิชญาได้มาแล้วนะ” จู่ๆนัทธีก็นึกเรื่องนี้ขึ้นมาได้ จึงพูดขึ้นมา
วารุณีตอบอืมกลับมาคำหนึ่ง“ ฉันรู้ ฉันเห็นมีคนเซ็นรับแล้ว เอาไปตรวจแล้วหรือยังคะ ?”
“เอาไปแล้ว สามวันก็รู้ผล ”นัทธีพยักหน้าให้
วารุณีหัวเราะออกมา“เรื่องนี้ไม่ต้องรีบ ต่อให้รู้ผลในตอนนี้ ฉันก็ยังไม่คิดจะบอกสุภัทร มันยังไม่ถึงเวลา”
แม้นัทธีจะสงสัยว่าเวลาที่เธอพูดนั้นมันคือตอนไหน แต่เธอไม่บอก เขาก็ไม่อยากถาม
เพราะถ้าถึงเวลานั้นจริงๆ ก็คงจะรู้เอง
“อีกเรื่อง เมื่อวานสุภัทรเขามาหาผม”นัทธีกล่าว
วารุณีขมวดคิ้ว “เขามาหาคุณทำไม ? เรื่องของพิชญาเหรอคะ ?”
“ใช่ เขาอยากให้ผมปล่อยพิชญาไป แต่ผมไม่ได้เจอตัวเขานะ มารุตเป็นคนรับหน้า ”นัทธีตอบกลับ
วารุณีพยักหน้า“ ทำถูกแล้วค่ะ”
“นอกจากเรื่องนี้ ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง ผมคิดๆดูแล้ว ยังไงก็ต้องบอกคุณ เพราะมันเกี่ยวกับสุภัทร ยังไงเขาก็เป็นพ่อของคุณ”นัทธีเม้มปาก
วารุณีเอียงคอด้วยความสงสัย“เรื่องอะไรคะ?”
“เมื่อวานตอนที่มารุตรับหน้าสุภัทรอยู่ จู่ๆสุภัทรก็เป็นลมหมดสติ มารุตนำตัวเขาส่งโรงพยาบาล ตรวจแล้วพบว่าร่างกายของสุภัทรมีปัญหา”นัทธีกล่าว
วารุณีหรี่ตาลง“ เขาป่วยหนักเหรอ?”
“ไม่ใช่ เขาถูกวางยาพิษ” นัทธีส่ายหัว
วารุณีประหลาดใจ “อะไรนะ ? วางยาพิษ?”
“ใช่ หมอตรวจเจอว่าร่างกายของเขามีพิษเรื้อรังสะสม ซึ่งจะทำลายเส้นประสาทและร่างกายของเขาให้อ่อนแอลงอย่างช้าๆ และสุดท้ายก็จะตายไปอย่างเงียบๆในที่สุด”นัทธีกล่าวเสียงเข้ม
วารุณีอ้าปากค้าง “เขาถูกวางยาพิษแบบนี้ได้ยังไงคะ ?”
“ผมให้มารุตไปเช็กมาแล้ว เป็นฝีมือของขยานี ”
ขยานีเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดา แม้จะอำมหิต แต่ก็โง่เขลามาก
สิ่งที่เขาทำ ไม่ได้ปิดบังอำพรางอะไรเลย แค่เช็กก็เจอแล้วว่าเป็นฝีมือเขา
“ขยานี?”วารุณีเลิกคิ้ว
นัทธีพยักหน้าให้“ ใช่ ตามที่มารุตได้ไปตรวจเช็กมา เขาอยากจะฆ่าสุภัทร และฮุบเอาสมบัติของสุภัทร ยาแบบนั้น ปวิชเป็นคนหามาให้เขา และคิดวางแผนการให้เขาด้วย เพราะวิธีนี้ปลอดภัยที่สุด ”
ยาชนิดนี้ จะค่อยๆกัดกร่อนระบบประสาทและร่างกายของสุภัทร ทำให้ร่างกายของสุภัทรทรุดโทรมลงไปเรื่อยๆ จากนั้นในสายตาของคนภายนอก ก็จะคิดว่าเขาป่วยหนัก ไม่มีใครคิดว่าเขาถูกวางยา
แม้แต่สุภัทรเองก็ยังไม่รู้ว่าตัวเองถูกวางยา ต่อให้เสียชีวิตไปแล้ว เขาก็ยังไม่รู้ว่าตัวเองถูกวางยาจนตาย คิดแค่ว่าตัวเองป่วยหนักจนตายจริงๆ
“เหอะ ดูแล้วขยานีกับปวิช คงจะทนรอไม่ไหวที่จะได้ใช้ชีวิตกันอย่างเปิดเผยแล้วละซิ”วารุณียิ้มเยาะ
นัทธคลึงไปที่ขมับ“เรื่องนี้ คุณจะบอกสุภัทรหรือเปล่า ?”
“ทำไมต้องบอก ? ฉันเกลียดสุภัทร เชื่อว่าถ้าศรัณย์รู้ ก็คงคิดแบบฉัน และฉันก็ไม่เคยเชื่อสาเหตุการตายของแม่ด้วย ฉันคิดมาตลอด ว่าการตายของแม่ มันต้องเกี่ยวข้องกับสุภัทรและขยานี แต่แค่ไม่มีหลักฐานก็เท่านั้น”วารุณีพูดด้วยใบหน้าที่เย็นชา
นัทธีตอบอืมกลับมาคำหนึ่ง“ไม่ว่าคุณจะตัดสินใจอย่างไร ผมก็สนับสนุนคุณ”
ในใจของวารุณีก็รู้สึกอบอุ่น“ขอบคุณนะ ฉันคิดว่าถ้าคุณรู้ว่าฉันไม่ช่วยสุภัทรแล้ว คุณจะหาว่าฉันเลือดเย็นเสียอีก”
“ไม่หรอก หากเป็นผม ผมก็คงเลือกทำแบบเดียวกับคุณ”นัทธีกล่าว
วารุณีหัวเราะออกมาเสียงเบา “ก็ดีค่ะ แสดงว่าเราเกิดมาเป็นคู่กันจริงๆ ”
“อืม”ริมฝีปากบางของนัทธีก็ยกหยักขึ้น
“ว่าแต่ คุณไม่ได้บอกสุภัทรไปใช่ไหมคะ ? ” จู่ๆวารุณีก็ถามขึ้นมา
นัทธีส่ายหน้า “ไม่ได้บอก ผมให้มารุตบอกเขาว่า เขาแค่โมโหจนหน้ามืด และเขาก็เชื่อมันอย่างนั้น”
“ก็ดีค่ะ”วารุณีถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“แต่ผมได้ให้มารุตรวบรวมหลักฐานการวางยาของขยานีเอาไว้หมดแล้ว”
“ก็สมควรอยู่ แม้ฉันไม่มีความคิดที่อยากจะช่วยสุภัทร แต่ฉันก็ไม่อยากเห็นคนที่ทำผิดอย่างขยานีลอยนวลไปได้ แล้วสุภัทรจะอยู่ได้อีกนานแค่ไหนคะ?”วารุณีถามต่อ
นัทธีพูดคำนี้ออกมาด้วยเสียงที่แผ่วเบา“ครึ่งปี”
วารุณีหัวเราะออกมา “งั้นอีกห้าเดือนค่อยเอาหลักฐานไปให้เขา ถึงตอนนั้นสุภัทรก็คงล้มหมอนนอนเสื่อแล้ว เชื่อว่าหากเขารู้ว่าขยานีคนที่นอนเคียงหมอนด้วยกันเป็นคนวางยาเขา คงน่าสนุกพิลึก”
จากนั้นเวลานั้น เธอก็จะบอกเขาเรื่องที่ขยานีสวมเขาให้เขาได้รู้ ไม่แน่ว่าเขาอาจจะโมโหจนอกแตกตายไปเลยก็ได้
เธอหาหลักฐานที่แม่ของเธอถูกพวกเขาทำร้ายจนฆ่าไม่ได้ แต่เธอก็สามารถใช้วิธีของเธอ ล้างแค้นแทนแม่ของเธอได้
“ท่านประธาน”ในตอนนี้เอง มารุตเปิดประตูห้องทำงานของนัทธีแล้วเดินเข้ามา ใบหน้าเต็มไปด้วยความวิตกกังวล
เมื่อวารุณีได้ยิน “นัทธี คุณทำงานไปก่อนแล้วกัน เราค่อยคุยกันนะ”
“ได้”นัทธีพยักหน้าให้แล้วตอบตกลง
เมื่อสิ้นสุดการโทร เขาก็วางโทรศัพท์ลง เงยหน้าขึ้นแล้วมองไปยังมารุตที่ยืนหอบ “เกิดอะไรขึ้น?”
“นวิยาหนีไปแล้วครับ!”มารุตตอบเสียงดัง
รูม่านตานัทธีหดเกร็ง“อะไรนะ ? เธอหนีไปแล้ว?”
“ใช่ครับ”มารุตพยักหน้า
ใบหน้าของนัทธีมืดมน “คนที่เฝ้าคฤหาสน์ล่ะ? ทำอะไรกันอยู่ !”
“ไม่เกี่ยวกับคนของเราครับ แต่คือ……”
“คืออะไร พูดมา!”นัทธีลุกขึ้นยืน ไอเย็นแผ่ซ่านไปทั่วทั้งร่าง
มารุตสูดหายใจเข้าลึก“เป็นฝีมือของคุณหมอพิชิตครับ ”
“พิชิต?”ดวงตาที่อาฆาตของนัทธีก็หรี่ลง
“เป็นเขาครับ คุณหมอพิชิตอ้างว่าจะเข้าไปดูนวิยา จากนั้นก็วางยาคนของเราจนสลบ แล้วพาตัวนวิยาไป”มารุตเกาไปที่ศีรษะ
ในตอนที่รู้เรื่องนี้ ตัวเขาเองก็แทบจะกระโดดตัวลอยขึ้นมาทันทีเหมือนกัน
คุณหมอพิชิตใจกล้าขนาดนี้ กล้างัดข้อกับท่านประธาน คิดว่าความเป็นเพื่อนที่มีมานานหลายปี ท่านประธานจะไม่ถือสาเอาความกับเขางั้นเหรอ ?
นัทธีกำมือแน่น สีหน้ามืดมนจนน่ากลัว “ตอนนี้พิชิตอยู่ที่ไหน?”
“อยู่ที่โรงพยาบาลครับ หลังจากที่ผมรู้ว่าเขาพาตัวนวิยาหนีไป ผมก็ได้ส่งให้คนไปเกาะรอยของพวกเขาทันที สุดท้ายก็สืบทราบมาว่าคุณหมอพิชิตกลับไปที่โรงพยาบาลแล้ว แต่ไม่พบร่องรอยของนวิยาครับ”มารุตก้มหน้าลง
ใบหน้าที่เย็นชาและมุมปากของนัทธีก็ยกหยักขึ้น“ไปโรงพยาบาลกัน”
“ครับ”มารุตพยักหน้า
ราวๆครึ่งชั่วโมง ก็มาถึงที่โรงพยาบาล
นัทธีเปิดประตูห้องทำงานของพิชิตโดยไม่ได้รับอนุญาตแล้วเดินเข้าไป
พิชิตนั่งอยู่บนเก้าอี้ เมื่อเห็นเขาเดินเข้ามา ดวงตาวูบไหวเพียงชั่วครู่ แต่ก็ไม่ได้แปลกใจเท่าไร ราวกับรู้อยู่แล้วว่าเขาจะต้องมาหา
“นัทธี มาแล้วเหรอ” พิชิตส่งยิ้มให้นัทธี
นัทธีเดินเข้าไปหา “ นวิยาอยู่ไหน?”
พิชิตหลุบตาลง “นั่งลงแล้วคุยกันก่อน ”
“ฉันถาม ว่านวิยาอยู่ที่ไหน ? ”นัทธีถีบไปที่โต๊ะของเขา ถีบจนโต๊ะเอียงไปข้าง