หลังจากนั้นพี่น้องทั้งสองก็แยกทางกัน
วารุณีไปธนาคาร ส่วนศรัณย์ไปโรงพยาบาล
สองชั่วโมงต่อมา วารุณีเอาวิดีโอกล้องวงจรปิดมาได้สำเร็จ จากนั้นจึงขับรถไปที่บริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ป ที่ใกล้ที่สุด ไปตรวจสอบว่าเนื้อหาในวิดีโอกล้องวงจรปิดเป็นอย่างที่สุภัทรพูดหรือไม่
ไม่นานก็มาถึงบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ป
วารุณีเข้าไปในห้องโถง เดิมทีจะโทรหานัทธีขอให้เขาส่งคนไปรับเธอ
เพราะเธอไม่ได้นัดล่วงหน้าไว้ก่อนไม่สามารถขึ้นไปชั้นบนได้
ไม่คิดว่า เขาเข้ามาในล็อบบี้ก็เจอเธอที่แผนกต้อนรับ ตาเป็นประกาย แล้วก็ทักทายเธอทันที “คุณหญิง”
วารุณีชะงักไปสักพัก คิดว่าแผนกต้อนรับกำลังเรียกคนอื่นอยู่ จึงมองไปรอบๆ ก็พบว่าแผนกต้อนรับกำลังมองมาที่ตัวเอง แล้วชี้มาที่ตัวเอง ถามอย่างไม่แน่ใจ “คุณเรียกฉันเหรอ?”
“ใช่ค่ะ คุณหญิง” พนักงานต้อนรับพยักหน้า มองมาที่วารุณีที่นัยน์ตาเป็นประกายและประหลาดใจเป็นพิเศษ
ที่แท้ผู้หญิงที่สวยมากที่ฉันเห็นมาก่อนคือคุณหญิงของท่านประธาน
วารุณีหัวเราะ “ทำไมเธอถึงเรียกฉันว่าคุณหญิง?”
“เพราะคุณคือภรรยาของท่านประธาน เราจึงเรียกคุณว่า คุณหญิงไง” พนักงานต้อนรับตอบ
วารุณีจึงเข้าใจว่าแผนกต้อนรับเรียกเธอว่าคุณหญิง ไม่ใช่เพราะมองออกว่าแต่งงานเธอแล้วหรือหน้าตาเหมือนผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว ถึงเรียกคุณหญิง
แต่รู้ถึงฐานะที่แท้จริงของเธอแล้ว
วารุณีถามด้วยความสงสัย “เธอรู้ได้อย่างไรว่าฉันเป็นภริยาของนัทธี?”
แผนกต้อนรับยิ้มและตอบกลับว่า “คราวที่แล้วท่านประธานโพสต์เว่ยป๋อเราทุกคนรู้เรื่องนี้ดี”
วารุณีเข้าใจทันที
เป็นแบบนี้นี่เอง
ว่าแต่นัทธีโพสต์เว่ยป๋อตั้งแต่เมื่อไหร่?
ไม่นึกเลยว่าเธอจะไม่รู้
ดูเหมือนว่าจะต้องเข้าไปดูแล้ว
ขณะที่กำลังคิดอยู่ ได้ยินพนักงานต้อนรับถามว่า “คุณหญิงกำลังหาท่านประธานเหรอ?”
“ใช่ ฉันขึ้นไปได้ไหม” วารุณีชี้ไปที่ลิฟต์
พนักงานต้อนรับพยักหน้า “แน่นอน คุณเป็นเจ้าของ ดังนั้นคุณขึ้นไปได้ทุกเมื่อ คุณหญิง เชิญเลย”
พนักงานต้อนรับนำทางด้วยตัวเอง พาวารุณีไปที่ลิฟต์ และช่วยวารุณีกดลิฟต์
วารุณีกล่าวขอบคุณและขึ้นลิฟต์ไป
เมื่อประตูลิฟต์ปิดลง แผนกต้อนรับก็รีบกลับมาที่เคาน์เตอร์และส่งข้อความในกลุ่มบอกกับทุกคนว่า คุณหญิงของท่านประธานมาแล้ว
ทันใดนั้นกลุ่มที่เงียบสงบก็มีชีวิตชีวาเหมือนวันตรุษจีน
โดยเฉพาะคนในแผนกออกแบบ
เนื่องจากพวกเขาเคยเป็นเพื่อนร่วมงานของคุณหญิงของท่านประธาน ถึงได้มีเรื่องให้พูด
แต่มีคนหนึ่งอารมณ์เสียอย่างมาก นั่นคือเมธาวี
ขณะที่คนอื่นๆ พูดคุยกันอย่างสนุกสนานว่าวารุณีกับนัทธีเป็นอย่างไร เข้ากันได้อย่างไร เธอขว้างเมาส์อย่างโกรธจัดจนกระเด็นออกจากแผนกออกแบบ
“เธอเป็นอะไรไป” มีคนถามอย่างสงสัยและมองไปทางที่เธอกำลังจะออกไป
คนข้างๆ ก็แซวว่า “ก็อิจฉาไง จะอะไรอีก อย่าลืมว่าเธอมาทำงานที่กลุ่มเราเพราะอะไร ก็เพื่อท่านประธาน ตอนนี้คุณหญิงของท่านประธานมาแล้ว ก็คงจะหึงแหละ”
“ฮ่าๆ ก็จริงอย่างที่พูด”
“เพอแล้ว ไม่ต้องสนใจแล้ว ทำงานเถอะ”
ฝ่ายออกแบบเข้าสู่สถานะการทำงานอีกครั้ง
ที่ชั้นบนสุด วารุณีมาถึงห้องทำงานของท่านประธานและเคาะประตู
เสียงเย็นชาของชายผู้ดังออกมาจากข้างใน “เข้ามา”
วารุณียิ้มแล้วผลักประตูเข้าไป
นัทธีนั่งทำงานเอกสารอยู่หลังโต๊ะ ได้ยินเสียงฝีเท้า คิดว่ามีเป็นคนส่งเอกสารจากข้างล่าง ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมอง ชี้ไปที่พื้นที่ว่างข้างโต๊ะแล้วพูดว่า “วางไว้นี่เลย ”
วาง?
วารุณีมองลงมาที่มือของเธอ และสุดท้ายก็เอากระเป๋าวางลง
นัทธีได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวจึงกล่าวว่า “คุณออกไปได้แล้ว เดี๋ยวให้มารุตส่งข้อมูลลงไป”
วารุณียิ้ม ยืนนิ่ง แล้วมองเขาด้วยรอยยิ้มนั้น
เธอต้องการดูว่าเขาจะใช้เวลานานแค่ไหนถึงจะรู้ว่าเป็นเธอ
แม้ว่านัทธีจะไม่เงยหน้าขึ้น แต่หูของเขาก็ยังฟังอยู่
เขาขมวดคิ้วเมื่อไม่ได้ยินเสียงฝีเท้า
คุณเป็นอะไร
บอกว่าให้ออกไปไม่ใช่เหรอ? ไม่ฟังรึไง
“มีเรื่องอะไรอีก” นัทธีพูดจบและเงยศีรษะขึ้น
พอเงยหน้าขึ้น ที่เห็นไม่ใช่ใบหน้าของคนที่ไม่คุ้นเคยแต่เป็นใบหน้าที่สวยด้วยรอยยิ้ม นัทธีนิ่งไปครู่หนึ่ง ขมวดคิ้วแล้วยิ้ม “คุณนี่เอง ทำไมไม่พูดอะไรล่ะ? ”
“เพราะอยากรู้ว่าเมื่อไหร่คุณจะรู้ตัวว่าเป็นฉัน” วารุณียิ้ม
“ซนจริงๆ” นัทธียื่นมือออกมา “มานี่สิ”
วารุณียกเท้าเดินไป
นัทธีดึงมือเธอขึ้นมานั่งตัก “ทำไมจู่ๆ ถึงมาที่นี่ล่ะ?”
“ฉันเพิ่งไปธนาคารเอาวิดีโอกล้องวงจรปิดมาทางคุณใกล้กว่าบริษัทฉัน เลยอยากมาหาคุณเพื่อตรวจสอบเนื้อหาของวิดีโอกล้องวงจรปิด” วารุณีตอบ
นัทธีตอบอืม “วิดีโอกล้องวงจรปิดอยู่ที่ไหน”
“อยู่นี่” วารุณีหยิบเมมโมรี่ออกมาจากกระเป๋า
หลังจากได้รับแล้ว ก็เสียบปลั๊กเข้ากับคอมพิวเตอร์
ในไม่ช้า เมมโมรี่ก็เปิดออก และมีวิดีโออยู่ภายในนั้นหนึ่งคลิป
วารุณีทำหน้าจริงจังและกำมือแน่น
ลูกศรของเมาส์จ่อไปที่ไอคอนเล่น แต่ไม่ได้คลิกลงทันที เขาหันไปมองเธอ “กดเล่นไหม”
“เล่น” วารุณีพยักหน้า
เธอรู้ว่าทำไมเขาถึงถามเธออย่างเฉพาะเจาะจง
เพราะเขากังวลว่าเธอจะรับไม่ได้
“โอเค” นัทธีตอบแล้วคลิกเมาส์
วิดีโอเล่นหน้าจอแรกที่ปรากฏคือทางเดินบนชั้นสามของคฤหาสน์ของตระกูลศรีสุขคํา วินาทีต่อมา ร่างของขยานีก็ปรากฏบนหน้าจอ
หลังจากที่เธอปรากฏตัว เธอก็ยืนอยู่ที่โถงทางเดินตลอด ไม่ไปข้างหน้าและไม่ถอยหลัง ราวกับว่าเธอกำลังรออะไรบางอย่าง
ในไม่ช้า ร่างอีกร่างหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้น คือวรยา
พอเห็นวรยา วารุณีก็ตาแดงทันที “แม่…”
ในที่สุดเธอก็เห็นแม่ของเธอที่ยังมีชีวิตอยู่และยังคงเคลื่อนไหวได้อยู่
แม้ว่าเธอไม่สามารถสัมผัสได้
แต่พอเห็นวรยา ใจของเธอก็ห้ามที่จะตื่นเต้นไม่ได้
วรยาเห็นขยานี เธอหยุดอยู่หน้าของขยานี
แล้วขยานีก็เริ่มพูด แต่พูดอะไรไปก็ไม่ได้ยินเพราะวิดีโอไม่มีเสียง แต่พอดูใบหน้าของขยานีที่หยิ่งผยองก็รู้ว่าสิ่งที่พูดไปนั้นไม่ใช่คำพูดที่ดีอะไร
หลังจากขยานีพูดจบ วรยาก็เริ่มพูด
วารุณียังคงไม่รู้ว่าวรยาพูดอะไร แต่เมื่อดูท่าทีที่โกรธของขยานี ก็เดาว่าอาจจะไม่ใช่คำพูดที่ดี
ไม่นาน ทั้งสองก็คุยกันสักพักก็ลงไม้ลงมือกันทันที
วรยาให้ตบไปที่ขยานี แล้วขยานีก็ถีบวรยาไปที่ราวบันได
ท่อนบนของวรยาถูกคับให้ห้ขยานีบังอยตัวไปข้างหลัง
แล้วขยานีก็ย่อตัวลงยกขาของวรยา
ด้วยเหตุนี้ วรยาจึงถูกขยานีปล่อยให้ตกลงบันได
ขยานีถึงพึ่งจะนึกขึ้นได้ว่าเขาทำอะไรลงไป เขาก็เดินโซเซถอยหลังไปหนึ่งก้าว แล้วนั่งลงที่พื้น มองที่มือแล้วส่ายหัวอย่างรุนแรง
ผ่านไปครู่หนึ่ง สุภัทรก็ปรากฏตัวขึ้น
ขยานีลุกขึ้นยืนและคว้าแขนเสื้อของสุภัทร ตะโกนด้วยใบหน้าที่บิดเบี้ยว สีหน้าของสุภัทรก็ดูไม่ดี ดูเหมือนกำลังอดทน และในที่สุดก็ถอนหายใจออกมาและพยักหน้า
ภาพก็หยุดทันที
ทุกอย่างเหมือนกับที่สุภัทรพูดไว้ วรยาถูกขยานีผลักลง และสุภัทรถูกขยานีบังคับให้เป็นผู้สมรู้ร่วมคิด
และวรยาก็เป็นเหยื่อที่ไม่มีความผิดที่สุด
วารุณีก้มหน้า มองไม่เห็นสีหน้า และก็ไม่ได้พูดอะไร
เมื่อเห็นเช่นนี้ นัทธีก็กังวลเล็กน้อย “วารุณี เป็นอะไรไหม?”
“ฉันไม่เป็นไร ฉันอยากนอนสักพัก” วารุณีส่ายหัว และพูดอย่างสะอึกสะอื้น
นัทธีอุ้มเธอเดินไปที่ห้องพัก
วารุณีนอนลงบนเตียงแล้วดึงผ้าห่มมาคลุมศีรษะทันที ซ่อนทั้งตัวไว้ในผ้าห่ม
แล้วผ้าห่มก็สั่นเล็กน้อย
เธอร้องไห้!
นัทธีมองดูผ้าห่มที่กำลังสั่นแล้วถอนหายใจเบาๆ