เวลาผ่านไปครู่ใหญ่ๆ เขาก็ถามด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้งว่า“แกไม่ได้โกหกฉันใช่ไหม ? ”
“คุณกำลังจะตายแบบนี้ ทำไมฉันต้องโกหกคุณด้วย? ”วารุณีหัวเราะเบาๆ
สุภัทรเอามือปิดตา“ แกรู้เรื่องนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“รู้นานแล้ว แต่เพิ่งได้รับการยืนยันเมื่อไม่นานมานี้ ก่อนที่จะแต่งงานกับนัทธี ฉันไปเจอปวิชกับขยานีที่สถานีโทรทัศน์ ได้ยินพวกเขาคุยกันเรื่องของพิชญา บอกว่าพิชญาเป็นลูกสาวของพวกเขา ตอนนั้นฉันไม่ได้เชื่อมันทั้งหมด จนเมื่อเร็วๆนี้ ฉันเห็นผลเลือดของพิชญา จากนั้นก็ได้ตรวจดีเอ็นเอของพิชญากับปวิช”
คำพูดต่อจากนี้ วารุณีไม่ได้พูดมันต่อ เพราะมันไม่จำเป็น
จู่ๆสุภัทรก็หัวเราะออกมา เสียงหัวเราะเต็มไปด้วยการเยาะเย้ยตนเองและความเศร้าเสียใจ“น่าขำ ช่างน่าขำจริงๆ ไม่คิดว่าชีวิตของนายสุภัทร ก็จะมองคนพลาดได้ เอาลูกชู้มาเป็นลูกตัวเองแล้วฟูมฟักอยู่ยี่สิบกว่าปี ”
อันที่จริงแล้วตั้งแต่ทีแรกเลย เขาก็ไม่ได้รักใคร่อะไรพิชญาขนาดนั้น เพราะพิชญาเป็นลูกนอกสมรสของเขา เขาเป็นผู้ชายหัวโบราณมีความคิดว่าผู้ชายนั้นเหนือกว่าผู้หญิง ก็จึงไม่เห็นคุณค่าของลูกนอกสมรสเท่าไร ต่อให้ลูกคนนั้นจะเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาเองก็ตาม
แต่พิชญาเป็นคนปากหวาน อ้อนเก่ง ไม่เหมือนวารุณีกับศรัณย์ ตั้งแต่เด็กวารุณีก็ถูกวรยาเลี้ยงในแบบกุลสตรี ไม่เหมือนพิชญาที่คอยแต่ตามติดคนเป็นพ่ออย่างเขาแจ และยิ่งไม่มีการออดอ้อนเอาใจคนเป็นพ่ออย่างเขา กับศรัณย์เองก็เจ็บออดๆแอดๆอยู่ตลอด อะไรนิดหน่อยก็ต้องเข้าโรงพยาบาลแล้ว เขาก็จึงยิ่งไม่อยากเข้าใกล้
ดังนั้นเมื่อนานวันเข้า เขาก็จึงยิ่งรักพิชญามากขึ้น เพราะถ้าเทียบกับวารุณีและศรัณย์ที่เอาแต่ร้องหาคนเป็นแม่อย่างวรยาแล้ว เขาก็ย่อมต้องรักและเอ็นดูพิชญาที่เข้าหาคนเป็นพ่ออย่างเขามากกว่า
แต่ที่คิดไม่ถึงก็คือ ลูกสาวที่เขารักนักรักหนามากว่ายี่สิบปี กลับไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆของเขา
เขาเลี้ยงลูกชู้มายี่สิบกว่าปี เพื่อลูกชู้คนนี้แล้ว เขาถึงกับไล่ลูกแท้ๆสองคนของตัวเองออกจากบ้านไป
ฮ่าๆ ยังมีเรื่องที่น่าขำ และที่น่าหัวเราะเยาะกว่านี้อีกไหม ?
“ฉันมันโง่ ฉันมันงี่เง่าจริงๆ!”สุภัทรด่าตัวเองแล้วทุบไปที่หน้าอกของตัวเอง
วารุณีกลับหัวเราะออกมา “คุณมันโง่จริงๆ คุณคิดว่าคุณสวมเขาให้แม่ฉันมายี่สิบกว่าปี แทบไม่รู้ตัวว่าก็มีคนอื่นสวมเขาให้คุณมายี่สิบกว่าปีเช่นกัน ในขณะที่คุณไล่พวกเราออกจากบ้านเพราะขยานีกับพิชญา ไม่แน่ว่าขยานีกับปวิชก็คงหัวเราะเยาะคุณอยู่ข้างหลังที่ตัดหนทางของตัวเอง ดังนั้นไม่เรียกโง่แล้วจะเรียกอะไรได้อีก”
สุภัทรไม่ได้พูดตอบ
เขาจะพูดอะไรได้อีก?
ที่เธอพูดมันถูกทุกอย่าง เขามันโง่ ไล่ลูกแท้ๆของตัวเองออกจากบ้าน ทำร้ายจิตใจของคนเป็นลูก ไม่ใช่การฆ่าตัวเองหรอกเหรอ ?
“แล้วก็ ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง”เมื่อวารุณีเห็นเขายังไม่อกแตกตาย ก็จึงคิดว่าจะบอกทุกอย่างให้เขาได้รู้ เพราะดูจากสภาพเขาแล้ว เขาน่าจะยังรับมันได้อีก
“อันที่จริงแล้วคุณยังสามารถมีชีวิตอยู่ได้อีกสิบปีหรือยี่สิบปีนะ ”วารุณีมองไปยังสุภัทร
เหมือนสุภัทรจะคิดอะไรขึ้นมาได้ ร่างทั้งร่างก็สั่นเทิ้มขึ้นมา“แก……ฉัน……”
ราวกับรู้ว่าเขาอยากจะพูดอะไร มุมปากวารุณียกหยัก“ขยานีคงไม่ต้องการที่จะทนอยู่กับคุณอีกต่อไปแล้ว เธอร่วมมือกับปวิชวางยาคุณ อยากให้คุณตายไปอย่างเงียบๆ หากเป็นแบบนี้ ทรัพย์สมบัติของคุณก็ย่อมต้องตกเป็นของคู่สมรสอย่างขยานีไปโดยปริยาย ดังนั้นตอนนี้คุณเข้าใจหรือยัง ว่าทำไมจู่ๆคุณถึงได้ล้มป่วยอย่างกะทันหัน ? และเหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว?”
ดวงตาของสุภัทรจ้องเขม็งไปที่เพดาน ราวกับบนเพดานมีขยานียังไงอย่างนั้น
“นังงูพิษ นังอสรพิษ !”
ที่แท้เขาไม่ได้ป่วย แต่เพราะถูกวางยา
เป็นขยานีที่ต้องการชีวิตของเขา
ผู้หญิงคนนี้ ไม่เพียงสวมเขาให้เขามานานกว่ายี่สิบปี ยังเอาลูกชู้มาให้เขาเลี้ยงดูนานกว่ายี่สิบปีด้วย ตอนนี้ก็ยังอยากจะฆ่าเขาอีก
ในตอนนี้เอง สุภัทรก็ทั้งโกรธและเสียใจ และยังหวาดกลัวมากด้วย
ใช่ เขาหวาดกลัว
ที่แท้คนที่ร่วมเตียงเคียงหมอนกับเขา ก็ช่างใจดำอำมหิตแบบนี้ และเขาเองก็อยู่กินกับงูพิษนี้มานานกว่ายี่สิบปี
แม้เขาจะไม่ได้รักขยานีมากมายอะไรนัก แต่เวลาก็เนิ่นนานมาจนป่านนี้แล้ว เขาก็เห็นขยานีเป็นเหมือนคนใกล้ชิดสนิทคนหนึ่งไปแล้ว
เขายังเคยคิด ว่าขยานีอายุอ่อนกว่าเขาสิบปี ยังไงก็ต้องตายหลังเขาแน่นอน หากเขาตายแล้ว ต่อไปไม่มีคนดูแลเธอ ก่อนที่เขาจะตายจะจัดแจงเรื่องบ้านพักคนชราให้เธอเอาไว้ให้เรียบร้อย ไม่ทิ้งเธอไว้โดยไร้คนดูแล
แต่เธอกลับ……
สุภัทรทุบไปที่หน้าอกตัวเอง “เวรกรรม กรรมตามสนองแล้ว!ฮ่าฮ่าๆๆ……”
หัวเราะและร้องไห้อยู่อย่างนั้น สุดท้ายก็เงียบไป
หัวใจวารุณีกระตุก
คงไม่ใช่เพราะรู้เรื่องพวกนี้ แล้วสะเทือนใจเกินไปจนตายไปเลยหรอกนะ ?
เมื่อคิดได้ดังนั้น วารุณีก็ยื่นมือไป อังไปที่จมูกของสุภัทร สัมผัสได้ว่ายังมีลมหายใจอยู่ ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากนั้นก็กดกริ่งที่หัวเตียง
ไม่นาน หมอก็พากันเดินเข้ามา และเริ่มปฐมพยาบาลสุภัทร
วารุณีไม่ได้เฝ้าดู หันหลังแล้วเดินออกไป
หลังจากที่ออกไปแล้ว ก็เห็นศรัณย์ที่ยื่นร้องไห้อยู่ที่โถงทางเดิน และทางด้านข้าง ก็มีนัทธีที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่สบอารมณ์
“ศรัณย์”วารุณีเรียกศรัณย์
ศรัณย์มองมาที่เธอ“พี่……”
“เมื่อกี้เขาได้ยินหมดแล้ว”นัทธีเอ่ยพูด บอกกับวารุณี ถึงสาเหตุที่ศรัณย์ร้องไห้
วารุณีขบริมฝีปาก“เราได้ยินหมดเลยเหรอ ?”
“อืม”ศรัณย์พยักหน้า
วารุณีถอนหายใจ “ศรัณย์พี่ขอโทษ เราคงคิดว่าทำไมพี่ถึงได้โหดร้ายแบบนี้ สุภัทรเป็นถึงขนาดนี้แล้ว พี่ยังพูดเรื่องทั้งหมดให้เขารู้อีก เพื่อให้เขาตายเร็วขึ้น”
“ไม่ใช่เลย ถึงตอนนี้เขาจะยังไม่ตาย แต่ก็คงจะอยู่ได้อีกไม่นาน และเรื่องทั้งหมด ยังไงก็ต้องบอกให้เขาได้รู้ ผมแค่รู้สึกว่า ชีวิตแม่ลำบากเกินไป ต้องใช้ชีวิตอยู่กับผู้ชายแบบนี้มานานกว่ายี่สิบปี” ศรัณย์ส่ายหัวและพูด
ที่เขาร้องไห้ ไม่ใช่เพราะสุภัทร แต่เป็นเพราะแม่
วารุณียกยิ้ม“ ใช่ ชีวิตแม่ลำบากเกินไป พี่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแม่ไปชอบพอกับสุภัทรได้ยังไง เป็นผู้ชายหัวโบราณไม่พอ เห็นๆอยู่ว่าบริษัทศรีสุขคํากรุ๊ปมีแม่คอยดูแลถึงได้เป็นปึกแผ่นในจังหวัดจันทร์ได้ ลำพังตัวเองไม่มีความสามารถนั้น แต่กลับมาโทษแม่ที่เข้มแข็ง”
“ใช่ ยังนอกใจอีก ไม่มีสำนึก สุดท้ายเขาก็รับเดนคนอื่นมา”ศรัณย์พยักหน้าแล้วหัวเราะเยาะ
วารุณีลูบที่ศีรษะของเขา“คนอย่างสุภัทร ปันได้แต่ความทุกข์ ปันความสุขไม่ได้หรอก ตอนนี้ที่เขาเป็นแบบนี้ ล้วนเพราะกรรมตามสนองทั้งนั้น ”
“พี่เขย?”จู่ๆ ศรัณย์ก็เงยหน้าขึ้นมองนัทธี
นัทธีเงยหน้าขึ้น “ว่ายังไง ?”
“พี่จะเป็นเหมือนสุภัทร นอกใจพี่สาวผม จากนั้นก็ไล่พี่สาวผมกับหลานอีกสองคนออกจากบ้านไหม ?”ศรัณย์ถามอย่างจริงจัง
วารุณีไม่คิดว่าเขาจะถามคำถามแบบนี้ และคิดว่าเขากำลังเสียมารยาทอยู่ แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องยอมรับ ว่าตัวเองนั้นก็อยากจะรู้คำตอบของนัทธีเหมือนกัน
สายตาของนัทธีมองผ่านศรัณย์ แล้วหยุดลงที่ใบหน้าของวารุณี “ไม่ พี่ไม่มีวันนอกใจ และยิ่งไม่มีทางไล่พี่สาวเรากับหลานเราออกจากบ้านแน่”
เมื่อศรัณย์ได้ยิน ก็พยักหน้าให้ “งั้นก็ดี ขอให้พี่เขยทำได้อย่างที่พูด หากมิเช่นนั้นแล้ว ต่อให้ผมต้องแลกด้วยชีวิต ผมก็จะไม่ปล่อยพี่เขยเอาไว้อย่างแน่นอน ”
นัทธีเลิกคิ้ว จากนั้นก็จ้องมองมาที่เขาอย่างพินิจพิเคราะห์
ราวกับจะพูดว่า‘ผอมแห้งแรงน้อยอย่างนาย’จะทำอะไรได้ ?
ศรัณย์มองเข้าใจ ใบหน้าที่ขาวผ่องก็เห่อร้อนขึ้นมา แค่นเสียงหึในลำคอ แล้วเบี่ยงหน้าหนีไปอีกทาง
เมื่อวารุณีเห็น ก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้
“คุณเชื่อผมไหม?”นัทธีหันกลับไปมองที่วารุณีอีกครั้ง
วารุณีพยักหน้า“ฉันเชื่อคุณ ในเมื่อพูดมาถึงเรื่องนี้แล้ว นัทธี ฉันก็อยากจะถามให้ละเอียดกว่านี้ หากวันใดวันหนึ่ง ที่คุณเกิดนอกใจขึ้นมาจริงๆ คุณ…….”
“คุณฆ่าผมได้เลยทันที ” นัทธีดึงมือเธอ แล้ววางไปตรงที่หัวใจของเขา
วารุณีสัมผัสได้ถึงหัวใจที่เต้นแรงของเขา จากนั้นก็ส่ายหัวเล็กน้อย“ หากคุณนอกใจฉันขึ้นมาจริงๆ ฉันจะไม่ฆ่าคุณหรอก แต่ฉันจะหนีหายไปจากคุณ และจะไม่ให้คุณได้เจออีกเลยตลอดชีวิต ”
“ผมจะไม่ให้คุณได้มีความคิดที่จะไปจากผมเป็นอันขาด”นัทธีกอดเธอเอาไว้
เขารักเธอมากขนาดนี้ รักจนแทบอยากจะหลอมเธอเข้าเลือดและเนื้อของตัวเอง จะทำเรื่องที่น่ารังเกียจอย่างการนอกใจได้อย่างไร
แค่เขามีเธอ ชีวิตนี้ก็เกินพอแล้ว