ปาจรีย์ฝืนยิ้ม “จะมีวิธีอะไรกัน”
“ต้องมีแน่นอน นิรุตติ์ก็อยู่ในองค์กรนั่น ไม่แน่พวกเราสามารถร่วมงานกับพงศกร คิดหาวิธีที่ปลอดภัยที่สุด” วารุณีหรี่ตา
ปาจรีย์มีไฟขึ้นมาทันที “ร่วมงาน?”
“ถูกต้อง ในเมื่อศัตรูของพวกเรา ต่างก็อยู่ในองค์กรนั้น ดังนั้นการร่วมงานคือวิธีที่ดีที่สุด” วารุณีพยักหน้า
ปาจรีย์กำมัดแน่น “จริงด้วย วารุณี จะร่วมงานเมื่อไหร่?”
“ยังไม่รีบ เธอก็รู้อยู่แล้ว นัทธีไม่ค่อยถูกกับพงศกร ดังนั้นอยากจะร่วมงาน ฉันจะต้องอุดมการณ์ความคิดด้านการทำงานของนัทธีก่อน แล้วก็ทางพงศกรก็เป็นเหมือนกัน ไม่เช่นนั้นร่วมงานกันไม่ได้แน่นอน” วารุณีตอบ
ปาจรีย์คิดไปคิดมาก็ถูก “อย่างนี้ละกัน เธอไปอุดมการณ์ความคิดด้านการทำงานกับประธานนัทธี ฉันไปทำกับพงศกร”
ถึงแม้ว่าพงศกรไม่ยอมเจอเธอ เธอจะต้องตอแยก็จะตอแย อุดมการณ์ความคิดของเขาให้ได้
วารุณีอื้มไปคำหนึ่ง “ได้”
หลังจากวางสายแล้ว เธอเก็บโทรศัพท์เข้าไปในกระเป๋า
ขณะนี้ ประตูห้องพักผ่อนถูกเคาะดังขึ้น อารัณรีบวิ่งไปเปิดประตู
เปิดประตูออก ข้างนอกมีบรรณาธิการของทางนิตยสารหนึ่งยืนอยู่ ในมือยังถือกล่องๆ เล็กๆ กล่องหนึ่งไว้
“คุณลุง มาหาใครครับ?” อารัณพูดภาษาต่างประเทศอย่างคล่องแคล่ว ถามอย่างมีมารยาท
บรรณาธิการมีความตกใจเล็กน้อย เด็กฝั่งตะวันออกกลับพูดภาษาต่างประเทศได้ดีขนาดนี้ ทว่าในไม่ช้า เขาก็เก็บอาการตกใจกลับไป ยิ้มแล้วตอบกลับว่า “คุณวารุณีอยู่ไหมครับ?”
ในห้องพักผ่อน วารุณีที่กำลังถักเปียผมให้กับไอริณอยู่ได้ยินเสียงคำว่าคุณวารุณี เข้าใจว่ามาหาเธอ จึงรีบลุกขึ้นแล้วเดินมา “ฉันอยู่ค่ะ มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ?”
“คืออย่างนี้ครับ เมื่อกี้หลังจากที่ผมทานอาหารเรียบร้อยแล้ว ถูกผู้หญิงคนหนึ่งหยุดไว้ เธอบอกว่าเป็นเพื่อนของคุณ มีของขวัญจะให้คุณ ให้ผมช่วยนำมาให้ นี่ครับ คือชิ้นนี้” บรรณาธิการนำกล่องในมือยื่นออกไป
สีหน้าของวารุณีเปลี่ยนไปเล็กน้อย
ภาพๆ นี้ ทำให้เธอนึกถึงพัสดุในเมื่อวาน
พนักงานส่งพัสดุก็บอกว่ามีผู้หญิงมาบอกว่าเป็นเพื่อนของเธอ มีของขวัญจะให้เธอ ให้พนักงานส่งพัสดุช่วยนำมาให้เธอ ปรากฏว่าในนั้นคือศพของแมงตัวหนึ่ง
ตอนนี้สถานการณ์เหมือนกับเมื่อวาน สิ่งของที่อยู่ในกล่องๆ นั้น ไม่ใช่ของดีอะไรแน่นอน
“หม่ามี๊?” เห็นวารุณีจ้องกล่องๆ นั้น สีหน้าเหมือนกำลังเผชิญกับศัตรูที่เก่งกาจ อารัณเอียงศีรษะด้วยความสงสัย
วารุณีได้สติกลับมา ฝืนยิ้มที่มุมปาก “หม่ามี๊ไม่เป็นอะไร”
หลังจากนั้น เธอมองไปทางบรรณาธิการ “ผู้หญิงที่คุณเจอมีหน้าตายังไงเหรอคะ”
“ไม่มีครับ สวมเสื้อผ้ามิดชิดมาก ใบหน้าก็ถูกปิดไว้ ทว่าผมและดวงตาคือสีดำ ภาษาต่างประเทศก็ไม่ค่อยชัดเจน น่าจะเป็นคนฝั่งตะวันออกเหมือนกับคุณครับ” บรรณาธิการนึกคิดแล้วตอบ
วารุณีกำหมัดแน่น
เหมือนกับที่พนักงานส่งพัสดุบอกเมื่อวานอีกแล้ว
เป็นนวิยาจริงๆ ด้วย
เธอสามารถป้องกันที่วิลล่าได้ ให้นวิยาไม่ส่งพัสดุมาที่วิลล่า กลับไม่สามารถป้องกันข้างนอกได้
นวิยากลับสะกดรอยตามเธอ ส่งพัสดุที่น่าขยะแขยงแบบนี้ที่ข้างนอก
“คุณวารุณี คุณไม่เอาเหรอครับ” บรรณาธิการเห็นวารุณีไม่รับกล่องๆ นี้เลย รู้สึกรำคาญเล็กน้อย
ไม่ว่ายังไงแล้วเขาก็หวังดีส่งมาแล้วกลับไม่รับ เป็นใครใครก็ไม่พอใจ
“ผมเอาครับ” อารัณเห็นวารุณีไม่ได้ยื่นมือออกไป จึงเอ่ยปากพูดจะไปเอากล่องๆ นั้น
วารุณีเห็นแล้ว ตะคอกดังว่า “ห้ามเอา!”
อารัณตกใจมา มองวารุณีด้วยความน้อยอกน้อยใจ “หม่ามี๊?”
ไอริณก็ไม่เข้าใจ พี่ชายแค่จะช่วยคุณแม่หยิบพัสดุ ทำไมหม่ามี๊ถึงต้องดุพี่ชายด้วย
วารุณีเองก็รู้ว่าการกระทำของตัวเองในเมื่อกี้ ทำร้ายจิตใจของเด็กทั้งสองไป ในใจก็มีความรู้สึกผิดขึ้นมา
ทว่าเธอไม่ได้รีบขอโทษทันที แต่กลับมองไปทางบรรณาธิการคนนั้น ยื่นมือรับกล่องนั้นมา “ขอบคุณค่ะ”
บรรณาธิการโบกมือ แสดงออกว่าไม่ต้องขอบคุณ แล้วหันหลังเดินจากไป
วารุณีปิดประตู ก้มหน้ามองดูกล่องที่อยู่ในมือ
ขนาดของกล่องใหญ่พอดีกับฝ่ามือของเธอ อีกอย่างก็เบามากๆ เขย่าไป ยังสามารถได้ยินเสียงกระทบด้วย
แค่ไม่รู้ว่าข้างในคืออะไร
ทว่าวารุณีไม่ได้มีความหมายที่จะเปิดออก
กล่องใหญ่ในเมื่อวานคือศพของแมว งั้นข้างในนี้ ก็ต้องเป็นของประมาณนั้นแน่นอน
ไม่แน่อาจจะเป็นศพของหนูก็ได้
เธอไม่ดูดีกว่า ตัวเองตกใจยังดี หากทำเอาเด็กทั้งสองตกใจก็คงไม่ดีแล้ว
หลังจากคิดแบบนี้แล้ว วารุณีก็นวดขมับ นำกล่องใส่เข้าในกระเ๋ป๋า จากนั้นก็โค้งตัวลง มองดูเด็กทั้งสอง “โทษทีนะเด็กน้อย เมื่อกี้หม่ามี๊ไม่ได้ตั้งใจ แต่ว่ากล่องๆ นี้ พวกหนูให้หยิบเด็ดขาดนะ”
“ทำไมคะ?” ไอริณไม่เข้าใจ
อารัณไม่ได้เอ่ยปาก มองดูกระเป๋าของวารุณี เหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง
วารุณีถอนหายใจอีกครั้ง “เพราะว่าของที่อยู่ในกล่องนี้ ต่างก็เป็นของที่เด็กๆ ไม่สามารถดูได้ เป็นการกลั่นแกล้งของผู้อื่น”
อารัณกะพริบตา “หม่ามี๊รู้ได้ยังไงครับ?”
วารุณีขยับริมฝีปาก ตอนแรกยังเตรียมที่จะปิดบังเรื่องเมื่อวาน ทว่าตอนนี้ ดูเหมือนว่าจะไม่ได้แล้ว
วารุณีลูบผมของเขา “เพราะว่าเมื่อวานคุณแม่เคยได้รับมาแล้วครั้งหนึ่ง”
ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง
อารัณเข้าใจโจ่งแจ้ง ทันใดนั้นก็หายโกรธทันที
“งั้นหม่ามี๊ เมื่อวานที่หม่ามี๊เจอคืออะไรครับ” เขาถามอีกครั้ง
วารุณีมองดูเจ้าเด็กที่หน้าตามึนงง ไม่ดีที่จะพูดตรงๆ ได้แต่ดึงมือของอารัณมา แล้วเขียนไปยังบนฝ่ามือของเขา
อารัณเบิกตาโตทันที สีหน้าซีดขาวไปเลย เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าตกใจมาก
วารุณีกอดเขาเข้ามาในอ้อมกอด “ตอนแรกหม่ามี๊ไม่อยากบอกหนู เป็นห่วงว่าหนูจะตกใจ แต่แม่คิดไม่ถึงว่า วันนี้ก็จะได้รับพัสดุแบบนี้ ยังให้พวกหนูเห็นอีก ดังนั้นหม่ามี๊ก็ต้องบอกพวกหนูแล้ว”
“หม่ามี๊ ใครเป็นคนทำกันแน่ครับ?” อารัณเกาะอยู่บนไหล่ของเธอ สีหน้าเต็มไปด้วยความโกรธ
วารุณีลูบหลังของเขา “คือนวิยา”
อารัณหรี่ตา ออกมาจากอ้อมกอดของเธอ มือเล็กของข้างกำแน่น ร่างกายสั่นไปหมด “คือเธอ!”
เขากัดฟันแน่น ในแววตาเต็มไปด้วยความเกลียด
ไอริณยิ่งตกใจจนร้องไห้เพราะชื่อนี้
ครั้งนั้น ความกลัวและแผลในใจที่นวิยานำพามาให้เธอ ทำให้เธอไม่ลืมจนถึงตอนนี้
“หม่ามี๊……” ไอริณกลับจนมุดเข้าไปในอ้อมกอดของวารุณี
วารุณีรู้ว่าไอริณกลัวนวิยามาก กอดไอริณไว้แน่น พูดด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “ไอริณเด็กดี ไม่ต้องกลัวนะ หม่ามี๊อยู่ที่นี่ หม่ามี๊จะปกป้องหนูแน่นอน”
“อื้ม” ไอริณพยักหน้าในอ้อมกอดของเธอ
อารัณมองดูน้องสาวที่น้ำตาเต็มทั่วหน้า ก็นึกถึงภาพครั้งที่แล้วที่นวิยายกไอริณขึ้นสูง แล้วโยนลงพื้นอย่างแรง
หากไม่ใช่เพราะช่วยไว้ทัน ไอริณอาจจะเสียชีวิตแล้ว
ความแค้นนี้ เขาไม่มีทางลืมตลอดไป
วารุณีเห็นอารมณ์และนัยน์ตาที่เปลี่ยนแปลงไปของอารัณ
เธอเข้าใจความเกลียดของเขา
ทว่าเธอก็ไม่หวังว่าเขาที่อายุน้อยๆ จะมีความแค้นใหญ่โตขนาดนี้
อีกอย่างความแค้นเหล่านี้ ควรจะให้พวกผู้ใหญ่มาจัดการ เธอไม่หวังว่าเขาจะเข้ามาร่วมด้วย
ทว่าเธอรู้ อารัณมีความเป็นผู้ใหญ่เร็วเกินไป ถึงแม้เธอจะให้เขาลืมความแค้นนี้ไป แล้วเป็นเด็กอายุห้าขวบที่มีความสุข
ทว่าอารัณไม่ฟังแน่นอน
ช่างเถอะ ขอแค่อารัณไม่ถูกความแค้นครอบงำ เธอก็จะไม่พูดโน้มน้าวแล้ว
“พวกเธอเป็นอะไรกัน? อารัณและไอริณต่างก็ตาแดงหมด ร้องไห้มาเหรอ?” ขณะนี้ ประตูห้องพักผ่อนถูกเปิดออกอีกครั้ง เชอรีนอยู่ตรงประตู ยังไม่เข้ามา ก็เห็นทั้งสามคนกอดอยู่ด้วยกัน
วารุณีวางไอริณและอารัณลง ยืนขึ้นแล้วยิ้มกับเธอ “ถ่ายเสร็จแล้ว?”
“ใช่ ได้ข่าวว่าพวกเธอยังไม่ไป ดังนั้นก็เลยมาหาพวกเธอ เมื่อกี้พวกเธอเป็นอะไร?” เชอรีนชี้ไปทางเด็กสองคน
วารุณีกัดริมฝีปาก ไม่ได้ตอบ ทว่าเปิดกระเป๋า แล้วหยิบกล่องเล็กๆ นั้นออกมา
มองดูกล่องๆ นี้ ตาของเชอรีนกระตุกไปมา “นี่…..นี่คืออะไร?”
“เหมือนกับเมื่อวาน” วารุณีตอบ
เชอรีนตกใจมาก “ยัยคนนั้นส่งของแบบนี้ ส่งมาถึงที่นี่เลย?”
“ใช่ ฉันถึงขั้นสงสัย พรุ่งนี้ตอนที่ฉันไปแข่ง ก็จะได้รับ” วารุณีหรี่ตาอย่างอันตราย