“ฉันบอกว่าสุภัทรกับชยานีตายแล้ว” วารุณีมองเธอและย้ำอีกครั้ง
นี่เป็นการที่ทำให้พิชญามั่นใจว่าตัวเองได้ยินไม่ผิด ถึงได้ทึ่มทื่อไปทั้งกายใจ พูดอย่างคนเลื่อนลอยว่า “ตายแล้ว……เป็นไปได้ยังไง……”
“ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ สุภัทรถูกแม่เธอวางยาพิษ ระบบในร่างกายถูกทำลายร่างกายทรุดโทรม ต่อมาได้รู้เรื่องของแม่เธอกับปวิช ภายใต้ผลกระทบรุนแรงทางอารมณ์เฉียบพลัน ฝืนทนไม่ได้จนตายไป อาจพูดได้ว่า สุภัทรถูกแม่เธอฆ่าตายทั้งเป็น” วารุณีพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
พิชญาอ้าปากพะงาบๆ ในใจพูดไม่ออกว่ารู้สึกอย่างไร ใช้เวลาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถามอีกว่า “แล้วชยานีล่ะ”
“เธอถูกตัดสินประหารชีวิต” วารุณีขดยิ้มมุมปาก “เธอวางยาสุภัทร เดิมทีก็เป็นอาชญากรรมอยู่แล้ว แถมยังพยายามบีบคอฆ่าสุภัทรต่อหน้าตำรวจอีก ที่สำคัญที่สุดคือ เธอผลักคุณแม่ของฉันตกลงมาชั้นล่าง ฆาตกรรมคุณแม่ของฉัน รวมอาชญากรรมเหล่านี้ แน่นอนว่าต้องเป็นโทษตาย”
“ถ้าอย่างนั้น……คุณแม่ของฉันถูกเธอทำร้ายจนตายงั้นเหรอ” พิชญาตวาดด้วยสีหน้าเกรี้ยวกราด
วารุณีอารมณ์ดี “ขอโทษเถอะนะ ฉันต้องแก้ให้เธอหน่อย เธอไม่ได้ถูกฉันทำร้ายจนตาย แต่ตายเพราะความชั่วร้ายของตัวเอง ถ้าเธอไม่ทำเรื่องเลวร้ายมามาก เธอก็คงจะไม่ตายหรอกจริงไหม”
แต่คำพูดนี้ไม่ได้เข้าหูพิชญาเลย เธอแค่รับรู้ว่าชยานีตายแล้ว
แม้จะเกลียดชยานี แต่ชยานีก็เป็นแม่ของเธอ
เธอไม่ยอมให้คนอื่นมาลงมือกับชยานี!
“วารุณี เลิกพูดไร้สาระสักที อะไรคือตายเพราะตัวเอง แน่นอนว่าเป็นเธอ ถ้าไม่ใช่เพราะเธอแจ้งตำรวจ คุณแม่ฉันก็จะไม่ตาย เธอจะไม่ตาย!” พิชญาเลิกผ้าห่มออกแล้วลงจากเตียง กำลังจะปรี่เข้าไปลงมือกับวารุณี
อย่างไรก็ตามยังไม่ทันที่เธอจะไปถึงตรงหน้าวารุณี ก็มีบอดี้การ์ดมาผลักเธอล้มลงไปกองกับพื้น
วารุณียังคงนั่งมั่นคงอยู่บนเก้าอี้ มองเธอด้วยสายตาสุดแสนเย็นชา “เธอมีตรรกะที่ตลกดีนะ ไม่คิดว่านี่เป็นสิ่งตอบแทนที่ชยานีควรได้รับ กลับกันดันคิดว่าฉันไม่ควรแจ้งตำรวจ ฉันพูดได้แค่ว่า เธอสมควรเกิดมาจากชยานีจริงๆ สมองไม่ปกติ ปราศจากความรู้ด้านกฎหมาย ไร้ซึ่งมุมมองอันถูกต้องชอบธรรม”
พิชญาตัวสั่น “เธอไม่ต้องมาพูดเรื่องความรู้ด้านกฎหมายอะไรนั่นกับฉัน ฉันแค่รู้ว่าการตายของคุณแม่ฉัน มันเลี่ยงความเกี่ยวข้องกับเธอไม่ได้วารุณี”
วารุณียิ้ม “ฉันยอมรับ เป็นความจริงที่ฉันพาตำรวจไปจับชยานี แต่แล้วยังไงล่ะ เธอคิดว่าเธอถูกขังอยู่ที่นี่ เธอยังสามารถทำอะไรฉันได้ อีกอย่างเธอเกลียดชยานีไม่ใช่เหรอ มาได้ยินว่าหล่อนตายแล้ว เธอควรดีใจสิถึงจะถูกไม่ใช่หรือไง ทำไมทำท่าทำทางเป็นเดือดเป็นร้อนเพื่อเธอหนักหนา ดูปลอมมากนะ”
“มันไม่ใช่เรื่องของเธอ ต่อให้ฉันเกลียดเธอ แต่เธอก็เป็นแม่ของฉัน ไม่ใช่ธุระกงการของเธอที่จะมาลงมือ” พิชญาขยับไม่ได้เพราะถูกบอดี้การ์ดล็อคตัวไว้ ได้แต่จ้องเธอจนเบ้าตาถลนเส้นเลือดขึ้น ดูราวกับอยากฉีกเธอเป็นชิ้นๆ
วารุณีกุมหน้าผาก มีอารมณ์เบื่อหน่าย “งั้นสุภัทรล่ะ ชยานีทำไม่ดีต่อเธอขนาดนั้นตั้งแต่เธอยังเด็ก ตอนนี้เธอยังทวงความยุติธรรมเพื่อหล่อน งั้นสุภัทรก็ตายแล้ว ทำไมฉันไม่ได้ยินเธอเสียใจเพื่อเขาเลย สุภัทรดีต่อเธอมากนี่นา เพื่อเธอแล้ว ขับไล่ฉันกับศรัณย์ลูกชายหญิงที่ตัวเองให้กำเนิดออกจากบ้าน แต่ผลลัพธ์กลายเป็นว่าเมื่อได้ยินว่าเขาตายแล้ว เธอกลับไม่ได้นึกถึงเขาเลยสักนิด”
ได้ยินคำพูดนี้ พิชญาพลันรู้สึกผิดอย่างมาก แววตาสั่นไหวต่อเนื่อง “ทำไมฉันต้องนึกถึงเขา เธอก็บอกเองว่าเขาไม่ใช่พ่อผู้ให้กำเนิดฉัน มีเหตุผลอะไรที่ฉันต้องนึกถึงเขา”
“ต่อให้เขาไม่ใช่พ่อเธอ แต่ก็ดีต่อเธอมากนะ” วารุณีมองเธอ
พิชญายิ้มเย็นชา “ดีต่อฉันงั้นเหรอ ใช่ เมื่อก่อนเขาดีต่อฉัน แต่นั่นเพราะเขาคิดว่าฉันเป็นลูกที่เขาให้กำเนิด ถ้าเขารู้ก่อนว่าฉันไม่ใช่ลูกที่เขาให้กำเนิด เขายังจะดีต่อฉันไหมล่ะ”
วารุณีเสยผม “ลูกหมาป่าตาขาวเลี้ยงไม่เชื่องพูดแบบนี้ ถ้าสุภัทรได้ยินเข้า คาดว่าต้องโกรธตายแน่ ไม่ผิด ถ้าเขารู้ก่อนว่าเธอไม่ใช่ลูกที่เขาให้กำเนิด เขาก็อาจจะไม่ดีต่อเธออีก แต่เมื่อก่อนเขาดีต่อเธอ ซึ่งเธอไม่สามารถลบสิ่งนี้ออกได้ พระคุณของเขาในการเลี้ยงดูเธอมันเป็นความจริงแท้แน่นอน แต่ปรากฏว่า ขนาดตายแล้วแม้แต่คำพูดดีๆ สักคำก็ไม่ได้รับ”
เมื่อพูดจบแล้วเธอก็ยืนขึ้น “เดิมทีฉันคิดว่าถ้าฉันบอกเธอเรื่องพวกนี้ อย่างน้อยๆ เธอคงจะร้องไห้ให้สุภัทรสักนิดหน่อย แต่ตอนนี้ดูแล้วฉันคิดผิดไป คนไม่มีหัวใจ จะร้องไห้ได้ยังไง เอาล่ะ เธออยู่ที่นี่ไปดีๆ เถอะ ฉันไปก่อน”
เธอหันหลังเดินไปที่ประตู
พิชญาตะโกนตามหลังเสียงแหบเสียงแห้ง น้ำเสียงตะโกนเต็มไปด้วยความคับแค้น “วารุณีเธอรอเลย เธอฆ่าคุณแม่ฉัน ฉันจะไม่มีวันปล่อยเธอแน่นอน ต่อให้ฉันออกไปไม่ได้ ฉันก็จะหาวิธีลากเธอลงนรก……”
วารุณีหยุดก้าวเดินชั่วครู่ หันหน้ามองไปยังพิชญา “งั้นเหรอ งั้นฉันจะรอ แต่ก่อนที่เธอจะลากฉันลงนรก ฉันจะทำให้เธอรู้สึกก่อนว่าอะไรที่เรียกว่าตกนรก พวกคุณสั่งสอนเธอให้ดีๆ ชำระล้างปากให้เธอ”
“ครับ” บอดี้การ์ดที่จับพิชญาส่งเสียงตอบรับพร้อมกัน
วารุณีหันกลับไปแล้วเดินออกจากห้อง
หลังจากออกไป เธอยังสามารถได้ยินเสียงร้องอันเจ็บปวดของพิชญาดังขึ้นข้างหลัง
เห็นได้ชัดว่าบอดี้การ์ดสองคนนั้น กำลังลงโทษพิชญาอย่างโหดร้ายทารุณ
แต่ทั้งหมดนั่นเป็นสิ่งที่พิชญาสมควรได้รับ
เธอมาที่นี่ เพื่อบอกพิชญาว่าสุภัทรตายแล้ว คิดว่าสุภัทรที่รักพิชญามากจากใจจริง การตายของเขา เธอไม่บอกพิชญาไม่ได้
เดิมทีคิดว่าพิชญาจะรู้สึกเสียใจสำหรับเหตุการณ์นี้ แต่คิดไม่ถึง พิชญาไม่ได้มีร่องรอยแห่งความเสียใจแม้แต่น้อย ถึงขั้นที่คิดว่าการตายของสุภัทรไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
พิชญาสนใจแต่ชยานี แม้จะเกลียดชยานี แม้ชยานีจะไม่ดีต่อเธอเมื่อครั้งยังเด็ก แต่ก็เป็นแม่แท้ๆ ของชยานี ดังนั้นเมื่อชยานีตาย พิชญาจึงมีอารมณ์ที่รุนแรงมาก
แต่สุภัทรล่ะ นอกจากที่พิชญามีอาการช็อคในคราแรก ก็ไม่มีอารมณ์อื่นใดเพิ่มเติมอีก
เธอไม่ใส่ใจการตายของสุภัทร แม้สุภัทรจะรักเธอมากขนาดนั้น เธอก็ไม่แคร์ เพราะสุภัทรไม่ใช่พ่อผู้ให้กำเนิดเธอ
นี่เรียกว่าหมาป่าตาขาวเลี้ยงไม่เชื่อง ทำคุณบูชาโทษ
วารุณียืนอยู่หน้าลิฟต์ สูดหายใจเข้าลึก ในใจมีแต่ความเย้ยหยันเหลือคณานับ
สุภัทร คุณเห็นแล้วสินะ นี่คือลูกสาวที่คุณมอบความรักให้มานานกว่ายี่สิบปี
ติ๊ง ลิฟต์เปิดออก
วารุณีนวดคิ้วพลางก้าวเท้าเดินเข้าไป
เพิ่งเข้าไป โทรศัพท์พลันดังขึ้น
แต่ดังอยู่สองครั้ง สายก็ตัดไปอัตโนมัติ เพราะในลิฟต์อับสัญญาณ
แต่ใครที่เป็นคนโทรมา เธอได้เห็นแล้ว
หลังจากออกจากลิฟต์แล้ว วารุณีจึงโทรกลับไป “ฮัลโหล นัทธี”
“คุณไปเยี่ยมพิชญาเหรอ” เสียงกดต่ำของนัทธีดังมาจากปลายสาย
วารุณีส่งเสียงอืม “คุณรู้ได้ยังไง”
“อารัณเป็นคนบอกผม” นัทธีตอบกลับขณะยืนอยู่ด้านหน้าป้ายหลุมศพของขงเบ้ง
วันนี้เป็นพิธีฝังศพขงเบ้ง
แต่ถึงบอกว่าเป็นพิธีฝังศพ กลับไม่ได้มีการเชิญใครเข้าร่วมเลย แค่ให้มารุตไปรับเถ้ากระดูกของขงเบ้งกลับมาจากฌาปนสถาน แล้วตรงเอามาฝังในหลุมฝังศพที่ซื้อไว้ก่อนหน้านี้ก็เสร็จสิ้น
เถ้ากระดูกของขงเบ้งเพิ่งถูกฝังลงไปเมื่อครู่ ขณะนี้ป้ายหลุมศพกำลังถูกจัดตั้ง
นัทธียืนอยู่ข้างๆ กำลังมองดูพวกเขาติดตั้งป้าย
รอกระทั่งตั้งเสร็จ เขาก็จะไป
นี่ก็นับว่าเขาในฐานะหลานชาย ได้ให้เกียรติขงเบ้งเป็นครั้งสุดท้าย
“แบบนี้เอง” วารุณีพยักหน้า “อืม ฉันเพิ่งไปเยี่ยมพิชญามา แต่ก็น่าขำจริงๆ ไม่อยากเชื่อว่าพิชญาจะเอาการตายของชยานีมาโทษว่าเป็นความผิดของฉัน คิดว่าฉันไม่ควรพาตำรวจไป ถ้าเป็นอย่างนั้น ชยานีก็จะไม่ตาย”
“คนสมองไม่ปกติก็จะคิดอะไรแบบนี้ ไม่ต้องไปสนใจเธอ” นัทธีเม้มริมฝีปากแล้วเอ่ยเสียงบางเบา
วารุณียิ้ม “ฉันรู้ เพราะงั้นฉันถึงไม่ได้อยู่นานและก็ออกมาแล้ว ตอนนี้กำลังกลับไปที่คฤหาสน์แล้วล่ะ”
“ดี กลับไปเร็วๆ เลย ถึงแล้วบอกผม อย่าให้ผมเป็นห่วง” นัทธีเตือนด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
ตั้งแต่รู้ว่านวิยาไม่ได้อยู่ในจังหวัดจันทร์แล้ว เขาก็มีลางสังหรณ์ว่านวิยาอาจจะไปปรากฏตัวอยู่แถวๆ เธอ
ถึงแม้เขาจะจัดบอดี้การ์ดจำนวนหนึ่งเอาไว้ให้อยู่ใกล้ๆ เธอกับลูกเพื่อคอยปกป้อง เขาก็ไม่วางใจ