ไม่คิดว่ามารุตก็จะหันมองมาด้วยเช่นกัน ทันทีที่ทั้งคู่สบตากัน ต่างพากันตะลึง
แต่ไม่นาน เชอรีนก็ละสายตาออก ก้มหน้าลง น้ำเสียงร้อนรน ตอบกลับเสียงเบาว่า “ไว้……ไว้ค่อยคุยกันทีหลังดีกว่า?”
เมื่อเห็นใบหูแดงๆ และแก้มที่เห่อร้อน วารุณีก็เลิกคิ้วขึ้น ราวกับจะเข้าใจอะไรบางอย่าง แล้วลากเสียงยาวว่า “อ้อ……ค่อยคุยกันทีหลังเหรอ!”
“พอแล้ววารุณี ฉันไม่คุยกับเธอแล้ว ฉันขอตัวก่อน” เชอรีนไม่กล้าอยู่ต่อ รีบหาข้ออ้างปลีกตัวออกไป
เธอกลัวว่าหากเธอยังอยู่ต่อ ไม่พ้นคงโดนล้อแน่ๆ
เชอรีนหันหลังแล้วจากไป
มารุตกระแอมไอเบาๆ “ท่านประธาน คุณผู้หญิง งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”
“ไปเถอะ”นัทธีพยักหน้ารับคำ
มารุตโค้งคำนับให้คนทั้งสอง และจากไป
ในห้องนั่งเล่นจึงเหลือเพียงวารุณีกับนัทธีสองคน
วารุณีกอดแขนของนัทธี “ที่รัก เมื่อครู่คุณเห็นไหม ?”
“อะไร?”นัทธีถือแท็บเล็ตในมือ และกำลังดูรายงานทางการเงินอยู่
วารุณียกยิ้มและพูดว่า“ก็เชอรีนกับผู้ช่วยมารุตไง เมื่อกี้ตอนที่ฉันบอกว่า ให้เชอรีนหาใครสักคน เธอมองไปยังผู้ช่วยมารุต และที่สำคัญคือ ผู้ช่วยมารุต ก็มองเธอด้วยเช่นกัน พวกเขาทั้งคู่ต่างก็หน้าแดง ดังนั้นฉันคิดว่า พวกเขาต้องมีความรู้สึกดีๆต่อกันแน่ ”
“เหรอ?ผมไม่ได้สังเกต”นัทธีพลิกหน้าถัดไป และตอบเสียงเรียบ
ใครจะเป็นอย่างไร เขาไม่ค่อยสนใจเท่าไร ดังนั้นจึงไม่ได้ให้ความสนใจอะไร
เมื่อวารุณีเห็นเขาไร้อารมณ์ มุมปากก็กระตุก “ช่างมันเถอะ คุยกับคุณเรื่องพวกนี้ ไม่สนุกเอาซะเลย คุณดูของคุณไปแล้วกัน ฉันจะไปดูลูกๆสักหน่อยว่าทำอะไรกันอยู่ ”
นัทธีตอบอืมกลับมาคำหนึ่ง
วารุณีก็คลายมือออก แล้วขึ้นไปยังชั้นบน
ไม่นาน ชีวิตของวารุณี ก็กลับคืนสู่ความสงบ ราวกับชั่วข้ามคืน คนชั่วทั้งหลายก็สงบเสงี่ยมเจียมตัว
ตามปรกติทั่วไปแล้วก็มักจะได้ยินข่าวคราว อาทิเช่นไม่ใช่ทางฝั่งเธอเกิดเรื่องขึ้น ก็จะเป็นทางฝั่งของนัทธีมีเรื่อง
แต่นี่ก็ผ่านไปนานเป็นเดือนแล้ว ก็ยังคงสงบเงียบเหมือนเดิม ราวกับนวิยาและนิรุตติ์ไม่อยู่แล้วยังไงอย่างนั้น
และแน่นอนว่า ไม่อยู่แล้วนั้นมันเป็นไปไม่ได้ อย่างมากก็น่าจะจำศีลอยู่มากกว่า
เพราะช่วงนี้การเคลื่อนไหวของนัทธีก็ถือว่าเอิกเกริกอยู่มาก และยังมีระบบการรักษาความปลอดภัยที่แน่นหนา พวกนิรุตติ์ไม่กล้าเผยตัวก็ถือว่าไม่แปลก
แต่วารุณีรู้ ว่าพวกเขาคงซ่อนตัวอยู่แบบนี้ได้ไม่นานแน่ ไม่แน่อาจจะโผล่มาในสักวัน ดังนั้นก็จึงต้องเฝ้าระวังอยู่ตลอด หละหลวมไม่ได้โดยเด็ดขาด
ในคืนนี้ วารุณีพาลูกทั้งสองคนเข้านอนแล้ว ก็จึงลงไปยังชั้นล่างเพื่อหาน้ำดื่ม
พอดีกับเชอรีนที่ยังไม่เข้านอน กำลังนั่งอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่น และคุยโทรศัพท์อยู่
และไม่รู้ว่าปลายสายกำลังพูดอะไรด้วย เธอถึงกับยิ้มไม่หุบ
หลังจากที่เธอวางสายไปแล้ว วารุณีก็จึงได้พูดขึ้นว่า“ ผู้ช่วยมารุตโทรมาเหรอ?”
เชอรีนพยักหน้าให้อย่างเขินอาย “ใช่ เธอรู้ได้อย่างไร ? ”
วารุณีหัวเราะเบาๆ “ดูเธอเหมือนคนกำลังมีความรักซะขนาดนั้น จะเดาไม่ถูกได้ยังไง เธอกับผู้ช่วยมารุตคบกันแล้วเหรอ?”
เดิมทีเชอรีนว่าจะปฏิเสธ แต่เมื่อเห็นใบหน้าของวารุณีที่สลักว่าเธอหลอกฉันไม่ได้หรอก สุดท้ายก็ยอมรับ พูดด้วยใบหน้าที่เห่อแดงว่า“ใช่ เมื่อวานตอนเราคุยกัน เขาสารภาพรักกับฉัน และฉันก็ตอบตกลง ”
“ช่างเร็วจริงๆ เมื่อเดือนก่อน พวกเธอเหมือนเพิ่งจะมีเค้าลางกันเอง นี่ผ่านไปได้แค่เดือนกว่าๆ ก็คบหากันแล้ว ”วารุณีพูดด้วยรอยยิ้ม
เชอรีนสยายผมไปมา “ใช่ ฉันก็คิดไม่ถึงเหมือนกัน ตัวฉันเองยังไม่รู้เลยว่าชอบเขาไปตอนไหน และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาชอบฉันตอนไหนเหมือนกัน พอมารู้สึกตัวอีกที เราก็คบกันแล้ว ”
“ก็ดีนี่ ผู้ช่วยมารุตเป็นคนดี เพราะฉะนั้นต่อไปเชอรีนเธอ ก็อย่าไปเผลอไผลกับผู้ชายที่ไหนอีก ” วารุณีพูดขึ้นอย่างจริงจัง
นับตั้งแต่เข้าร่วมการแข่งขัน เชอรีนก็ชอบมองผู้ชายหล่อๆ และยังใกล้ชิดสนิทสนมกับหนุ่มหล่อชาวตะวันตกด้วย
แต่เชอรีนก็ไม่ได้คบหากับพวกเขา เธอเองก็ไม่สะดวกที่จะพูดเตือนอะไร แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกัน เชอรีนมีแฟนแล้ว ยังเป็นผู้ช่วยของนัทธีอีกด้วย เธอไม่ต้องการให้เชอรีนไปทำร้ายมารุต
เชอรีนหัวเราะ“วางใจได้วารุณี ฉันแยกแยะได้ ตอนยังไม่มีใคร ฉันก็เล่นๆไปบ้าง แต่พอมีเป็นตัวเป็นตนแล้ว ฉันก็ต้องซื่อสัตย์กับอีกฝ่าย ไม่ต้องเป็นห่วงนะ ”
“งั้นก็ดี”วารุณีพยักหน้า
เชอรีนเก็บมือถือเข้าที่ มองไปยังหน้าท้องของวารุณี “เร็วจังเลยนะวารุณี เด็กในท้องของเธออายุได้หกเดือนแล้ว รออีกสามเดือน ก็น่าจะคลอดแล้วใช่ไหม ?”
วารุณีก้มหน้าลงแล้วลูบไปยังหน้าท้องที่นูนออกมา ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนที่เปี่ยมไปด้วยความรัก “ใช่”
“พูดแล้วนะ ว่าฉันจะเป็นแม่บุญธรรมของเด็กน้อยคนนี้ ห้ามให้ปาจรีย์มาแย่งนะ ปาจรีย์เป็นแม่บุญธรรมของอารัณกับไอริณไปแล้ว ตำแหน่งนี้ต้องเป็นของฉัน” เชอรีนพูดขึ้นอย่างร้อนรน กลัวว่าตำแหน่งแม่บุญธรรมของเธอจะถูกแย่งไป
วารุณีถึงกับจนปัญญา “ได้ๆๆ ฉันไม่ให้ปาจรีย์มาแย่งเด็ดขาดพอใจหรือยัง ”
“ค่อยยังช่วยหน่อย”เชอรีนยิ้มอย่างพึงพอใจ จากนั้นก็นึกอะไรขึ้นมาได้ สีหน้าท่าทางก็จริงจังขึ้นมา“วารุณีการแข่งขันกำลังจะเข้าสู่รอบรองชนะเลิศแล้ว เธอตื่นเต้นไหม?”
วารุณีเม้มริมฝีปากแดงๆ“แน่นอน นอกจากฉันแล้ว นักออกแบบสามคนที่เหลือ ความสามารถพวกเขาเก่งกาจมาก มีโอกาสที่จะลุ้นแชมป์ด้วย บอกตามตรง ฉันไม่มีความมั่นใจเลยว่าจะคว้าแชมป์มาได้ ”
เชอรีนถอนหายใจ “ใช่ ฉันเองก็เหมือนกัน แม้ว่านางแบบอย่างเราจะไม่ต้องแข่งขันกันเหมือนนักออกแบบอย่างพวกเธอ แต่นางแบบทุกคนต่างก็ชิงดีชิงเด่นกันอย่างเงียบๆ อยากจะช่วยเหลือนักออกแบบของตัวเองให้คว้าแชมป์ เมื่อมันเป็นแบบนั้น นางแบบอย่างพวกเรา บนหัวก็จะมีตำแหน่งแชมป์นางแบบสวมอยู่ ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันคือรัศมีแสงอย่างหนึ่ง สามารถนำพาผลประโยชน์ต่างๆให้เราได้มากมาย ดังนั้น……”
เธอลูบไปที่หน้าตัวเอง แล้วพูดอย่างละอายว่า“ ดังนั้นนางแบบอย่างเราๆ ก็จึงพยายามแสดงศักยภาพที่มีอย่างเต็มกำลังเพื่อพรีเซนต์เสื้อผ้าที่สวมใส่ แต่ฉันเป็นนางแบบหน้าใหม่ ต่อให้จะก้าวเข้าสู่เวทีระดับนานาชาติได้ ก็ได้ผ่านการฝึกฝนมามาก เพื่อเสริมบุคลิกภาพให้ตัวเอง แต่เมื่อเทียบกับนางแบบรุ่นพี่ ก็ยังถือว่าอ่อนอยู่มาก ดังนั้นวารุณี ฉันคงช่วยในส่วนของการเดินแบบไม่ได้ หากเธออยากที่จะคว้าแชมป์ ก็คงต้องพึ่งฝีมือการออกแบบของเธอเท่านั้นแล้ว ”
เพราะยังไงนี่ก็เป็นการแข่งขันของนักออกแบบ ดังนั้นหากออกแบบออกมาได้ไม่โดดเด่น ต่อให้นางแบบของนักออกแบบคนอื่นจะเดินแบบได้สวยสง่างามแค่ไหน ก็ต้องแพ้อยู่ดี
วารุณีเข้าใจความหมายของเชอรีน และเข้าใจความละอายของเชอรีน
เธอกุมไปที่มือของเชอรีน“ฉันรู้ เธอไม่ต้องรู้สึกผิดอะไรกับฉัน เราผ่านเข้ารอบสุดท้ายได้ ก็ถือว่าเก่งมากแล้ว หากจะต้องจบลงในรอบรองชนะเลิศ ฉันก็ไม่รู้สึกอะไร เพราะเราได้สร้างชื่อเสียงกันแล้ว ส่วนเรื่องแชมป์ ก็เป็นเพียงแค่ชื่อเสียงและผลพลอยได้ที่เพิ่มมาก็เท่านั้น”
ตอนนี้ในวงการแฟชั่น ทุกสายตาต่างก็จับจ้องมองมาที่นักออกแบบคนที่สามารถผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศได้
ดังนั้น พวกเธอในฐานะของนักออกแบบรุ่นใหม่ ก็มีพื้นที่ยืน อยู่ในวงการแฟชั่นและวงการออกแบบแล้ว
ตัวอย่างเช่นในตอนนี้ ชื่อวารุณี ก็ทัดเทียมกับชื่อMinaแล้ว และเมื่อเธอประกาศ ว่าชื่อวารุณีของเธอกับMinaนั้นเป็นคนคนเดียวกัน ชื่อเสียงและสถานะของทั้งสองชื่อนี้จะรวมเป็นหนึ่ง
ถึงตอนนั้น เธอก็จะได้รับความสนใจจากวงการแฟชั่น และอิทธิพลที่ได้ก็จะไม่น้อยไปกว่าการเป็นแชมป์ หรือบางทีอาจจะมากกว่านั้น
ในตอนนี้เอง จู่ๆโทรศัพท์มือถือของวารุณีก็ดังขึ้นมา
เธอหยิบออกมาดู เมื่อเห็นว่าเป็นคนรู้จักโทรมา ก็ยกยิ้ม “ฮัลโหล ลีน่า”
“วารุณี เธอยังจำฉันได้เหรอ”ปลายสาย ลีน่าพูดและหัวเราะออกมา
วารุณีพยักหน้า “จำได้แน่นอน เราเป็นพันธมิตรกันในนัดสุดท้ายนะ ”
ก่อนที่จะเริ่มการแข่งขันระดับนานาชาติ เธอกับลีน่าได้ทำข้อตกลงร่วมกับ เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ จากนั้นก็รวมทีมกันในรอบชิงชนะเลิศ