“แล้วนวิยาหนีไปทางไหน ? จำป้ายทะเบียนรถได้ไหม ?” นัทธีมองไปยังบอดี้การ์ดแล้วถาม
บอดี้การ์ดพยักหน้า“ ไปทางย่านมหาวิทยาลัย ผมจำป้ายทะเบียนได้ครับ ”
“ดีมาก”นัทธีพยักหน้าให้ จากนั้นก็มองไปที่วารุณี“ ไปตามอารัณลงมา”
วารุณีรู้ว่าเขาต้องการให้อารัณเกาะรอยตามทิศทางของนวิยา และล็อกป้ายทะเบียนรถหาตำแหน่งของนวิยา จึงรีบรับคำ ขึ้นชั้นบนแล้วไปตามตัวอารัณลงมา
ไม่นาน สามคนแม่ลูกก็เดินลงมาจากชั้นบน อ้อมอกของอารัณก็ยังมีแล็ปท็อปเครื่องเล็กๆเครื่องหนึ่งด้วย
คอมพิวเตอร์นั้นนัทธีปรับแต่งให้เขาเป็นพิเศษ แบตเตอรี่มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน คุณภาพดี สามารถบรรจุข้อมูลและโปรแกรมได้เป็นจำนวนมาก
หลังจากที่อารัณรู้ว่าพ่ออยากให้ตัวเองทำอะไร ก็เปิดคอมพิวเตอร์ สองมือน้อยๆแตะลงบนแป้นพิมพ์ แล้วขยับเคลื่อนไหวไปมาอย่างรวดเร็ว
เชอรีนกับลีน่าที่อยู่ด้านข้างก็ถึงกับตะลึง
“นี่ เธอรู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น?”ลีน่าใช้แขนสะกิดไปที่เชอรีน ถามเสียงเบา
เชอรีนลอบกลืนน้ำลายแล้วตอบว่า“ นี่เธอคงไม่รู้ ว่าอารัณเป็นแฮกเกอร์ และยังเป็นแบบที่เก่งกาจมากที่สุดคนหนึ่ง ”
“อะไรนะ?เด็กตัวเล็กแต่นี้ เป็นแฮกเกอร์ ?”ลีน่าตะลึง
เชอรีนพยักหน้า “ใช่ มีครั้งหนึ่งฉันเห็นอารัณใช้คอมพิวเตอร์ ก็คิดว่าเขาคงกำลังเล่นเกมอยู่ เดินไปดู แม่เจ้า หน้าจอเต็มไปด้วยรหัส และกะพริบเร็วมาก ฉันดูจนตาลาย จึงได้เอาเรื่องนี้ไปบอกวารุณี วารุณีถึงได้บอกฉันว่า อารัณเป็นแฮกเกอร์”
“เหลือเชื่อจริงๆ เด็กอายุห้าขวบจะมีความสามารถที่พิเศษขนาดนี้ น่าอิจฉาจริงๆ ”ลีน่ามองไปยังอารัณ ดวงตาก็เป็นประกาย
อารัณรู้สึกได้ว่ามีคนกำลังมองตัวเองอยู่ แต่ก็ไม่ได้สนใจ และกำลังใช้สมาธิจดจ่อกับการค้นหากล้องวงจรปิดในละแวกย่านมหาวิทยาลัย
ผ่านไปสักพัก เขาก็กดปุ่มEnter“เจอแล้ว”
นัทธีกับวารุณีตรงไปยังหน้าจอคอมพิวเตอร์ทันที
“อยู่ไหน ? หาที่ซ่อนตัวของนวิยากับนิรุตติ์เจอหรือยัง?” วารุณีถามอย่างเร่งรีบ
นัทธีส่ายหัว “ไม่ใช่ อารัณหมายถึง เจอเส้นทางหลบหนีของนวิยาแล้ว ”
“ครับ รถของนวิยา ขับเข้าไปในย่านมหาวิทยาลัยจริง แต่เข้าไปแล้ว กล้องวงจรปิดบริเวณนั้นถูกทำลายทั้งหมด หรือจะพูดอีกอย่างก็คือ เรารู้ว่าเธอขับเข้าไปในย่านมหาวิทยาลัย แต่พอเข้าไปแล้ว หยุดอยู่ที่นั่นเลย หรือว่าทิ้งรถแล้วหนีหายไป เราก็ไม่อาจรู้ได้ เพราะกล้องวงจรปิดรอบๆบริเวณย่านของมหาวิทยาลัย ไม่เห็นรถคันนั้นขับออกมาอีก”อารัณตอบอย่างจนใจ
วารุณีขมวดคิ้ว “หมายความว่า เราไม่เจอร่องรอยของเธออีกแล้วงั้นเหรอ?”
“ครับ”อารัณพยักหน้าให้“ แต่ถ้าหากอยากจะหาตัวเธอให้เจอ ยังมีอีกวิธีหนึ่ง นั้นก็คือเจาะเข้าระบบของดาวเทียม และใช้กล้องจากดาวเทียมเพื่อค้นหา”
“ไม่ได้!”สีหน้าของนัทธีแน่นิ่ง คัดค้านทันที“เจาะเข้าระบบดาวเทียมไม่ได้ ไม่ว่าจะในประเทศหรือต่างประเทศ ห้ามเจาะเข้าระบบดาวเทียมเด็ดขาด ได้ยินไหมอารัณ?”
เขามองไปที่อารัณด้วยสีหน้าที่จริงจัง
สีหน้าของวารุณีก็จริงจังขึ้นมาด้วย “ใช่อารัณ เชื่อฟังที่พ่อพูด ”
เพราะตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ต่างประเทศ หากเจาะเข้าระบบดาวเทียมของประเทศนี้ และถูกประเทศนี้ตรวจจับได้ ตามหาตัวอารัณเจอ อารัณที่ยังเด็กและมากความสามารถแบบนี้ ประเทศนี้ไม่มีทางปล่อยอารัณให้กลับไปแน่ เป็นไปได้ว่าอาจจะกักขังตัวอารัณไว้ และฝึกฝนพัฒนา จนเป็นพลเมืองของประเทศนี้ ไปไหนไม่ได้อีกเลยตลอดชีวิต
ในประเทศเองก็เช่นเดียวกัน บุคคลระดับสูงในประเทศ จะไม่ปล่อยให้อารัณได้อยู่ที่ตระกูลไชยรัตน์ จะพาตัวอารัณไปด้วยเช่นกัน
ดังนั้นไม่ว่ายังไง เธอกับนัทธียอมใช้วิธีที่โง่และช้าในการตามหาตัวพวกนวิยา และไม่ยอมให้อารัณเจาะเข้าระบบของดาวเทียม แม้วิธีนั้นจะหาตัวพวกเขาได้ในทันทีก็ตาม
เห็นพ่อกับแม่เคร่งเครียดกันขนาดนี้ อารัณก็เข้าใจในสิ่งที่พวกเขาเป็นกังวล จึงยิ้มและพยักหน้าให้“วางใจได้ครับคุณพ่อหม่ามี๊ ผมไม่ทำแน่นอนครับ”
“ดีมาก”วารุณีกอดเขา แล้วลูบเบาๆไปที่ศีรษะของเขา
นัทธียืนขึ้น และมองไปยังบอดี้การ์ด“ส่งคนไปค้นหาย่านมหาวิทยาลัยดูว่ารถยังอยู่หรือเปล่า หากยังอยู่ ใช้รูปถ่ายของนวิยาถามเอากับคนละแวกนั้น เธอมีใบหน้าของชาวตะวันออก คนละแวกนั้นน่าจะคุ้นหน้าคุ้นตาอยู่บ้าง”
“ครับ”บอดี้การ์ดพยักหน้า ออกไปดำเนินการตามคำสั่ง
วารุณีจับไปที่มือของนัทธี“นัทธี คุณคิดว่าทำไมวันนี้นวิยาถึงได้ปรากฏตัว ? และยังไปโผล่ที่ตลาดพลอยด้วย คงไม่ใช่ไปซื้อพวกเครื่องประดับอะไรหรอกมั้ง ?”
“ไม่ใช่หรอกหม่ามี๊”อารัณส่ายหัว จากนั้นก็กดปุ่มEnter หน้าจอคอมพิวเตอร์ก็มีคลิปวิดีโอปรากฏขึ้น“นี่เป็นภาพจากกล้องวงจรปิดที่นวิยาปรากฏตัวขึ้นในตลาดพลอย ตามภาพจากกล้องวงจรปิด เธอไปถึงที่ตลาดพลอยหลังจากที่หม่ามี๊ถึงแล้วครึ่งชั่วโมง จากนั้นก็เฝ้าดูหม่ามี๊เข้าไปในร้านต่างๆ ”
“ลูกรักลูกกำลังหมายความว่า เธอตามหม่ามี๊มาเหรอ?” วารุณีขมวดคิ้ว
นัทธีหรี่ตา “จะพูดให้ถูกก็คือ เธอตั้งใจปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าคุณ เพื่อให้คุณเห็นเธอ”
“เพื่ออะไร?”วารุณีขบริมฝีปากแน่น ไม่เข้าใจ“ ก่อนหน้านั้นก็หลบซ่อนตัวอย่างมิดชิด ไม่ปรากฏตัวให้เห็น แล้วทำไมจู่ๆถึงโผล่ออกมา ให้ฉันเห็นเธอล่ะ”
“ตอนนี้ยังไม่แน่ใจ แต่ที่มั่นใจได้ก็คือ พวกเขาน่าจะกำลังมีแผนอะไร ไม่แน่คราวหน้า นิรุตติ์ก็อาจจะปรากฏตัวขึ้นมาก็ได้ ”นิ้วนัทธีเคาะไปที่โต๊ะ คาดเดาด้วยดวงตาที่มืดมน
วารุณีปวดหัวแทบระเบิด“พวกเขากำลังคิดจะทำอะไรกัน ?”
“ไม่ว่าจะทำอะไร ก็ต้องระมัดระวังตัวให้มาก ช่วงนี้เป็นการแข่งรอบชิงชนะเลิศ จะเป็นอะไรไปไม่ได้เด็ดขาด”นัทธีพูดอย่างเคร่งขรึม
วารุณีพยักหน้า “ฉันเข้าใจแล้วค่ะ”
ตกดึก หลังจากที่ทั้งสองคนพาลูกๆเข้านอนแล้ว ก็จึงนอนกันอยู่บนเตียง
นัทธีนั่งพิงหัวเตียง ในมือถือแท็บเล็ตกำลังดูรายงานทางการเงิน วารุณีก็พิงอยู่หัวเตียง ดูคลิปตลกในมือถือ
จู่ๆ เธอก็อุทานออกมา รีบวางโทรศัพท์ในมือลง ลูบไปที่หน้าท้อง
“เป็นอะไร?”นัทธีได้ยินเสียงร้องของเธอ คิดว่าเกิดอะไรขึ้น รีบวางแท็บเล็ตในมือลง หันไปมองสำรวจร่างกายของเธอ
วารุณีเงยหน้าขึ้น ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม “ไม่เป็นไรค่ะ ลูกชายหรือลูกสาวของคุณเพิ่งถีบฉัน”
“ถีบคุณเหรอ?”นัทธีอึ้งไป จากนั้นก็มองไปที่หน้าท้องของเธอ “เขาดิ้นแล้วเหรอ?”
“ใช่”วารุณีพยักหน้า
นัทธีวางมือไปบนหน้าท้องของเธอ “ไม่นี่ ?”
ดวงตาเขามีความผิดหวังพาดผ่าน
ตอนอายุครรภ์ได้สี่เดือน เธอบอกเขาว่าทารกในครรภ์ก็เคลื่อนไหวได้แล้ว เขาตั้งตารอที่จะได้เห็นมันกับตาตัวเอง
เพราะเขาพลาดช่วงเวลาในวัยทารกน้อยของอารัณกับไอริณ และไม่อยากพลาดเด็กน้อยคนนี้อีก
แต่วารุณีบอกเขา ว่าทารกน้อยเคลื่อนไหวอยู่หลายครั้งแล้ว แต่เขาไม่เคยได้เห็นมันด้วยตาตัวเองเลยสักครั้ง
ไม่รู้ว่าทารกน้อยคนนี้จงใจหรือเปล่า ทุกครั้งที่เขาอยากจะได้สัมผัสกับมัน ก็เงียบกริบทุกครั้ง
เมื่อเห็นหน้าตาที่ผิดหวังของชายหนุ่ม วารุณีก็จนใจ ลูบไปที่หน้าท้อง พูดอย่างอ่อนโยนกับลูกในท้องว่า“ลูกรัก ดิ้นอีกครั้งนะ ทักทายกับพ่อเขาหน่อย พ่อรักเรามากนะ ”
หรืออาจเพราะทารกในครรภ์จะฟังเข้าใจ ก็จึงขยับเคลื่อนไหวขึ้นมาจริงๆ
วารุณีถลกเสื้อนอนขึ้น เผยให้เห็นหน้าท้อง จากนั้นก็ดึงแขนเสื้อของนัทธี เพื่อให้เขาได้ดู
ในตอนนี้เอง นัทธีสามารถมองเห็นช่วงท้องของวารุณี โหนกนูนออกมา ราวกับภายในมีอะไรค้ำเอาไว้ และยังขยับเคลื่อนไหวไปมา
นัทธีรู้ ว่านี่คือลูกของเขา
นัทธียื่นมือออกมาด้วยความกดดัน ภายใต้สายตาที่ให้กำลังใจของวารุณี เขาวางมือลงบนหน้าท้องของเธอ
ฝ่ามือเขาสัมผัสได้ถึงแรงเตะของทารกน้อยอย่างชัดเจน ราวกับไม่ชอบที่เขาเอามือวางลงตรงที่จุดนี้
แต่เตะไปไม่กี่ที ก็ไม่เห็นว่าเขาจะปล่อย ทารกน้อยราวกับจะยอมแพ้ และนิ่งเงียบลงไปอีกครั้ง