เพราะการแข่งขันระดับนานาชาติไม่ได้มีเพียงแค่เสื้อผ้า เครื่องประดับรองเท้าและหมวกอื่นๆก็มีเหมือนกัน เมื่อทุกการแข่งขันเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ นักออกแบบที่ต่างกันในแต่ละแวดวง ต้องจับคู่และร่วมมือกัน
อาทิเช่นเสื้อผ้าร่วมงานกับเครื่องประดับ รองเท้าร่วมมือกับหมวก
ดังนั้นเธอกับลีน่า ก็จึงเป็นคู่หูกันในสนามต่อไป
“ใช่ ตอนแรกฉันยังกังวลว่าจะเข้ารอบชิงชนะเลิศไม่ได้ ไม่คิดว่าจะทำมันได้ เธอไม่รู้อะไรวารุณี ปีนี้ไม่รู้เป็นไง มีนักออกแบบที่มากความสามารถมากมาย ”ลีน่าถอนหายใจแล้ววิพากษ์วิจารณ์ออกมา
วารุณีพยักหน้า“ฉันรู้ ทางฝั่งฉันก็เหมือนกัน ดังนั้นการแข่งขันในนัดต่อไป เราต้องระวังกันให้ดี ต้องเอาความสามารถที่มีออกมาให้หมด”
“เธอพูดถูก”ลีน่าเห็นด้วย จากนั้นก็เหมือนจะคิดอะไรขึ้นมาได้ จึงถามว่า“เออนี่วารุณี นางแบบของเธอเป็นยังไง ? เพราะต้องร่วมงานกับฝ่ายเสื้อผ้า จากนั้นเราต้องออกแบบเครื่องประดับออกมา และให้นางแบบสวมใส่เพื่อให้เข้าชุดกันบนเวที ดังนั้นฉันอยากรู้ว่านางแบบของเธอเพียบพร้อมแค่ไหน ”
การแข่งขันออกแบบเครื่องประดับก่อนหน้า นักออกแบบเครื่องประดับอย่างพวกเขาไม่ได้ให้นางแบบมาสวมใส่เครื่องประดับเพื่อทำการโชว์ แต่เก็บมันไว้ในชั้นวางของเครื่องประดับเพื่อโชว์ผลงาน
แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกัน ครั้งนี้ต้องให้นางแบบสวมใส่
วารุณีมองไปยังเชอรีน ภายใต้ดวงตาที่สงสัยของเชอรีน ยิ้มและตอบว่า“วางใจเถอะ เขาเก่งมาก และนิสัยของเขาก็คล้ายๆกับปาจรีย์ เธอต้องชอบเขาแน่”
“งั้นก็ดี”เมื่อลีน่าได้ยินที่เธอพูด ก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันที ตบไปที่หน้าอกของตัวเอง“ แค่นี้ก่อนนะวารุณี ฉันไม่คุยด้วยแล้ว ยังต้องเก็บกระเป๋าอีก พรุ่งนี้จะเดินทางไปหาเธอ ถึงเวลามารับฉันที่สนามบินด้วยนะ ”
“ได้”วารุณีรับคำ
เมื่อวางสาย เชอรีนก็จับไปที่มือของเธอ“วารุณี ใครเหรอ ? เหมือนพวกเธอจะพูดถึงฉันด้วย”
วารุณีถือแก้วนมด้วยมือข้างเดียวแล้วยกขึ้นจิบ“ลีน่า นักออกแบบเครื่องประดับหน้าใหม่ เธอลืมหรือไง การแข่งขันนัดถัดไป งานออกแบบเสื้อผ้าของเราจะร่วมงานกับนักออกแบบเครื่องประดับ ดังนั้นคู่หูของฉันก็คือลีน่า ก่อนพิธีเปิดการแข่งขัน ฉันเคยบอกเธอไปแล้ว”
เชอรีนตีไปที่หน้าผาก “นี่เธอไม่พูด ฉันก็เกือบจะลืมไปแล้ว ดังนั้นต่อจากนี้ ฉันก็จะเป็นนางแบบของเขาด้วยใช่ไหม ?”
“ใช่”วารุณีพยักหน้าให้
เชอรีนฝืนยิ้มแล้วนวดคลึงไปที่แก้ม “ตอนนี้ฉันรู้สึกกดดันมากกว่าเดิมอีก ”
“ฉันเข้าใจ แต่นี่มันก็เป็นเรื่องดีนะ ต่อไปเธอก็ไม่จำเป็นต้องเดินแค่แบบเสื้อผ้า หรือถ่ายแค่นิตยสารแบบเสื้อผ้าอีก วงการออกแบบเครื่องประดับ ไม่แน่ว่าอาจจะติดต่อมาหาเธอก็ได้”วารุณีตีไปบนหลังมือของเธอเบาๆ แสดงให้รู้ว่าไม่ต้องเป็นกังวล
เชอรีนกะพริบตาปริบๆ “ นั้นก็หมายความว่า ต่อไป หากฉันทำมันออกมาได้ดี ก็จะเป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียงได้?”
“ถูกต้อง”วารุณีรับคำ
เชอรีนสูดหายใจเข้าลึก“ฉันรู้แล้ว ฉันจะทำผลงานออกมาให้ดีที่สุด ใช้ความสามารถทั้งหมดที่มี ต่อให้จะสู้นางแบบรุ่นพี่ไม่ได้ แต่อย่างน้อยฉันก็พยายามอย่างสุดความสามารถแล้ว”
“อืม”วารุณียกยิ้ม
วันรุ่งขึ้น ทั้งสองคนปล่อยให้เด็กๆอยู่ที่คฤหาสน์ และพวกเธอก็ออกไปรับลีน่าที่สนามบิน
โชคดีมาก ที่พอมาถึงที่สนามบินได้ไม่นาน ลีน่าก็เดินออกมาจากเกท
“วารุณี”เธอโยนกระเป๋าเดินทางออกอย่างไม่สนใจ วิ่งเหยาะๆเข้าไปหา แล้วสวมกอดวารุณีเอาไว้
แต่แล้วก็รู้สึกเหมือนตรงช่วงท้องมีอะไรมาดุนดัน ก็จึงคลายมือออกด้วยความสงสัย แล้วก้มหน้าลง
เมื่อเห็นหน้าท้องที่นูนออก ลีน่าก็ทั้งประหลาดใจและดีใจ“นี่……เธอท้องเหรอ?”
วารุณีกุมมือไปที่หน้าท้อง“ใช่”
“พระเจ้า นี่เราก็ไม่ได้เจอกันนานกว่าครึ่งปีแล้ว ท้องของเธอก็น่าจะหกหรือเจ็ดเดือนแล้วไหม”ลีน่าวางมือไปยังหน้าท้องของเธอแล้วลูบคลำ
วารุณียกยิ้มและพูดว่า“ หกเดือนแล้ว ฉันท้องหลังจากที่เธอออกจากจังหวัดจันทร์ได้ไม่นาน”
“อย่างนั้นเหรอ ดีจังเลย ฉันเคยเจออารัณกับไอริณ พวกเขาน่ารักมาก เด็กคนนี้ก็ต้องน่ารักเหมือนอารัณกับไอริณแน่นอน”ลีน่าผละมือออก
เมื่อวารุณีได้ยินคำชมเด็กๆจากเธอ ก็สุขใจมาก“ขอบคุณสำหรับคำอวยพร เออนี่ ฉันขอแนะนำให้รู้จัก นี่คือนางแบบของฉัน คุณเชอรีน”
วารุณีชี้ไปยังเชอรีนแล้วพูดขึ้นมา
เชอรีนวางกระเป๋าเดินทางในมือลง
กระเป๋าเดินทางนั้นเป็นกระเป๋าที่ลีน่าเพิ่งจะเหวี่ยงทิ้งไป
เธอว่างพอดี จึงไปเก็บมันมา
ลีน่ามองไปยังเชอรีน ดวงตาเป็นประกาย“ที่แท้คุณก็เป็นนางแบบของวารุณีนี่เอง เมื่อครู่ตอนที่ฉันเดินออกมาก็สังเกตเห็นคุณแล้ว ลำคอช่วงแขนและขาเรียวสวยมาก รูปร่างสัดส่วนไม่ได้ด้อยไปกว่านางแบบผิวสีที่มีชื่อเสียงเลย วารุณี เขาดูดีมาก ฉันเชื่อว่าหากเขาสวมใส่เครื่องประดับที่ฉันออกแบบ ต้องสวยมากแน่ๆ ”
วารุณียักคิ้วให้เชอรีน จากนั้นจึงได้พูดตอบว่า“ ใช่ เธอเกิดมาเพื่อเป็นนางแบบ ฉันบอกแล้ว ว่าเธอจะต้องชอบเขา”
“ชอบสิ ฉันชอบมาก”ลีน่าพยักหน้าให้ซ้ำๆ
จากนั้น เธอก็จับไปที่มือของเชอรีน“หลังจบการแข่งขันระดับนานาชาติ ฉันจะจัดงานโชว์แสดงผลงานการออกแบบของตัวเอง ฉันหวังว่าคุณจะมาเป็นนางแบบให้ฉันนะ”
“นาง……นางแบบ?”เชอรีนไม่คิดว่าการที่จะมารับคนที่สนามบิน และมาดูนักออกแบบอีกคนของตัวเอง
ไม่คิดว่า นักออกแบบคนนี้จะหยิบยื่นโอกาสให้เธอแบบนี้
โชคของเธอ ช่างดีจริงๆ
“ใช่ คุณไม่โอเคเหรอ?”ลีน่าขมวดคิ้วมุ่น
เชอรีนส่ายหัวไปมา “ไม่ใช่ ฉันโอเค ฉันดีใจมากไปหน่อย เลยยังตั้งสติไม่ได้ ”
ลีน่าหัวเราะออกมา “ เยี่ยมไปเลย ตามนี้นะ รอการแข่งขันระดับนานาชาติเสร็จสิ้น คุณก็ไปกับฉันเลยนะ ”
เชอรีนมองไปที่วารุณี
วารุณีพยักหน้าให้เธอ
เชอรีนก็ถึงได้ตอบกลับไปว่า“ได้ค่ะนักออกแบบลีน่า”
“เรียกแค่ชื่อฉันก็พอค่ะ”ลีน่าตบไปที่ไหล่ของเธอเบาๆ
เชอรีนเห็นเธอไม่ได้ทำตัวเย่อหยิ่งอย่างนักออกแบบคนอื่นๆ ที่ดูถูกนางแบบหน้าใหม่ ตรงกันข้าม เธอใจกว้างมาก และเป็นกันเองมาก ที่สำคัญ เธอยังชอบตัวเองมากเสียด้วย
เพราะเหตุนี้ เชอรีนก็จึงผ่อนคลายและโล่งใจ พยักหน้าอย่างหนักแน่น “ ได้ค่ะลีน่า”
เมื่อเห็นทั้งสองคนเจอกันครั้งแรกก็เหมือนรู้จักกันมานาน วารุณีก็ยกยิ้ม“พอแล้วคนสวย เราไปกันเถอะ อย่าอยู่ที่นี่กันนานนักเลย”
“ไปกันๆ”ลีน่าเห็นดีเห็นงามด้วย
ทั้งสามคนเดินออกจากสนามบิน แล้วมุ่งตรงไปยังลานจอดรถ
ทันทีที่เข้ามาในลิฟต์ ร่างสองร่างที่ปลอมตัวอย่างเห็นได้ชัด ก็เดินออกมาจากห้องรับรองตรงบริเวณชั้นสองของสนามบิน ยืนอยู่ที่ราวบันได มองลงไปยังด้านล่าง ทิศทางที่ทั้งสามคนเดินจากไป
“ทำไม เรายังไปจากเมืองนี้ไม่ได้เหรอ ?”ร่างของคนที่เล็กกว่า พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่หงุดหงิด
ร่างสูงหรี่ตาลง“นัทธีปิดล้อมทางเข้าและออกหมดทุกทาง และยังได้รับการสนับสนุนจากผู้ว่าการของเมืองนี้ เราหนีไปไหนไม่ได้หรอก ”
“ฉันไม่อยากจะอยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว ทุกๆวันมีคนมาตรวจค้นหาตามสถานที่ต่างๆเพื่อหาตัวพวกเรา เราเป็นเหมือนหนูข้ามถนนหลบซ่อนตัวไปวันๆ ชีวิตแบบนี้ ฉันพอแล้วจริงๆ และหากยังเป็นอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ ช้าเร็วเราต้องถูกจับตัวได้สักวัน ดังนั้นเราต้องออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด”นวิยาทุบมือไปที่ราวบันได
นิรุตติ์ยิ้มเยาะ “เธอคิดว่าฉันอยากจะอยู่ที่นี่หรือไง ?”
“ฉันว่าคุณคงอยากจะอยู่ที่นี่นะ เพราะยังไงที่นี่ก็มีวารุณี ” นวิยายิ้มเยาะ
นิรุตติ์มองเธอด้วยดวงตาที่มืดมน
ทันใดนั้นเธอก็รับรู้ว่าเธอได้ยั่วโมโหเขาเข้าแล้ว รีบก้มหน้าลง เอ่ยปากพูดอย่างไม่เต็มคำไปว่า “ขอโทษ”
“เธอต้องดีใจที่ตัวเองไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่านี้ ไม่เช่นนั้นฉันจะจับเธอโยนลงไปจากตรงนี้”นิรุตติ์พูดอย่างเย็นชา แล้วหันหลังเดินกลับเข้าห้องไป
นวิยามองลงไปยังด้านล่าง แม้ชั้นสองกับชั้นหนึ่งจะห่างกันเพียงชั้นเดียว แต่ความสูงก็มีมากกว่าสิบเมตร
สภาพร่างกายเธอก็ไม่ได้ดีอยู่แล้ว หากถูกจับโยนลงจากตรงนี้ ย่อมต้องตายแน่ๆ
เมื่อคิดได้ดังนั้น ใบหน้าของนวิยาก็ซีดเผือด ในใจก็ยิ่งเคียดแค้นมากขึ้น