หลังจากปรึกษาหารือกันแล้ว ทั้งสองก็พูดคุยถึงแนวทางของการออกแบบ จากนั้นก็เตรียมตัวที่จะเดินทางออกจากห้องโถง
การแข่งขันในตอนนี้ไม่เหมือนกับตอนก่อนหน้า ที่ต้องอยู่แต่ในห้องแข่งจนกว่าจะเสร็จ เวลาสองอาทิตย์ นักออกแบบสามารถอยู่บ้าน หรือสถานที่อื่นๆเพื่อทำงานให้เสร็จได้
ขอแค่ส่งงานให้ตรงตามเวลาก็พอ
นักออกแบบคนอื่นๆก็มีความคิดนี้เช่นเดียวกัน ยื่นขออนุมัติแล้วเสร็จ จากนั้นก็ขอตัวลากลับไป
วารุณีกับลีน่าเดินขนาบข้างกันในโถงทางเดิน เพื่อไปยังห้องรับรอง
หลังจากเดินไปได้เพียงไม่กี่ก้าว จู่ๆก็ถูกเรียกเอาไว้
หันกลับไปมอง คือติ๊นา
“มีอะไรหรือเปล่า?”วารุณียกยิ้มแล้วมองดูอีกฝ่าย
เธอรู้สึกดีกับติ๊นามาก ไม่เพียงเพราะเมื่อครู่ติ๊นาช่วยเธอเอาไว้ แต่ที่สำคัญคือ การประพฤติปฏิบัติตัวของติ๊นาก็ดีมาก ดูจะเข้าได้กับทุกคน
“ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอ” ติ๊นาตอบพร้อมกับสมุดบันทึกออกแบบในมือที่กอดอยู่บนอก
วารุณีกับลีน่ามองสบตากัน จากนั้นก็ยิ้มและถามว่า “เรื่องอะไรเหรอ ?”
ติ๊นาไม่ได้ตอบออกไปในทันที แต่กลับหันซ้ายมองขวาไปยังรอบๆ ราวกับกำลังหลบซ่อนใครอยู่
เมื่อวารุณีเห็นท่าทีนี้ ก็หรี่ตาลง
“ที่นี่ไม่เหมาะกับการคุยกัน เราเดินหลบไปทางด้านข้างกันหน่อยดีกว่า” ติ๊นาชี้ไปที่ตรงบันได
วารุณีพยักหน้าให้
ในเมื่อรอบตัวเธอมีบอดี้การ์ดคอยดูแลอยู่ เธอจะไปกลัวอะไร
ทั้งสามคนก็เดินตามกันไป
หลังจากที่ติ๊นาหยุดเดิน ก็หันหลังกลับ แล้วมองไปที่วารุณี “วารุณี ต่อไปเธอต้องระวังตัวให้มากกว่านี้รู้ไหม ”
“หมายความว่าอย่างไร ?”ลีน่าเอียงคอด้วยความสงสัย
วารุณีขมวดคิ้วแน่น “เธอรู้อะไรมาใช่ไหม ? ”
ติ๊นาพยักหน้าให้ และพูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า“เมื่อวานมีคนแปลกหน้าคนหนึ่งมาหาฉัน บอกให้ฉันจัดการกับเธอในการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ หากเป็นแบบนี้ โอกาสที่ฉันจะคว้าแชมป์ก็จะมีมากขึ้น”
“อะไรนะ?”ลีน่าดวงตาเบิกกว้าง “มีคนแบบนี้ด้วยเหรอ ใครกัน แล้วเธอตอบตกลงไปไหม?”
ติ๊นาเหลือบมองเธออย่างเงียบๆ
มุมปากของวารุณีกระตุก“เธอโง่หรือไงลีน่า หากติ๊นาตอบตกลง เขาคงไม่เอาเรื่องนี้มาบอกพวกเราหรอก แล้วยังเตือนให้ฉันระวังตัวด้วย”
“ใช่” ติ๊นาพยักหน้าให้อย่างจริงจัง “ฉันเคยเข้าเรียนในโรงเรียนที่มีชื่อเสียง ครอบครัวก็เป็นครอบครัวของนักออกแบบที่มีชื่อเสียง ฉันไม่ตอบตกลงอยู่แล้ว แม้ว่าการแพ้ชนะจะเป็นเรื่องที่สำคัญ แต่พฤติกรรมของนักออกแบบนั้นสำคัญกว่า เมื่อนักออกแบบก้าวเข้าสู่การใช้วิธีที่สกปรกและน่ารังเกียจจัดการกับคนอื่น หัวใจของนักออกแบบคนนั้นก็มืดบอดแล้ว นักออกแบบที่มีจิตใจไม่ขาวสะอาด จะยังออกแบบผลงานที่ดีได้ยังไง”
“เธอพูดถูก”วารุณีมองเธออย่างชื่นชม
ติ๊นาพูดต่อว่า“เดิมทีฉันคิดว่าอีกฝ่ายน่าจะหาฉันแค่คนเดียว แต่เช้าวันนี้ ตอนที่ฉันกับโจเนียกำลังทานอาหารเช้ากันอยู่โจเนียก็พูดว่ามีคนให้เขาหาเรื่องจัดการเธอในรอบชิงชนะเลิศ แต่โจเนียไม่ได้ตอบตกลง นิสัยของเขาคล้ายกันกับฉัน ไม่มีทางทำเรื่องอะไรแบบนี้แน่นอน”
“ฉันรู้ ว่าเธอกับโจเนียเกิดในครอบครัวของนักออกแบบ หากทำเรื่องพวกนี้ แล้วถูกจับได้ ก็จะส่งผลเสียไปถึงครอบครัวด้วย”วารุณีพยักหน้า
ติ๊นาหัวเราะ“เธอคิดได้แบบนี้ก็ดีแล้ว แต่ว่า ในเมื่อฉันกับโจเนียยังมีคนเข้าหา ดังนั้นฉันจึงเดาว่า พวกเรานักออกแบบคนอื่นๆก็น่าจะถูกเข้าหาแบบนี้ด้วย จุดประสงค์เดียว คือลงมือจัดการกับเธอ ฉันกับโจเนียปฏิเสธ แต่ไม่รู้ว่าคนอื่นๆจะปฏิเสธเหมือนกันไหม แต่เจสันน่าจะไม่ปฏิเสธ เรื่องเมื่อครู่ ก็เป็นหลักฐานที่ดี ”
เจสัน นักออกแบบชายผิวสีคนนั้น
ดวงตาวารุณีเย็นเยียบ
ความโกรธของลีน่าในที่สุดก็ระเบิดขึ้น “เยี่ยม ไอชายผิวสีคนนั้นเขาตั้งใจ วารุณี เราจะปล่อยเขาไปแบบนี้ไม่ได้นะ”
“ฉันรู้ แต่ไม่มีหลักฐานยืนยันว่าเขาจงใจทำ ดังนั้นจะจัดการกับเขา ตอนนี้คงยังไม่ได้ ”วารุณีขบริมฝีปากแล้วพูดออกมา
ในตอนนี้เอง โทรศัพท์มือถือของติ๊นาก็ดังขึ้น
เธอหยิบมันออกมาดู“โจเนียโทรมา เขาชวนฉันออกไปดื่มคืนนี้ แค่นี้ก่อนนะวารุณี ที่ควรพูดฉันก็พูดไปหมดแล้ว ต่อไปเธอก็ระวังตัวด้วยนะ ”
พูดจบ เธอก็ตบไปที่ไหล่ของวารุณีเบาๆ จากนั้นก็เดินผ่านหน้าวารุณีไป
วารุณีกำมือแน่น นัยน์ตามืดมน
ใครกันที่มาหานักออกแบบพวกนี้ แล้วให้นักออกแบบทุกคนจัดการเธอ ?
นิรุตติ์เหรอ ?
หรือนวิยา?
“วารุณี เธอกำลังคิดอะไรอยู่?”ลีน่ายกมือขึ้นแล้วโบกไปมาตรงหน้าวารุณี
วารุณีได้สติ “ไม่มีอะไร?”
“ในเมื่อไม่มีอะไร ก็ไปพักผ่อนก่อนเถอะ ประธานนัทธียังรอเธออยู่ จะได้บอกเรื่องนี้กับประธานนัทธีด้วย บางทีเขาอาจจะมีวิธีก็ได้”ลีน่าให้คำแนะนำด้วยรอยยิ้ม
วารุณีพยักหน้า “เธอพูดถูก ไปกันเถอะ”
ทั้งสองคนเดินกลับไปที่ห้องรับรอง
เชอรีนก็อยู่ด้วย
เพราะชุดกับเครื่องประดับยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง เธอก็จึงไม่มีอะไรทำ อยู่ที่ห้องรับรองคอยดูแลเด็กๆแทนวารุณีกับนัทธีไปก่อน
เพราะอย่างไรไอริณก็เป็นเด็กผู้หญิง เรื่องบางเรื่องนัทธีก็ไม่สะดวกที่จะจัดการเอง ก็จึงต้องอาศัยเชอรีนคอยช่วยเหลือ
“วารุณี พวกเธอกลับมากันแล้วเหรอ”เชอรีนกำลังเล่นกับเด็กๆอยู่ เมื่อได้ยินเสียงประตูห้องรับรองเปิดออก ก็เงยหน้าขึ้นทักทาย
วารุณีตอบกลับ“เรากลับมาแล้ว”
“หม่ามี๊”เด็กทั้งสองคนทิ้งของเล่นในมือ แล้ววิ่งเข้าไปกอดขาของเธอ
วารุณีลูบศีรษะของเด็กๆ และพบว่าในห้องรับรองมีคนสองคนหายไป จึงถามด้วยความสงสัยว่า “นัทธีกับผู้ช่วยมารุตล่ะ ?”
“มารุตไปซื้อขนมให้เด็กๆ ประธานนัทธีเพิ่งรับสายแล้วออกไป ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่บริษัท”เชอรีนตอบ
วารุณีพยักหน้า แสดงให้รู้ว่ารับรู้แล้ว จูงมือของเด็กๆไปที่โซฟา
ลีน่านั่งลงข้างๆเชอรีน เพื่อวัดรอบคอ และรอบนิ้วของเชอรีน
ผ่านไปไม่นาน ประตูห้องรับรองก็ถูกเปิดออก ร่างสูงใหญ่ของนัทธีก็เดินเข้ามา
“คุณพ่อ”เด็กทั้งสองคนตะโกนเรียกและโบกมือให้ชายหนุ่มอย่างดีอกดีใจ
นัทธีพยักหน้าให้เล็กน้อย จากนั้นก็มองไปยังวารุณี“กลับมากันนานหรือยัง?”
“เพิ่งกลับมาค่ะ ได้ยินเชอรีนบอกว่า ที่บริษัทเกิดเรื่องขึ้นเหรอคะ ? สำคัญมากไหม ถ้าสำคัญมาก คุณกลับไปก่อนได้นะ”วารุณีพูดอย่างเป็นกังวล
เธอไม่อยากเป็นต้นเหตุ ให้เขาเพิกเฉยจนไม่สนใจเรื่องที่บริษัท
หากเป็นแบบนี้ ต่อให้เขาจะเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ป และเป็นประธานที่มีสิทธิ์มีเสียงมากที่สุด คณะกรรมการหัวรั้นเหล่านั้น ก็จะตั้งแง่เอากับเขาได้
เธอรู้ว่าเขาไม่กลัวคนหัวรั้นไม่ยอมรับสิ่งใหม่พวกนั้น และไม่สนใจคนหัวรั้นพวกนั้น
แต่ถ้าหากคนหัวรั้นพวกนั้นรวมหัวกัน ก็สร้างความลำบากให้เขาได้ เธอไม่อยากจะเห็นภาพเหตุการณ์แบบนั้น
“ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร ใกล้จะปีใหม่แล้ว สินค้าคงคลังประจำปี และโบนัสของพนักงานหลายแสนคน ผู้จัดการตัดสินใจเองไม่ได้ ดังนั้นก็จึงโทรมาหาผมว่าจะให้จัดการยังไงก็แค่นั้น ” นัทธีนั่งลงข้างๆเธอ
เมื่อวารุณีได้ยิน ก็โล่งใจ“ที่แท้ก็เรื่องนี้ งั้นฉันก็เบาใจแล้วค่ะ ”
“ประธานนัทธี”ในตอนนี้เอง เชอรีนก็ยิ้มแหะๆ“ฉันก็ถือเป็นพนักงานของบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ป และยังเป็นแฟนของผู้ช่วยมารุตด้วย ฉันมีโบนัสปีใหม่ด้วยไหมคะ?”
วารุณีรู้สึกขำกับคำพูดของเธอ ใช้แขนสะกิดไปยังชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆ“จริงด้วย เชอรีนมีโบนัสด้วยไหมคะ ?”
“มี”นัทธีตอบพลางคลึงไปที่หว่างคิ้ว
วารุณีมองไปที่ลีน่า “ งั้นก็รวมลีน่าไปด้วยอีกคนนะ”
แม้เธอจะไม่ใช่พนักงานของบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ป แต่ตอนนี้ก็เป็นคนของเขา จะเลือกที่รักมักที่ชังไม่ได้
นัทธีพยักหน้า “ได้”
ดวงตาลีน่าเป็นประกาย “ฉันก็ได้ด้วยเหรอ?!”
“ใช่ ประธานนัทธีใจป้ำจริงๆ”เชอรีนดีใจจนหุบปากไม่ลง
ลีน่าก็หัวเราะแหะๆออกมาด้วยเช่นกัน
วารุณีกระแอมไอเบาๆ “พวกเธอเอาแต่พูดว่าประธานนัทธีใจป้ำ ไม่มีใครพูดถึงฉันเลย ? ฉันก็เป็นคนพูดขอโบนัสนี้ให้พวกเธอเหมือนกันนะ”
“ใช่ๆๆ ภรรยาประธานนัทธีก็ใจป้ำเหมือนกัน”ลีน่ากับเชอรีนรีบประจบสอพลอ
วารุณีถึงกับจนใจ
“เออนี่วารุณี เล่าเรื่องนั้นให้ประธานนัทธีฟังสิ ”หลังจากหยอกล้อกันเสร็จ ลีน่าก็จริงจังขึ้นมา