วันนี้ วารุณีกำลังวาดภาพออกแบบอยู่กับลีน่า ส่วนเชอรีนก็เป็นนางแบบให้ บางทีก็ทำท่าทางโพสต์ตามที่พวกเธอบอกให้ทำ
ทันใดนั้น มารุตก็รีบร้อนเข้ามาอย่างรวดเร็ว
เชอรีนมองไปที่เขา “มีอะไรหรอ ทำไมต้องรีบร้อนขนาดนั้น?”
เธอรีบเทน้ำให้เขาดื่ม
หลังจากที่มารุตกลับไป ก็ก้มหน้าดื่มน้ำจนหมด แล้วก็มองมาที่วารุณี “คุณนาย ข่าวดีครับ นวิยากับนิรุตติ์ถูกจับได้แล้ว!”
“อะไรนะ?” วารุณียืนขึ้นด้วยความตกใจ “ถูกจับได้แล้วอย่างนั้นหรอ? ทั้งสองคนเลยหรอ?”
“ใช่ครับ วันนี้พวกเขาทั้งสองคนปรากฏตัวขึ้นที่สนามบินพร้อมกัน อยากจะหนีออกไปจากที่นี่ แล้วก็ถูกคนของพวกเราที่ดักส้มอยู่ตรงนั้นจะเอาได้”มารุตพูดด้วยความตื่นเต้น
วารุณีก็ดีใจเหมือนกัน เธอกำหมัดแน่น “ดีจังเลย ดีมากเลยจริงๆ สวรรค์จะมีน้ำใจต่อคนที่ไม่ย่อท้อจริงๆ ในที่สุดก็จับพวกเขาได้แล้ว ใช่สิ นัทธีรู้เรื่องหรือยัง?”
“รู้แล้วครับ ท่านประธานรู้เร็วที่สุดเลย ตอนนี้เขารีบตามไปที่สนามบินแล้ว”มารุตพยักหน้าแล้วก็ตอบคำถามของเธอ
วารุณีวางหนังสือออกแบบในมือของตัวเองลง “ฉันไปด้วย!”
“ท่านประธานก็พอจะรู้ว่าคุณก็จะตามไปเหมือนกัน ก็เลยตั้งใจให้ผมมารับคุณ ไปกันเถอะครับคุณนาย” มารุตทำท่าทางเชื้อเชิญ
เชอรีนกอดแขนของเขา “ที่รัก ฉันก็อยากไป”
“คุณจะไปทำไมล่ะ นี่มันเป็นเรื่องส่วนตัวของท่านประธานกับคุณนาย เชื่อฟังหน่อย รอให้เรื่องวุ่นวายของนิรุตติ์กับนวิยาจัดการเสร็จเรียบร้อยแล้ว ท่านประธานต้องให้ผมพักร้อนได้อย่างแน่นอน เดี๋ยวถึงตอนนั้นผมจะพาคุณไปเที่ยว”มารุตลูบผมแฟนของตัวเอง
พอเชอรีนได้ยินว่าจะไปเที่ยวดวงตาของเธอก็เป็นประกายขึ้นมาทันที เธอปล่อยแขนของเขา “คนตกลงแล้วนะ ถึงเวลาแล้วห้ามเสียคำพูดนะ”
“ผมไม่มีทางทำอย่างนั้นอย่างแน่นอน แต่ว่าท่านประธานจะให้ผมลาหรือเปล่าผมก็ไม่รู้นะ เพราะถึงยังไงเขาก็เป็นเจ้านาย ถ้าเกิดว่าไม่มีวันหยุดแล้วล่ะก็……”
“ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันจะจัดการเขาแทนพวกคุณเอง แล้วอีกอย่างก่อนหน้านี้นัทธีก็เคยพูดแล้วว่า ดอกให้จับพวกนิรุตติ์ได้ ก็จะกระจายอำนาจให้กับคุณ ก่อนที่จะได้รับอำนาจไปผ่อนคลายสักหน่อยก็เป็นเรื่องที่ปกติมากไม่ใช่หรอ”วารุณีกะพริบตาให้เชอรีน
เชอรีนรีบดึงมือมารุตให้ขอบคุณทันที “วารุณี ถ้ายังงั้นทริปท่องเที่ยวของเรา ต้องฝากเธอด้วยนะ”
“วางใจเถอะ”วารุณีพูดจบแล้วก็เดินออกไปพร้อมกับมารุต
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง ก็มาถึงสนามบิน
ตอนที่วารุณีมาถึงนัทธีก็กำลังอยู่ในห้องพักผ่อน “สามี พวกนวิยาล่ะ?”
“ถูกขังอยู่ในลานจอดรถ ตอนที่สอบพวกเขาได้นั้น บอดี้การ์ดทำให้พวกเขาสลบ ตอนนี้ก็ยังไม่ฟื้นเลย” อชี้ไปที่คอมพิวเตอร์หน้าตัวเองแล้วก็ต่อ
วารุณีเดินเข้าไปดู เราก็เห็นว่าหน้าจอนั้น นวิยากลับนิรุตติ์ถูกมัดอยู่บนเก้าอี้คนละตัว ปิดปากและจมูกของพวกเขา ท่าทางหมดสติไม่รู้เนื้อรู้ตัว
“แปลกจริงๆ ปกติพวกเขาจะสลับกันปรากฏตัวขึ้น แล้วทำไมวันนี้ถึงปรากฏตัวขึ้นพร้อมกันล่ะ?”วารุณีนั่งลงข้างเขา แล้วก็ถามด้วยความสงสัย
นัทธีเอามือทั้งสองไขว้กัน แล้วก็รองคางของตัวเอง “เดาว่าพวกเขาน่าจะดีขึ้นเด็กน้อยแหน่ คิดว่าน่าจะเหลืออีกไม่เยอะ ที่จะสามารถหารูรั่วและหนีไปจากที่นี่ได้”
“แบบนี้เองหรอ”วารุณีพยักหน้า แสดงท่าทางและเข้าใจในสิ่งที่เขาพูด แต่ว่าเธอก็ยังคงรู้สึกว่ามีบางสิ่งบางอย่างไม่ถูกต้อง แต่ว่าก็พูดไม่ออก ได้แต่จ้องมองไปที่กล้องวงจรปิด
ดูไปดูมา แล้วเธอก็อุทานออกมาทันที
นัทธีหันมามองเธอ “มีอะไรหรอ?”
“นวิยา เธออ้วนขนาดนี้เลยหรอ?”วารุณีหรี่ตาแล้วพูด
ความจริงแล้วผู้หญิงในกล้องวงจรปิดนั้นไม่ได้อ้วน ไม่ได้ต่างอะไรจากเธอมาก แต่ว่าถ้ามาเทียบกับนวิยาแล้ว เห็นได้ชัดว่ามีเนื้อมีหนังขึ้นเยอะมาก
นวิยาเป็นเจ้าหญิงนิทรามา 10 ปี ฉันยังทำการผ่าตัดเปิดกะโหลกศีรษะมาหลายครั้ง สุขภาพร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไหร่นัก ผอมแห้งเนื้อหุ้มกระดูก ถึงแม้ว่าจะพยายามบำรุงอย่างมากหลังจากออกจากโรงพยาบาล แต่ก็ไม่สามารถเพิ่มเนื้อหนังมังสาอะไรได้มากมาย
กะว่าตอนนี้อาหารบำรุงก็ขาดแคลน แถมยังอยู่ในการหลบหนีอีก แต่ว่าเธอจะมีเนื้อมีหนังมากขึ้น มันทำให้คนอื่นรู้สึกตลาดใจจริงๆ
พอนัทธีได้ยินที่วารุณีพูด ก็ต้องมองไปที่นวิยาในทันที
พอมองไปนั้น เขาก็มองเห็นอะไรบางอย่างจริงๆ
ความสูงของนวิยาก็มีอะไรบางอย่างไม่ถูกต้อง
พอตระหนักได้ถึงจุดนี้ นัทธีก็ยืนขึ้นในทันที สีหน้ามืดมนแล้วก็เดินออกไปข้างนอก
วารุณีอึ้งไปแล้วก็ตะโกนเรียกเขา “นัทธี เป็นอะไรไป?”
“ผมสงสัยว่าพวกเขาจะไม่ใช่นิรุตติ์กับนวิยาตัวจริง”นัทธีกำหมัดแน่น แล้วก็พูดด้วยเสียงที่เยือกเย็น
วารุณีช็อกไป “จะเป็นไปได้ยังไง”
“ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้หรอก คุณอย่าลืมพิชญานะ”นัทธีเตือน
รูม่านตาของวารุณีหดลงในทันที ทันใดนั้นเธอก็เข้าใจในความหมายของเขา แล้วก็รู้สึกหนาวเย็นไปทั้งตัว “นัทธี คุณกำลังบอกว่า สองคนนี้ มีความเป็นไปได้ว่าจะปลอมตัวมาเป็นพวกนิรุตติ์อย่างนั้นหรอ?”
“มีความเป็นไปได้มาก ดังนั้นตอนนี้ผมก็เลยต้องไปตรวจสอบดู” นัทธีหรี่ตาและตอบคำถามของเธอ
วารุณีลุกขึ้นด้วยเหมือนกัน “ฉันไปด้วย”
นัทธีไม่ได้ปฏิเสธ
ทั้งสองคนและบอดี้การ์ดที่คอยคุ้มกันก็มาถึงโรงจอดรถ
โรงจอดรถถูกปิดอยู่ ด้านนอกก็มีบอดี้การ์ดเฝ้าเอาไว้ มารุตกำลังคุยโทรศัพท์อยู่ด้านข้าง พอเห็นว่าพวกเขาสองคนเข้ามาก็รีบตัดสาย แล้วก็ให้คนเปิดประตูโรงจอดรถ
ไม่นาน ประตูบานเกล็ดก็ถูกดึงขึ้น แล้วร่างของนิรุตติ์กับนวิยาก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าของวารุณี
ถึงแม้ว่าเธออยากจะมาดูให้แน่ใจว่าสรุปแล้วพวกเขาคือคนที่ปลอมตัวมาหรือเปล่า แต่ว่าพอเห็นนัทธีมีความคิดของเขาเอง เธอก็เลยต้องปัดความคิดของตัวเองออกไป
“เอาน้ำมาสาดให้พวกมันตื่น” นัทธีมองไปที่ 2 คนที่ถูกมัดอยู่ที่เก้าอี้ แล้วก็ออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
มารุตตอบรับ แล้วก็รีบจัดแจงให้บอดี้การ์ดไปเตรียมมาในทันที
ไม่นาน บอดี้การ์ดก็ถึงน้ำเย็นถังนึงเข้ามา ก้าวไปข้างหน้าแล้วก็สาดเข้าไปที่นิรุตติ์กับนวิยา
“แค่กๆๆๆ……”ทั้งสองคนฟื้นในทันที แล้วก็ต้องไอเสียงดังเพราะสำลักน้ำ
ในตอนนี้เอง เสียงของพวกเขาก็ถูกเปิดเผย
วารุณีได้ยินอย่างชัดเจนว่านี่ไม่ใช่เสียงของนิรุตติ์กับนวิยา หัวใจของเธอก็ตกลงไปอยู่ที่ตาตุ่มในทันที “นัทธี ที่คุณพูดไม่ผิดเลย พวกเขาไม่ใช่นิรุตติ์กับนวิยาจริงๆด้วย”
นัทธีเม้มปากแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา
มารุตช็อกไป “พวกเขาไม่ใช่นิรุตติ์กับนวิยาอย่างนั้นหรอครับ?”
วารุณีพยักหน้า “เป็นคนที่ปลอมตัวมา เมื่อกี้ฉันกับนัทธีเห็นในกล้องวงจรปิดว่ารูปร่างของนวิยามีบางสิ่งบางอย่างไม่ถูกต้อง ก็เลยเดาว่ามีคนแต่งหน้าปลอมตัวให้เหมือนพวกเขา สงสัยปลอมตัวเป็นพวกเขา”
“ฮึก……”มารุตสูดหายใจเข้า “มีวิธีการแบบนี้ด้วยหรอ พวกนิรุตติ์ ทำไมถึงต้องหาคนมาปลอมตัวเป็นตัวเองด้วย?”
“ง่ายมาก ลองถามเขาดูก็ดูแล้ว”นัทธีมองไปที่ผู้ชายกับผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าด้วยสายตาที่เยือกเย็น
ผู้ชายกับผู้หญิง 2 คนนั้นเดิมทีก็หนาวสั่นพอแล้ว แต่พอได้เห็นสายตาของเขานั้น ก็ยิ่งรู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างมาก
“สอบปากคำพวกมันมาให้ดี ไม่ต้องมีเมตตา” นัทธีพูดด้วยใบหน้าที่เย็นชา
ครั้งนี้ เขาโมโหมากจริงๆ
นึกว่าจับสองคนนั้นได้แล้ว แต่ไม่คิดเลยว่าจะได้ของปลอม
ในเมื่อกล้ามปลอมตัวมาเพื่อยั่วเขา ก็ต้องเตรียมรับมือกับความโมโหของเขาเอาไว้ด้วย
“ครับ”มารุตตระหนักได้ถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้ ก็พยักหน้าด้วยสีหน้าที่จริงจัง
นัทธีจูงมือวารุณี “พวกเราไปกันเถอะ รอผลลัพธ์แป๊บเดียว”
วารุณีเม้มปาก แล้วก็ตอบรับ
ในเมื่อเป็นของปลอม ก็ไม่ควรค่าที่พวกเขาจะต้องเก็บเอาไว้
ระหว่างทางที่กลับห้องพักผ่อน จู่ๆวารุณีก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เธอถอนหายใจออกมา “ฉันควรจะรู้ตั้งนานแล้ว ตอนนั้นที่ตลาดเครื่องประดับ ตอนที่ฉันเห็นนวิยา ฉันก็คิดแล้วว่านวิยาเหมือนจะดูสุขภาพแข็งแรงขึ้นเยอะมาก ใบหน้าก็มีเลือดฝาดขึ้นเยอะ ฉันก็นึกว่านิรุตติ์รักษาเธอ ก็เลยไม่ได้คิดอะไรมากมาย แค่นี้พอมาคิดดูแล้ว เกรงว่าคนที่ฉันเห็นในตอนนั้น ก็น่าจะเป็นของปลอมตั้งแต่ต้น”
“ไม่โทษคุณหรอก ผมเองก็เคยพลาดมาครั้งนึงเหมือนกัน”นัทธีเม้มปากแล้วก็พูดด้วยเสียงที่ทุ้มต่ำ
วารุณีมองเขา “คุณเองก็เห็นจุดที่ไม่ถูกต้องอย่างนั้นหรอ?”
นัทธีพยักหน้า “วันที่งานนิทรรศการไง ผมเคยพูดไม่ใช่หรอว่านิรุตติ์ไม่ได้ใส่แว่นน่ะ? บางทีคนที่ผมเห็นในตอนนั้น ก็อาจจะไม่ใช่นิรุตติ์ตัวจริงก็ได้”
วารุณีหัวเราะอย่างข่มขืน “พวกเราสองคนไม่มีใครนึกถึงเลยว่า พวกนิรุตติ์ จะให้คนปลอมมาเป็นพวกเขาและปรากฏตัวต่อหน้าพวกเราแบบนี้”
คนธรรมดาทั่วไป ก็ไม่มีทางคิดแบบนี้หรอก