นึกถึงตรงนี้ เมธาวีก็ยื่นมือไปเงยคางของจุ๊บแจงขึ้น ท่าทางหาเรื่องสุดๆ“ดูเธอสิ ตรงไหนที่คู่ควรกับประธานนัทธี ยิ่งดูทุเรศ ก็ยิ่งไม่สำเหนียกตัวเองจริงๆ”
“คุณ……”
จุ๊บแจงตาแดงก่ำ อยากจะพูดอะไร
เมธาวีสะบัดคางของเธอออก หยิบทิชชูเปียกในกระเป๋ามาเช็ดมือ“โอเค พวกคุณเอาเธอกลับไปแผนกทำความสะอาด อย่าให้เธอวิ่งไปทั่ว ถ้าประธานคุณกับคุณผู้หญิงทะเลาะกัน พวกคุณก็ต้องรับความผิด”
บอดี้การ์ดทั้งสองได้ยินคำนี้ สายตาก็ตะลึง รีบพยักหน้า“วางใจเถอะคุณหนูเมธาวี พวกเรารู้ว่าต้องทำอย่างไร”
เมธาวีตอบอือ แล้วเข้าไปในลิฟต์เพื่อขึ้นไปชั้นบน
ไม่อาจหลีกหนีจากการควบคุมของบอดี้การ์ดได้ เอาแต่มองประตูลิฟต์ปิด ใบหน้าที่เดิมทีนั้นละเอียดอ่อนงดงาม ตอนนี้ก็ค่อยๆเหยเก
เธอรู้ว่า คนรวยพวกนี้ล้วนแต่เป็นคนดูถูก
รอก่อนเถอะ ต้องมีสักวัน ที่เธอจะเหยียบคนที่ดูถูกเธอพวกนี้ ให้จมดิน!
ชั้นบนสุด เมธาวีเคาะประตูห้องทำงานของประธาน
ประตูเปิดออก มารุตเห็นเมธาวี ขอผายมือเชิญเธอ
เมธาวีสูดหายใจเข้า ระงับความกังวลในใจแล้วเดินเข้าไป
มารุตตามอยู่หลังเธอ ในใจนั้นอดไม่ได้ที่จะตะลึง
ช่วงนี้เขาเห็นเธออยู่หลายครั้ง ต่างตกใจกับการเปลี่ยนไปของเธอทั้งนั้น
ครึ่งปีก่อน คุณหนูเมธาวีคนนี้เป็นคุณหนูที่ร้ายกาจทำให้คนรำคาญสุดๆ แต่ตอนนี้ถึงแม้ยังดุร้ายอยู่บ้าง แต่อย่างน้อยก็ไม่ได้ทำให้รำคาญขนาดนั้น
ดูเหมือนว่านายท่านวัชระจะใช้เวลาในการสั่งสอนคุณหนูเมธาวีคนนี้จริงๆ
“ประธานนัทธี”เมธาวีมาที่หน้าโต๊ะทำงานของนัทธี
นัทธีกำลังจัดการเอกสาร ได้ยินเสียงของเธอ ก็เงยหน้าไป“มีอะไร?”
“เกี่ยวกับงานแต่งวันมะรืนของคุณ คุณปู่ฉันไปเข้าร่วมสัมมนาวิชาการด้านการออกแบบแล้ว ดังนั้นวันมะรืนจึงมาไม่ได้ เขาเลยให้ฉันมาบอกกับคุณโดยเฉพาะ ว่าคุณอย่าถือสาเลย นี่คือของขวัญที่ปู่ฉันให้คุณกับคุณวารุณี”
พูดจบ เมธาวีหยิบการ์ดเชิญใบหนึ่งออกมาจากกระเป๋า
นัทธีรับมาดู เป็นบัตรเชิญกรรมการแข่งขันการออกแบบที่จะจัดขึ้นในเอเชีย เชิญวารุณีไปเป็นกรรมการ
ถึงแม้การแข่งขันออกแบบนี้ไม่ได้ระดับนานาชาติ แต่ก็ส่งผลกระทบอย่างมาก วารุณีเป็นผู้แข่งขันมาเสมอ ยังไม่เคยเป็นกรรมการ
และกรรมการก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเป็นได้ คนที่เป็นกรรมการ ต้องเป็นคนที่ประสบความสำเร็จในด้านการออกแบบ ตอนนี้เจ้าภาพของการแข่งขันเชิญวารุณีเป็นกรรมการ ชัดเจนว่ายอมรับความสำเร็จของวารุณีตอนนี้
ที่สำคัญที่สุดคือ เป็นกรรมการยังสามารถฝึกฝนความสามารถด้านความงามของตัวเองได้ดีขึ้น เชื่อว่าวารุณีเห็นคำเชิญนี้ จะต้องดีใจมากแน่
ระหว่างคิ้วของนัทธีก็คลายลง ความเย็นชาที่มองสายตาของเมธาวีก็น้อยลงไป“ผมเข้าใจแล้ว ขอบคุณนายท่านวัชระแทนผมด้วย ของขวัญนี้ผมชอบมาก”
นายท่านวัชระทำให้ผู้จัดเชิญวารุณีได้ ต้องลงแรงอย่างมากแน่
เมธาวีได้ยินคำพูดของนัทธี ก็โล่งอก ไม่กังวลอีก พยักหน้า“ฉันเข้าใจแล้ว ฉันจะบอกปู่ฉัน ฉันไปก่อนนะ”
นัทธีตอบอือ
เมธาวีหันกลับเดินไปที่ประตู
แต่เดินไปไม่กี่ก้าว ก็คิดอะไรได้ แล้วหยุดลง“ใช่สิประธานนัทธี บริษัทพวกคุณมีผู้หญิงที่ชื่อจุ๊บแจงคนหนึ่ง เธอน่าจะดูละครมากไปนะ จินตนาการว่าตัวเองเป็นซินเดอเรลล่าสามารถที่แต่งงานกับเจ้าชายได้ เธอถึงได้ทะเยอทะยานอย่างมาก อยากไล่คุณวารุณีแล้วตัวเองขึ้นมาแทน คุณรีบไล่เธอออกไปเถอะ ถ้าคุณวารุณีรู้จะมีปัญหากับคุณได้”
พูดจบ เธอก็หันกลับไป ออกไปจากห้องทำงาน
มารุตส่ายหน้าอย่างตะลึง“แย่แล้ว คุณหนูเมธาวีตอนนี้เปลี่ยนเป็นอีกคนเลย ไม่ใช่แค่นิสัยเปลี่ยนไปมาก แต่สมองก็ดูฉลาดขึ้นเยอะ แม้แต่พูดจาก็มีมารยาท นายท่านวัชระสอนคนได้ดีมาก”
นัทธีหัวเราะเบาๆ“นี่ไม่ใช่ความเหนื่อยยากของนายท่านวัชระ”
“อ้อ?”มารุตดันแว่นอย่างแปลกใจ“ประธาน งั้นใครทำกันครับ?”
“กองทัพ!”ริมฝีปากบางๆของนัทธีตอบกลับ“สามเดือนก่อน หลังจากนายท่านวัชระเอาเธอกลับไปจากแผนกออกแบบไม่นาน ก็ทิ้งไปในกองทัพ พอกลับมาก็เป็นแบบนี้”
เพราะว่าตอนนี้เมธาวีเปลี่ยนแปลงได้ดี เขาจึงยอมให้เมธาวีขึ้นมา ไม่งั้นก็ไม่เจอหรอก
แต่เขาคิดไม่ถึงว่า เมธาวีจะดีขึ้นมากกว่าที่เขาคิดไว้ เมื่อก่อนเมธาวีเหมือนกับพิชญาและนวิยา คิดกับเขาเช่นนั้น
แต่เมื่อกี๊เขามองออก สายตาที่เมธาวีมองเขานั้นชัดเจนว่า ไม่มีความคิดอย่างนั้นแล้ว และยังพูดให้เขารีบไล่แมลงวันตัวนั้นไป เพื่อไม่ให้เข้าใจผิดกับวารุณี
จะเห็นได้ว่า เมธาวีในตอนนี้ เป็นคนที่สมองปกติแล้ว เชื่อว่าต่อไปตระกูลแววสูงเนินอยู่ในมือเธอ ถึงไม่พัฒนา ก็ไม่ถอยหลัง
“โหยๆๆ กองทัพนี่เอง!”มารุตตกใจคำพูดของนัทธี“กองทัพเป็นสถานที่ขัดเกลาจริงๆ ผู้หญิงอ้อนแอ้นอย่างคุณหนูเมธาวีเข้าไป ยืนหยัดไม่ได้อยู่แล้ว คิดไม่ถึงว่านายท่านวัชระที่รักหลานสาวมาก ครั้งนี้จะทิ้งคุณหนูเมธาวีเข้าไปอย่างใจร้าย และคุณหนูเมธาวีก็ยังยืนหยัดอีกสามเดือนด้วย”
“โอเค ส่งเอกสารพวกนี้ไป ผมจะไปรับลูกแล้ว”นัทธีปิดเอกสารในมือลง วางบนเอกสารอื่นๆแล้วยื่นให้มารุต
มารุตรีบอุ้มขึ้นมา“โอเคประธาน ผมจะไปเดี๋ยวนี้”
นัทธีตอบอือ จากนั้นยืนขึ้นมา หยิบสูทออกไปจากบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ป
สองชั่วโมงถัดมา นัทธีพาเด็กทั้งสองคนมาที่บริษัทของวารุณี
วารุณีคิดมาถึงว่าเขาจะพาลูกๆมา ก็ทั้งตกใจและดีใจ รีบวางสมุดออกแบบในมือลงแล้วลุกขึ้น“พวกคุณมาได้ไง?”
“ตอนบ่ายผมมีประชุม ประชุมเสร็จต้องไปสำรวจบริษัทอีก ไม่สะดวกดูลูก ก็เลยพาพวกเขามา”นัทธีนั่งลงที่โซฟาในห้องทำงานของเธอ
เด็กทั้งสองก็นั่งอยู่ข้างๆอย่างเชื่อฟัง
“แบบนี้เอง”วารุณีพยักหน้า จากนั้นถามอีก“กินข้าวยัง?”
“ยัง”นัทธีบีบคิ้วตอบกลับไป
ตอนเช้าเขายุ่งตลอด ไม่มีเวลากินข้าวเลย
เด็กทั้งสองคนกินแล้ว ที่ฝึกซันดามีอาหารที่มีประโยชน์
วารุณีมองนัทธีอย่างไม่พอใจ“ใกล้จะสี่โมงแล้ว คุณยังไม่กินข้าว คุณไม่หิวเหรอ!”
พูดไป เธอก็ถอนหายใจ หยิบโทรศัพท์โทรสั่งข้าวให้เขาชุดหนึ่ง
ตอนนี้เอง ปาจรีย์ถือแก้วชากับขนมเล็กน้อยเข้ามา“ประธานนัทธี เชิญดื่มชาค่ะ”
“ขอบคุณ”นัทธีพยักหน้าเล็กน้อย
ปาจรีย์ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม:“ขอบคุณอะไรกัน สมควรแล้ว”
นัทธียกชาขึ้นมาดื่ม จากนั้นหยิบบัตรเชิญจากในกระเป๋าชุดสูทยื่นให้วารุณี
“นี่อะไร?”วารุณีรับไปอย่างสงสัย
ปาจรีย์ก็มองไปอย่างอยากรู้อยากเห็น
นัทธีตอบ:“บัตรเชิญเป็นกรรมการของการแข่งขันออกแบบแฟชั่นระดับเอเชีย”
“บัตรเชิญเป็นกรรมการ?”ปาจรีย์เสียงสูง ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้น“ประธานนัทธี หมายถึงว่าจะให้วารุณีเป็นกรรมการเหรอ?”
วารุณีได้ยินคำนี้ หัวใจก็เต้นแรง จากนั้นก็กระโดดขึ้นมา“เป็นกรรมการ?”
“ถูกต้อง พวกเขาจะให้คุณเป็นกรรมการ”นัทธีพยักหน้า
ปาจรีย์ปรบมืออย่างดีใจ“จริงๆด้วย วารุณีเธอได้ยินไหม?เธอจะเป็นกรรมการแล้ว!”
มือวารุณีที่ถือบัตรเชิญสั่น พยักหน้าอย่างตกใจ“ได้ยินแล้ว ฉันได้ยินแล้ว!”
เธอคิดไม่ถึงว่า ตัวเองจะได้เป็นกรรมการแล้ว
จะให้เธอไม่ดีใจได้อย่างไร ไม่ตื่นเต้นได้อย่างไร!
ปาจรีย์จับมือของวารุณีไว้“วารุณี ในที่สุดเธอก็ขึ้นไปสู่จุดสูงสุด เธอที่เป็นกรรมการ หมายความว่าเธอกำลังจะกลายเป็นดีไซเนอร์ที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ ห่างเพียงก้าวเดียวจากดีไซเนอร์ระดับชั้นนำ!”
วารุณีดีใจจนน้ำตารื้น ดูบัตรเชิญอย่างละเอียด“ใช่ ฉันก็คิดไม่ถึงว่าอาชีพของฉันจะพัฒนาไปไวขนาดนี้ ใช่สิสามี คุณได้บัตรเชิญนี้มาได้ไง?ทำไมก่อนหน้านี้ฉันไม่ได้ยินข่าวเลย?