เวลานี้ จุ๊บแจงรู้สึกว่าหัวใจตัวเองแทบจะแหลกละเอียดแล้ว ไม่ง่ายเลยที่เธอจะรักผู้ชายคนนึงได้ ไม่คิดเลยว่าจะเป็นคนที่มีครอบครัวแล้ว และยังมีลูกอีกสองคน ลูกก็โตขนาดนี้แล้ว!
ชั่วขณะหนึ่ง จุ๊บแจงรู้สึกเพียงว่าทุกอย่างมันพังทลายลง และโลกทั้งใบก็จมดิ่งสู่ความมืดมิด ในใจเธอรู้สึกเศร้าเสียใจมาก
ทำไม ทำไมพระเจ้าต้องไม่ยุติธรรมกับเธอแบบนี้ด้วย? เธอคิดไว้แต่แรกว่าตวามรักของตัวเองมาแล้ว แต่ในความเป็นจริงกลับโจมตีเธออย่างหนักหน่วง
แล้วเวลานี้ มีพยาบาลคนนึงเดินเข้ามา ขัดจังหวะความโศกเศร้าเสียใจของเธอ “คุณจุ๊บแจง ฉันมาฉีดสารอาหารให้คุณผู้ชายคนนี้ค่ะ”
เพราะว่านัทธีไม่ตื่นขึ้นมาเลย ไม่สามารถให้อาหารได้ ดังนั้นจึงได้รับการฉีดสารอาหารมาตลอด
จุ๊บแจงสูดจมูก และเช็ดหางตา ก่อนจะฝืนใจทำให้ตัวเองรู้ดี จากนั้นก็ฝืนยิ้มออกมา “ค่ะ คุณฉีดเถอะ”
พยาบาลพยักหน้า เดินไปที่เตียงผู้ป่วย จากนั้นเธอก็ฉีกอุปกรณ์ของเข็มฉีดยา
ทันใดนั้นพยาบาลก็ร้องหยีออกมา
จุ๊บแจงรีบถาม “มีอะไรหรอ?”
“คุณผู้ชายคนนี้เหมือนประธานของบริษัทไชยรัตน์กรุ๊ปในข่าวเลย” พยาบาลจ้องหน้านัทธี ก่อนจะพูดออกมาด้วยความตกใจ
ยิ่งดูก็ยิ่งเหมือนจริงๆ
ไม่ น่าจะใช่ ใช้คำว่าเหมือนกันทุกอย่างถึงจะถูก
ใจของจุ๊บแจงเต้นแรงขึ้น สองมือประสานกันไว้แน่น
ซวยแล้ว มีคนดูออกแล้ว!
พยาบาลคนนี้จะพูดออกไปไหม พูดว่าประธานของบริษัทไชยรัตน์กรุ๊ปอยู่ที่นี่?
หลังจากที่คิดว่าพยาบาลจะไปบอกต่อ จนครอบครัวหรือภรรยาของเขารู้เรื่องเข้า และก็รีบมารับตัวกลับไป จุ๊บแจงก็รู้สึกเจ็บปวดหัวใจจนหายใจไม่ออก
เธอหลงรักผู้ชายคนนี้อย่างสุดหัวใจ เธอไม่สามารถนึกภาพได้เลยว่าหลังจากที่เธอได้เสียผู้ชายคนนี้ไป เธอจะกลายเป็นยังไง
ดังนั้นเธอจะไม่มีทางให้ใครรู้ ว่าเขาอยู่ที่นี่!
ในขณะที่กำลังครุ่นคิดว่าจะใช้วิธีอะไร เพื่อไม่ให้พยาบาลพูดเรื่องที่นัทธีอยู่ตรงนี้ออกไป เขาก็ได้ยินพยาบาลพูดออกมาว่า “แต่ว่าคุณคนนี้ไม่น่าจะเป็นประธานคนนั้นหรอก ประธานในคลิปก็พูดว่าเขาไปต่างประเทศเพื่อไปอยู่เป็นเพื่อนภรรยาที่ไปเข้าร่วมการแข่งขันนี่ จะมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง แต่ก็หน้าคล้ายกันมาก น่าตกใจมากจริงๆ”
พอได้ยินประโยคนี้ ตาของจุ๊บแจงก็เบิกกว้างขึ้นมา ใช่แล้งประธานคนนั้นอยู่เป็นเพื่อนภรรยาที่ต่างประเทศ งั้นคนนี้ก็ไม่ใช่ประธานอะไรนั่นแล้ว พอคิดแบบนี้ ใจของจุ๊บแจงก็ตื่นเต้นขึ้นมาก แต่ในขณะเดียวกันก็ผิดหวังเบาๆ
ไม่ใช่ประธาน ถ้างั้นก็เป็นผู้ชายธรรมดา….
ไม่ เธอคิดแบบนี้ได้ยังไง!
จุ๊บแจงส่ายหัว ก่อนจะรีบเอาสิ่งที่ตัวเองคิดออกจากหัวไป
นี่เป็นผู้ชายที่เธอชอบนี่ เป็นคนธรรมดาแล้วทำไม
คนที่เธอรักก็คือเขาคนนี้ ไม่ใช่เงินแล้วฐานะทางสังคม จะสนใจว่าเขาจะเป็นคนธรรมดาไหมทำไมกัน?
จุ๊บแจงครุ่นคิดด้วยสายตาที่ขาดความมั่นใจในตัวเอง แต่ทว่าใบหน้าก็ยิ้มให้กับพยาบาล “ในโลกนี้มีคนตั้งเยอะ หน้าเหมือนกันก็ไม่แปลก”
“ที่คุณพูดก็ถูก เมื่อก่อนเคยเห็นคนสองคนที่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันเลย แต่หน้าเหมือนกันมาก” พยาบาลพยักหน้า โดยไม่คิดอะไร
ทำให้พยาบาลหายข้องใจได้สำเร็จ จุ๊บแจงแอบถอนหายใจเบาๆ แต่ในใจเธอมีความคิดที่จะไปทำเรื่องพาผู้ชายที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยออกจากโรงพยาบาลแล้ว ถึงแม่ว่าเขาจะไม่ใช่ประธานคนนั้นจริงๆ แต่เสื้อผ้าที่เขาใส่ดูแพงมาก ไม่แน่เขาอาจจะเป็นน้องชายของประธานคนนั้น
ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ การอยู่ที่โรงพยาบาลนานๆ ในไม่ช้าก็เร็วก็จะถูกเจอตัวอยู่ดี
ดังนั้นออกจากโรงพยาบาลจะดีกว่า รอจนกว่าเจาจะตื่นขึ้นมา และตกหลุมรักเธอ เธอจึงจะยอมปล่อยเขากลับไปหาครอบครัวเขา
ถ้าเป็นแบบนั้น เธอก็ไม่กลัวว่าเขาจะทิ้งเธอไว้ตามลำพังและหายตัวไปจากโลกของเธอ
ที่สำคัญต่อให้เขามีภรรยาแล้ว ขอเพียงแค่เขาตกหลุมรักเธอ เธอเชื่อว่า เขาจะทำเพื่อเธอ เขาจะต้องยอมหย่ากับภรรยาของเขาได้
ยิ่งคิดจุ๊บแจงก็ยิ่งมั่นใจว่าต้องพานัทธีออกจากโรงพยาบาล
รอจนพยาบาลออกไปแล้ว เธอก็รีบไปสอบถามเรื่องออกจากโรงพยาบาลกับหมอทันที
ในต่างประเทศ วารุณีได้บอกเหตุผลที่ถอนตัวจากการแข่งขันกับทางผู้จัดงานแล้ว ทางผู้จัดก็ยินยอมช่วยปิดบัง ซึ่งเปิดเผยแค่ว่าเธอได้คลอดก่อนกำหนด นี่จึงเป็นสาเหตุที่เธอไม่สามารถทำการแข่งขันต่อได้
ในขณะเดียวกัน ฝั่งของลีน่า เธอก็ได้ถอนตัวอย่างราบรื่น
เหตุนี้ ทั้งสองจึงได้รับรางวัลที่สามในการแข่งขันนานาชาติครั้งนี้ ส่วนเจสันและดีไซน์เนอร์อีกคนนึง รวมทั้งคู่หูของพวกเขา ก็เริ่มแข่งขันกันเพื่อชิงรางวัลชนะเลิศ
แถลงการณ์การถอนตัวจากการแข่งขันถูกโพสต์บนเว็บไซต์ของการแข่งขันในเวลา9โมงของวันถัดไป ในเวลาไม่นาน ทุกคนทั่วโลกที่ติดตามการแข่งขันครั้งนี้ต่างก็รู้เรื่องการถอนตัวของวารุณีกับเชอรีนกันหมด
พอรู้ว่าวารุณีถอนตัวเพราะอุบัติเหตุ แฟนคลับทุกคนก็เข้าใจ แต่ก็เสียดายในเวลาเดียวกัน ถึงอย่างไรทุกคนก็เห็นถึงศักยภาพของวารุณีกับเชอรีนแล้ว ความสามารถก็พอๆ กับดีไซน์เนอร์สี่คนนั้นเลย ถ้าได้เข้าชิงรางวัลชนะเลิศ การแข่งขันจะต้องน่าตื่นเต้นและน่าดูแน่ๆ
แต่ก็คาดไม่ถึงเลยว่าการแข่งขันจะสิ้นสุดลงแบบนี้
สมาคมดีไซน์เนอร์ในประเทศ ได้โทรไปหาวารุณีด้วย เพื่อความเป็นห่วงวารุณี
ถึงแม้ว่าการถอนตัวของวารุณี จะทำให้ประธานสมาคมรู้สึกเสียดาย แต่ก็สามารถเข้าใจวารุณีได้ อีกอย่าง ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ที่รางวัลชนะเลิศ แต่ก็ได้รางวัลที่สามมาก็เพียงพอแล้ว
เพราะยังไงก็มีการแข่งขันระดับนานาชาติมากมาย ในประเทศอย่าพูดว่าจะเอารางวัลสามอันดับแรกเลย เพราะไม่แม้แต่จะเคยเข้ารอบชิงชนะเลิศด้วยซ้ำไป
ที่วารุณีเข้าร่วม ไม่เพียงแต่จะเข้ารอบชิงชนะเลิศ เธอยังได้รางวัลที่สามอีกด้วย เพียงเพราะว่าปัญหาสุขภาพจึงต้องถอนตัวอย่างจำใจ แค่นี้ก็ดีมากแล้ว ถึงแม้ว่าพวกเขาจะรู้สึกเสียดาย แต่ก็ไม่มีสิทธิไปต่อว่าเธอ
“วารุณี จะกลับประเทศเมื่อไหร่?” ลีน่าหยิบเอกสารการถอนตัวไปที่โรงพยาบาล ให้วารุณีเซ็นต์
วารุณีเซ็นต์ชื่อไปด้วยหัวเราะไปด้วยแล้วพูดว่า “บินคืนนี้”
“รีบขนาดนี้เลยหรอ?” ลีน่าประหลาดใจ
วารุณีนวดคิ้ว “ไม่มีทางเลือกแล้ว ฉันแค่อยากหานัทธีให้เจอเร็วๆ”
“แล้วลูกล่ะ?” เชอรีนถามขึ้นมาอีก
วารุณีส่งเอาสารที่เซ็นต์เสร็จให้เธอ “ฉันจะพาอารัณกลับประเทศ เพราะไม่ว่ายังไงการตามนัทธี ก็ต้องให้เขาช่วย ไอริณทิ้งไว้ที่นี่ ให้คนใช้คอยดูแล ส่วนสุขใจ สุขใจไม่สามารถออกจากตู้อบได้ ฉันก็ไม่สามารถพาเขากลับไปได้ เมื่อก่อนนัทธีมีทีมหมอที่ดูแลทารกในครรภ์ฉัน ฉันจะให้พวกเขาดูแลสุขใจต่อ”
“แบบนี้ก็ได้” เชอรีนพยักหน้า “ฉันเอาเอกสารนี้ส่งกลับไปให้ผู้จัดงานก่อน เดี๋ยวตอนกลางคืนฉันไปส่งเธอเอง”
วารุณีตอบร้บอืม
หลังจากที่ลีน่าออกไป ไอริณก็ร้องไห้ออกมา “หม่ามี๊ หม่ามี๊จะทิ้งให้หนูอยู่ที่นี่คนเดียวหรอ?”
“ขอโทษนะไอริณ หม่ามี๊ก็ไม่มีทางเลือก หม่ามี๊ต้องไปหาพ่อ ไม่มีเวลาดูแลลูก ลูกอยู่ที่นี่มีคนใช้คอยดูแล แม่ก็สบายใจ แม่จะโทรหาลูกทุกวันเลย รอหม่ามี๊หาพ่อเจอแล้ว หม่ามี๊จะมารับลูกกลับประเทศทันทีเลยดีไหม?”วารุณีลูบหัวลูกสาว เธอพูดในขณะที่จิตใจก็ไม่สู้ดีนัก
สำหรับตอนนี้ เธอต้องการให้เด็กอยู่ที่นี่คนเดียวที่ไหนกัน
แต่เธอก็ไร้หนทาง เธอต้องไปหานัทธี เมื่อไปตามหาเขา เธออาจจะไม่ได้สนใจลูก งั้นก็สู้ทิ้งลูกไว้ที่นี่จะดีเสียกว่า
อารัณจับมือน้องสาวของเขาไว้ และเกลี้ยกล่อมว่า “ไอริณ อย่าเสียใจไปเลย สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือการตามหาพ่อ หรือว่าน้องไม่อยากตามหาพ่อเหรอ?”
“หนูอยาก หนูคิดถึงพ่อแล้ว” ไอริณพยักหน้า “งั้นก็เชื่อฟังหน่อยนะ พวกเราไม่ใช่ว่าจะไม่เอาน้อง เพียงแต่ตอนนี้เราต้องตามหาพ่อกันก่อน เข้าใจไหม?” อารัณดูเหมือนผู้ใหญ่ตัวเล็ก และพูดอย่างจริงจัง
ไอริณสั่งน้ำมูกออก และพยักหน้า “หนูเข้าใจ แม่กับพี่ชายต้องตามหาพ่อ แล้วมารับหนูที่นี่นะ”
“ไม่ต้องห่วง หม่ามี๊จะไม่ลืมเลย” วารุณีกอดลูกสาวไว้ในอ้อมแขน
อารัณก็กอดด้วย “พี่ก็จะไม่ลืม เรามาเกี่ยวก้อยกัน”