“ครับๆ” มารุตเพิ่งจะตอบสนอง เขารีบอุ้มวารุณีและวิ่งออกจากบ้านพักไปที่โรงรถ
เชอรีนและลีน่าเอาเด็กๆ ติดตามไปด้วย
ไม่นาน ก็ไปถึงโรงพยาบาล วารุณีถูกนำตัวไปที่ห้องฉุกเฉินแผนกสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยาโดยตรง
นอกห้องฉุกเฉิน เด็กทั้งสองจับมือกันแน่น พวกเขามองไปที่ประตูห้องฉุกเฉินอย่างกังวล ดวงตาทั้งสองบวมจากการร้องไห้
เชอรีนนั่งลงและพูดเบาๆ “อารัณ ไอริณไม่ต้องกังวลนะ หม่ามี๊ของพวกหนูต้องไม่เป็นอะไร!”
“หม่ามี๊จะไม่เป็นไรจริงๆ เหรอคะ?” ไอริณกะพริบตาและมองไปที่เธอ
เชอรีณพยักหน้า “แน่นอน”
“แต่หนูเห็นแม่เสียเลือดมาก” ไอริณร้องไห้
“ผมก็เห็นเหมือนกัน” อารัณพยักหน้า
สีหน้าของทั้งสามคนเปลี่ยนเป็นไปทันที
“วารุณี มีเลือดออก?” เชอรีนมองไปที่มารุต และเธอก็เห็นเลือดบนเสื้อผ้าของมารุตจริงๆ
ทันใดนั้น ผู้ใหญ่ทั้งสามก็ตื่นตระหนก
“พระเจ้า บนเสื้อผ้าของมารุตมีเลือดไหลมากขนาดนี้ เป็นไปได้ว่าวารุณีอาจตะมีเลือดออกมาก แล้วเธอกับลูกจะไม่เป็นอะไรใช่ไหม” ลีน่ากล่าวอย่างกังวล
แม้ว่าเธอจะไม่เคยตั้งครรภ์มาก่อน แต่เธอก็รู้ว่าวารุณียังไม่ถึงเวลากำหนดคลอด แต่ก็มีเลือดไหลขนาดนั้น ซึ่งมันดูผิดปกติอย่างเห็นได้ชัด
มารุตและเชอรีนต่างก็ส่ายหัวโดยไม่ตอบอะไร
พวกเขาจะตอบได้ยังไง
เลือดที่มากมายขนาดนั้น พวกเขาไม่มีความมั่นใจที่จะบอกกับเด็กๆ ทั้งสอง ว่าวารุณีไม่เป็นอะไร
เด็กสองคนอารัณและไอริณเฝ้าดูผู้ใหญ่สามคนอย่างเงียบๆ หัวใจของพวกเขาก็เจ็บปวดมาก
ไอริณถึงกับร้องไห้ออกมาเสียงดัง
อารัณไม่ร้องไห้ เขากัดริมฝีปากอย่างดุดัน และจ้องไปที่ห้องฉุกเฉิน
“หม่ามี๊…ต้องไม่เป็นอะไร!” อารัณบอกตัวเองทีละคำ และยังบอกไอริณและคนอื่นๆ อีกด้วย
ผู้ใหญ่สามคนมองไปที่เขา
เขารู้สึกได้ เขาหันศีรษะไปดูพวกเขา และพูดย้ำอีกครั้งว่า “หม่ามี๊ ต้องไม่เป็นอะไร!”
ผู้ใหญ่ทั้งสามคนชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วมองหน้ากันก่อนจะยิ้มออกมา
“ใช่ อารัณพูดถูก หม่ามี๊ของหนูจะไม่เป็นอะไร” เชอรีนสัมผัสหัวของเขา
ลีน่าหยิบทิชชู่ออกมาและเช็ดน้ำตาของไอริณ “ใช่ เราเชื่อว่าหม่ามี๊ของหนู เธอจะไม่เป็นอะไร”
มารุตก็พยักหน้า
พูดตามตรง พวกเขายังรู้สึกละอายอยู่เล็กน้อย
เด็กคนหนึ่ง ยังมีความมั่นใจแบบนี้ และเชื่อว่าวารุณีจะไม่เป็นอะไร
ผู้ใหญ่ทั้งสามคน จะไม่มีความมั่นใจได้ยังไง
เมื่อเห็นว่าผู้ใหญ่ทั้งสามอยู่ข้างเขา และเชื่อว่าวารุณีจะไม่เป็นอะไร และในที่สุดใบหน้าเล็กที่คล้ายกับนัทธีก็มีรอยยิ้มเผยออกมา
ในเวลานั้น ประตูห้องฉุกเฉินถูกเปิดออก และพยาบาลคนหนึ่งก็เดินออกมาจากข้างใน “ใครคือสมาชิกในครอบครัวของหญิงมีครรภ์”
“เราเป็นเพื่อนของเธอ” เชอรีนและลีน่ารีบเดินไปข้างหน้า
นางพยาบาลขมวดคิ้ว “สามีของหญิงมีครรภ์ไม่อยู่เหรอ?”
เธอมองไปที่มารุต
มารุตส่ายหัวอย่างอึดอัดใจ “ผมไม่ใช่สามีของหญิงมีครรภ์ ผมเป็นผู้ช่วยของสามีของหญิงมีครรภ์ สามีของหญิงมีครรภ์อยู่ในประเทศจีน ไม่สามารถเดินทางมาที่นี่ได้ ขอสอบถามหน่อยว่าหญิงมีครรภ์ที่อยู่ข้างในเป็นยังไงบ้าง”
“หญิงมีครรภ์ถูกกระตุ้นอย่างรุนแรง เลยทำให้มีการบีบรัดอย่างรุนแรง และทารกในครรภ์ก็ถูกกดทับเช่นกัน ตอนนี้ต้องคลอดก่อนกำหนดเท่านั้น” นางพยาบาลตอบ
ทุกคนตกใจ
“อะไรนะ คลอดก่อนกำหนด?” เชอรีนขึ้นเสียงสูง
ลีน่าขมวดคิ้ว “ถ้าจำไม่ผิด เด็กในท้องวารุณีอายุแค่ 6 เดือน จะคลอดก่อนกำหนดได้ไหม แล้วหลังคลอดก่อนกำหนดจะมีชีวิตรอดไหม?”
นี่เป็นคำถามที่สำคัญที่สุด
มารุตมองไปที่พยาบาล “คุณพยาบาล จำเป็นต้องคลอดก่อนกำหนดไหม”
“ใช่ค่ะ ต้องคลอดก่อนกำหนด มดลูกของหญิงมีครรภ์มีรอยร้าว และทารกในครรภ์ไม่สามารถอยู่ในนั้นต่อไปได้ มิฉะนั้นจะตาย ส่วนจะมีชีวิตรอดไหม ขึ้นอยู่กับสุขภาพของทารกในครรภ์ด้วย ถ้าแข็งแรงดี และอยู่ในตู้อบจนครบกำหนด ก็จะมีชีวิตรอด” นางพยาบาลกล่าว
“สุขภาพแข็งแรง เด็กในท้องของวารุณีแข็งแรงดี” เชอรีนกล่าวอย่างรวดเร็ว “วารุณีได้รับการตรวจคลอดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และหมอบอกว่าเด็กแข็งแรง”
“อัตราการรอดชีวิตของเด็กนั้นสูงมากใช่ไหม?” ลีน่ถอนหายใจออกด้วยความโล่งอก ก่อนจะยิ้มออกมา
เชอรีนพยักหน้า “ใช่”
“ดูเหมือนว่าคงต้องคลอดแล้วล่ะ” ลีน่าถอนหายใจออก
นางพยาบาลกล่าวว่า “แต่สมาชิกในครอบครัวของหญิงมีครรภ์ไม่อยู่ที่นี่ ดังนั้นจึงไม่สามารถเซ็นชื่อได้”
“อยู่นี่” มารุตรีบผลักเด็กสองคนไปหาพยาบาล “นี่คือลูกสองคนของคุณหญิง พวกเขาน่าจะเซ็นชื่อให้ได้”
อารัณบีบหมัดเล็กๆ ของเขาแน่น ก่อนจะพยักหน้า “พี่สาวพยาบาล ให้ผมเซ็นเถอะ คุณพ่อจะตกลงแน่นอน”
“นี่…” พยาบาลยังลังเล เพราะนี่คือเด็ก ถ้าเซ็น…
“พี่สาวพยาบาล ได้โปรด หม่ามี๊ของผมยังอยู่ข้างใน ถ้าคุณช้า หม่ามี๊และน้องสาวของผมอาจจะเป็นอะไรไป” อารัณมองดูท่าทางลังเลของพยาบาลและตะโกนในทันที
มารุต เชอรีนและลีน่า ก็รีบพูดอย่างรวดเร็วเช่นกัน “ใช่ พยาบาลถ้าคุณล่าช้า อาจจะมีคนตายก็ได้”
นางพยาบาลกัดริมฝีปากของเธอ และในที่สุดก็ตัดสินใจ “ก็ไดั พวกคุณลงชื่อเลย”
หลังจากพูดจบแล้ว เธอก็ยื่นเอกสารให้อารัณเซ็น ตอนแรกตั้งใจจะบอกอารัณว่าต้องเซ็นชื่อตรงไหน
คาดไม่ถึงอารัณพลิกเอกสารไปอีกหน้าทันที และเขาก็เซ็นชื่อตัวเองลงในหน้าสุดท้าย
แม้ว่าอารัณจะเขียนเป็นภาษาจีน และพยาบาลก็ไม่เข้าใจ แต่เมื่อดูจากตัวหนังสือที่แสดงให้เห็นว่าเด็กคนนี้มีความเป็นผู้ใหญ่ เธอก็รู้ได้ในทันทีว่าเด็กคนนี้ผ่านอะไรมามากมาย
“เรียบร้อยแล้ว ฉันจะเข้าไปก่อน พวกคุณไปรอข้างนอกได้อย่างสบายใจ” หลังจากพูดจบพยาบาลก็เอกสารที่เซ็นชื่อแล้วกลับไปที่ห้องฉุกเฉิน
คนข้างนอกรู้ว่าวารุณีมีทางรอดแล้ว แต่พวกเขากลับไม่มีความสุขเลย
ใครจะไปมีความสุขได้ เพราะมันก็เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นแล้ว
ตอนนี้คุณนัทธีหายไปแล้ว ส่วนวารุณีก็ได้รับการกระตุ้นเพราะทราบข่าวที่เขาหายตัวไป ก็เลยทำให้ต้องคลอดก่อนกำหนด แต่ไม่ว่ายังไงมันก็เป็นเรื่องที่น่าเศร้า เป็นเรื่องปกติที่จะไม่มีความสุข
ภายในประเทศ พื้นที่อุตสาหกรรมที่ถูกไฟไหม้เต็มไปด้วยกลิ่นไหม้ และก็มีกลิ่นเหม็นเป็นพิเศษ
ในรถตู้คันเก่า นวิยามองดูซากปรักหักพังด้วยใบหน้าที่ไร้อารมณ์ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความเกลียดชังที่มากมาย
นิรุตติ์ยิ้ม “ผมไม่คิดว่าคุณจะเป็นผู้หญิงที่โหดร้ายมากขนาดนี้ คุณถึงได้วางระเบิดและน้ำมันที่นี่ คุณต้องการฆ่านัทธี?”
ใช่ ตั้งแต่ต้นจนจบ เรื่องทั้งหมดนี้เขาไม่ได้เป็นคนทำ
เขาก็แค่ไปที่คฤหาสน์ตระกูลไชยรัตน์และวันเฮิร์ท เพื่อไปค้นหาเอกสารการโอนหุ้น แล้วก็ไม่ได้สั่งให้ใครไปฆ่าป้าส้ม
สำหรับเขา ป้าส้มก็แค่คนใช้ ถึงเธอจะเห็นหน้าเขา แต่ถ้าเกิดฆ่าเธอไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร แล้วจะฆ่าทำไม?
คนที่อยากจะฆ่าป้าส้มก็คือนวิยา นวิยาเกลียดสายตาที่เย็นชาของป้าส้ม และต้องการแก้แค้น นอกจากนี้ เธอยังต้องการล่อให้นัทธีมาที่เขตอุตสาหกรรมนี้ด้วย ด้วยเหตุนี้ นักฆ่าจึงจงใจเปิดเผยที่ตั้งของเขตอุตสาหกรรม
“แล้วไง?” นวิยาเก็บสายตา ก่อนจะพูดอย่างเย็นชา
นิรุตติ์ดันแว่นตาของตัวเอง “นั่นเป็นเหตุผลที่ผมประหลาดใจ คุณรักนัทธีมากไม่ใช่เหรอ ทำไมคุณถึงต้องการฆ่าเขา เพราะความรักทำให้เกิดความเกลียดชัง?”
นวิยาไม่ได้ปฏิเสธคำพูดของเขา เธอกัดริมฝีปากและพ่นลมหายใจออกมา “ใครให้ในใจของเขานั้นมีแค่ยัยคนนั้นคนเดียว ในเมื่อเขาไม่ต้องการรักฉัน และไม่ต้องการจะอยู่กับฉัน ฉันก็จะเป็นคนส่งเขาไปเอง ในเมื่อฉันไม่ได้ วารุณีก็อย่าคิดว่าจะได้ไป!”
นิรุตติ์หัวเราะ “ผู้หญิงแบบคุณน่ากลัวมากจริงๆ”
นวิยาหลับตาลง “แต่แม่ว่าฉันจะคิดยังไง ก็คิดไม่ถึงว่านัทธีจะกระโดดลงไปในแม่น้ำเพื่อหลบหนี”
“แล้วไง นี่มันผ่านไปวันนึงแล้ว คนของเขาก็หาเขาไม่เจอ บางทีเขาอาจจะตายไปแล้วจริงๆ” แว่นของนิรุตติ์มีแสงสะท้อนกลับมา
นวิยาเม้มริมฝีปากของเธอ “ใครจะไปรู้ บางทีอาจจะมีคนเข้าไปช่วยเขาก็ได้ ไม่ว่ายังไง คุณก็ส่งคนไปค้นหาที่บ้านของผู้อยู่อาศัยในบริเวณใกล้เคียงแล้วกัน บางทีอาจจะมีคนซ่อนตัวเขาไว้และไม่ได้บอกกับคนของเขาล่ะ”