ได้ยินเด็กทั้งสองคนโห่ร้องด้วยความดีใจ และเสียงปรบมือยินดีของพวกป้าส้มปาจรีย์ วารุณีก็ประทับใจมาก ในใจเหมือนเติมเต็ม อบอุ่น
“โอเคนัทธี คุณรีบลุกขึ้นเถอะ”วารุณีจึงคิดได้ว่า นัทธียังนั่งคุกเข่าข้างเดียวอยู่ รีบสูดจมูกขึ้น แล้วห้ามน้ำตาแห่งความดีใจไว้ ดึงนัทธีขึ้นมา
นัทธีลุกขึ้นแล้ว ก็นั่งกลับที่
ตอนนี้ปาจรีย์ถาม:“ประธานนัทธี คุณคิดจะจัดงานแต่งกับวารุณีเมื่อไหร่เหรอ?”
“ใช่ค่ะคุณผู้ชาย”ป้าส้มก็พยักหน้าถาม
วารุณีมองนัทธี อย่างแปลกใจเช่นกันว่า เขาคิดจัดวันไหน
นัทธียกไวน์แดงขึ้นมาจิบ ยิ้มเบาๆ“สิ้นเดือนนี้ ฉากแต่งงาน ผมให้ผู้จัดการไปจัดการแล้ว”
“สิ้นเดือน?”วารุณีตกใจเล็กน้อย ตอนนี้วันที่ยี่สิบแล้ว หมายความว่า อย่างมากก็สิบวัน จะถึงงานแต่งพวกเขา
ป้าส้มขมวดคิ้ว“คุณผู้ชาย เร่งรีบไปไหมคะ?สิ้นเดือนไวไหม?”
“ใช่ประธานนัทธี”ปาจรีย์ก็รู้สึกว่าเวลาเร่งรีบไป
ริมฝีปากบางๆของนัทธียกขึ้นเล็กน้อย“ไม่ แค่มีเงิน ไม่มีอะไรทำไม่ทัน และชุดแต่งงานทั้งหมดก็ฉับพลัน”
เขามองไปที่วารุณี
วารุณีนึกถึงสามเดือนก่อนขึ้นมาทันที ตัวเองพาเขาไปดูชุดแต่งงาน จากนั้นเรื่องหลังจากที่เขาให้เธอสวมชุดแต่งงาน หน้าก็แดงขึ้นมา
แต่เธอรีบหยิบไวน์ขึ้นมา ใช้แก้วไวน์ตัวเองบังหน้าไว้ ไม่ให้ทุกคนเห็นสภาพอึดอัดของเธอ
ความสนใจของพวกปาจรีย์อยู่ที่งานแต่ง เลยไม่ได้สังเกตเธอ
“ใช่สิ ฉันคิดออกแล้ว วารุณีเคยออกแบบชุดแต่งงานเอง งั้นฉันให้คนไปตัดดักว่า ชุดแต่งงานมีแล้ว งั้นภาพแต่งงานล่ะ?ต้องถ่ายนี่?”ปาจรีย์มองนัทธี แล้วมองไปที่วารุณี
วารุณียังไม่ตอบ นัทธีก็พยักหน้า“แน่นอน สองสามวันนี้ก็ถ่ายได้”
“ได้ งั้นพวกคุณก็ตั้งใจถ่ายภาพแต่งงานไป เรื่องเชิญแขกกับเรื่องอื่น ส่งให้พวกเราทำได้”ปาจรีย์ตบหน้าอกพูด
ป้าส้มก็ยิ้มออกมา“ใช่ พวกนี้เราทำได้ค่ะ”
“งั้นก็ส่งต่อให้พวกคุณ”นัทธีตอบอือ
จากนั้น ทุกคนกินก็ปรึกษาเรื่องแต่งงานไป
วารุณีไม่ค่อยมีส่วนร่วม แทบจะฟังอย่างเดียว จากนั้นก็ดูแลลูกทั้งสองคน
อย่างแรกคือเธอคิดว่าไม่จำเป็นต้องมีส่วนร่วม ในเมื่อพวกปาจรีย์กับป้าส้มอุทิศใจให้งานแต่งของเธอแล้ว งั้นเธอก็ต้องให้พวกเขาพอใจ
อีกอย่าง มีนักวางแผนงานแต่งงาน อย่างมากพวกเขาแค่พูดคุยรายละเอียดเล็กๆน้อยๆเท่านั้น เธอไม่กลัวว่าความเห็นพวกเธอจะไม่สอดคล้องกัน จนจัดงานแต่งออกมาแปลกๆ
จากนั้น วารุณีกับนัทธีก็เริ่มถ่ายชุดแต่งงาน
เช็ตภาพแต่งงานที่นัทธีเลือกเยอะมาก แบบโบราณ แบบสาธารณรัฐ แบบปัจจุบัน แบบยุคกลางในต่างประเทศและอื่นๆ เขาเลือกหมดแล้ว
เรียกได้ว่า วันหนึ่งวารุณีต้องเปลี่ยนหลายชุด แค่เปลี่ยนชุดแต่งหน้าก็กินเวลาไปเกือบวันแล้ว
วันนี้ หลังจากทั้งสองถ่ายภาพแต่งงานของสไตล์สาธารณรัฐเสร็จ ก็กำลังล้างเครื่องสำอางในห้องแต่งหน้า เตรียมถ่ายภาพแต่งงานสไตล์ต่อไป
จู่ๆมารุตก็เคาะประตูเข้ามา“ประธาน คุณผู้หญิง”
“อะไร?”นัทธีถือสำลีเช็ดเครื่องสำอาง กำลังเช็ดเบาๆไปที่หน้าวารุณี ชัดเจนว่ากำลังเช็ดเครื่องสำอางให้เธอเอง
ส่วนวารุณี ก็หลับตาลง ด้วยใบหน้าเคลิบเคลิ้ม
มารุตมองเธอ อ้าปาก แต่พูดไม่ออก
นัทธีหยุดการกระทำลง ขมวดคิ้วไม่พอใจ“คุณจะพูดอะไรกันแน่?”
“ที่จริงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรครับ ก็แค่จุ๊บแจงคนนั้นมาหาถึงที่ครับ”มารุตถอนหายใจตอบกลับไป
ได้ยินชื่อนี้ วารุณีก็ลืมตาขึ้นมา
จริงๆด้วย ปาจรีย์พูดถูก จุ๊บแจงมาหาถึงที่
“ใคร?”ไม่คาดคิดเลย จู่ๆนัทธีก็ถามว่าใคร
วารุณีกลืนไม่เข้าคายไม่ออก“คุณลืมแล้วเหรอ?ผู้มีพระคุณที่ช่วยคุณไง”
นัทธีเอาชื่อนี้ออกมา จากความทรงจำในหัวทันที พยักหน้านิ่งๆ“เธอเองเหรอ”
“ครับ”มารุตตอบกลับ
นัทธีทิ้งสำลีเช็ดหน้า“ไม่ได้ให้คุณไปตระกูลจิรดำรงค์ ให้เงินไปก้อนหนึ่ง หรือซื้อห้องให้ เข้าใจพระคุณนี้เหรอ?ทำไมเธอยังมาหาอีก?”
มารุตยิ้มอย่างขมขื่น“ผมไปแล้ว ผมทำงานในมือเสร็จก็รีบไป แต่บ้านเธอไม่มีใคร จากที่ชาวบ้านพูด สองสามวันก่อนพ่อแม่เธอออกไปทำงาน ส่วนเธอเองก็ถือกระเป๋าเดินทางออกไป สองวันแล้วที่ไม่มีใครอยู่บ้าน ทีแรกผมตั้งใจให้คนไปสืบว่าพวกเขาไปไหน แต่ยังไม่ทันสืบ เอก็มาหาเอง”
“มาหาที่บริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ป?”วารุณีถามออกไป
มารุตพยักหน้า“ใช่ ยังไงไม่ว่าใครที่ไหนก็รู้จักบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ปหมด”
“งั้นตอนที่เธอหาบริษัทเจอ ไม่ได้พูดช่วยอะไรนัทธีใช่ไหม?”วารุณีขมวดคิ้ว
นัทธีก็หรี่ตาลง
พูดตรงๆแล้ว ในทุกๆองค์กรใหญ่ ต่างมีสายลับจากบริษัทอื่น นี่คือปรากฏการณ์ที่เลี่ยงไม่ได้ในธุรกิจ
เช่นบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ป ก็มีสายลับในบริษัทอื่น ดังนั้นบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ปก็มีสายลับของบริษัทอื่นอยู่ด้วย
ถ้าจุ๊บแจงเอาเรื่องที่ตัวเองช่วยเขาไปประกาศในบริษัท ให้พวกสายลับได้ยิน ได้ยินไปถึงบริษัทคู่แข่ง ไม่แน่บริษัทพวกนั้นอาจจะลงมือกับจุ๊บแจง หลอกใช้จุ๊บแจงมาแบล็กเมล์เขา ยังไงจุ๊บแจงก็เป็นผู้มีพระคุณของเขา และเขาก็จำเป็นต้องช่วย ไม่งั้นก็คงจะเลือดเย็นไร้ความเป็นคน จากนั้นองค์กรอื่นๆก็จะสร้างความโดดเดี่ยวกับบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ปอย่างให้ความร่วมมือ
ถึงแม้ตอนนี้บริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ปไม่จำเป็นต้องใส่ใจบริษัทพวกนั้น แต่ถ้าองค์กรพวกนั้นร่วมมือกัน บริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ปก็แย่
ดังนั้นไม่ว่าอย่างไร เขาก็ไม่หวังว่าจะได้ยินจุ๊บแจงไปพูดอะไรไร้สาระข้างนอก ไม่งั้นบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ปเกิดอะไรขึ้น เธอก็จะไม่มีจุดจบที่ดี
มารุตก็เข้าใจตรงนี้ดี ส่ายหน้าตอบกลับว่า:“ไม่ครับ ตอนเธอหาบริษัทเจอ ผมออกมาจากห้องโถงพอดี ดังนั้นผมเลยไปต้อนรับเธอ”
“งั้นก็ดี”วารุณีโล่งอก
คิ้วของนัทธีที่ขมวดก็คลายออก ขยับริมฝีปากบางๆอย่างแผ่วเบา:“เธอบอกไหมว่ามาหาพวกเรามีเรื่องอะไร?ต้องการแค่ค่าตอบแทนไหม?”
“ไม่ได้บอกว่าต้องการค่าตอบแทน แต่ความหายก็พอๆกัน เธอบอกว่าตัวเองอยากได้งาน แต่ผมยังไม่ตกลง เลยมารายงานท่านก่อนแล้วค่อยไปจัดการ”มารุตตอบ
วารุณีหรี่ตา“ต้องการงาน?”
“ครับ!”มารุตพยักหน้า
วารุณียิ้ม“นี่เหมือนสไตล์ของเธอมาก”
พูดไป เธอก็มองไปที่นัทธี“สามี เธอมาเพื่อคุณนะ ทำงานที่บริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ป เพื่อได้เจอคุณตลอดเวลาไม่ใช่เหรอ?”
หน้าหล่อเหลาของนัทธีหม่นลง
แววตามารุตมีรอยยิ้มแห่งความสะใจ
วารุณีพูดอีกว่า:“และเธอต้องการงานไม่ต้องการเงิน ยังทำให้รู้สึกถึงความเข้มแข็งและพึ่งพาตนเองได้ของเธอ ไม่เลว รักษาภาพลักษณ์ได้ดี”
และก็ไม่โทษที่คนอื่นมองไม่ออกว่าจุ๊บแจงเป็นผู้หญิงหน้าเงิน ยังไงผู้หญิงหน้าเงินก็ปกปิดสิ่งนี้ไว้
เธอบอกได้แค่ว่า จุ๊บแจงแสดงละครเก่งมาก ดีจนจุ๊บแจงเองยังไม่รู้ว่าตัวเองเป็นผู้หญิงหน้าเงิน และยังสะกดจิตตัวเองว่าตัวเองเป็นคนเข้มแข็งและพึ่งพาตนเองได้
“โอเค งั้นให้งานเสมียนของสาขาย่อยแก่เธอไป เงินเดือนสูงหน่อย”นัทธีลูบขมับ กำชับอย่างทนไม่ไหว
เสมียน พูดฟังดูดี ที่จริงก็เป็นสาวน้อยที่ทำทั่วไปทุกอย่าง เนื้อหางานง่าย คงไม่สร้างปัญหาอะไร ให้จุ๊บแจงไปก็ดี
“ผมเข้าใจแล้วครับประธาน”มารุตตอบกลับ
วารุณียิ้ม
เธอรู้ว่านัทธีต้องจัดการแบบนี้ และเธอก็ดีใจมากที่เขาจะจัดการเช่นนี้