“โอเค งั้นผมจะไปกับคุณ สุขใจเกิดมา ผมยังไม่เห็นเขากับตาเลย”พูดถึงเด็กคนนี้แล้ว นัทธีก็ละสายตาลง แววตามีแต่ความรู้สึกผิดและโทษตัวเอง
วารุณีดูออก จึงเอามือวางไว้ที่มือของเขา ปลอบใจอย่างไม่ส่งเสียงใดๆ
ผ่านไปสองสามวินาที นัทธีก็ฟื้นคืนกลับมา ตบหลังมือของเธอ“โอเค ผมไม่เป็นไร พรุ่งนี้ไปเมื่อไหร่?”
“ตอนค่ำ ถึงที่ต่างประเทศนั่นก็เช้าพอดี”วารุณีพูด
นัทธีตอบอือ“โอเค ผมจะให้มารุตเตรียมเครื่องบินส่วนตัว”
วารุณีพยักหน้าไปมา
อารัณกับไอริณได้ยิน ก็สบตากัน วางตะเกียบลงแล้ววิ่งมาด้านข้างของทั้งสองคน ดึงมือของเขาทั้งสองแล้วเขย่าไปมาอย่างออดอ้อน
“พ่อหม่ามี๊ พวกเราก็อยากไปดูน้องชาย”ไอริณกะพริบตาปริบๆมองไปที่นัทธี
อารัณก็เช่นกัน มองไปที่วารุณีแล้วพูด:“พวกเราคิดถึงน้องชาย”
“ทำไงดี?พาไปไหม?”วารุณีมองไปที่นัทธีอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ระหว่างคิ้วนัทธีเต็มไปด้วยความอ่อนโยน
เขาลูบหัวของลูกทั้งสองคนแล้วพูดว่า:“พาไปละกัน”
“งั้นก็พาไปด้วย!”วารุณีหัวเราะเบาๆ
หลังจากเด็กทั้งสองคนได้ยิน ก็กระโดดอยู่ที่เดิมอย่างดีใจ
ช่วงนี้ เพราะว่าพ่อเกิดเรื่อง หม่ามี๊จึงไม่ค่อยได้อยู่กับพวกเขา ไม่เอาพวกเขาไว้อยู่ที่บ้าน ก็ให้คุณยายส้มกับคุณอามารุตดู
พวกเขาอยากมีกิจกรรมร่วมกับพ่อและหม่ามี๊นานแล้ว
ตอนนี้โอกาสมาหาแล้ว พวกเขาจะไม่ดีใจได้อย่างไร
มองสภาพลูกทั้งสองที่หัวเราะอย่างวุ่นวาย วารุณีกับนัทธีก็สบตากัน ต่างมองเห็นรอยยิ้มในดวงตาของอีกฝ่าย
คืนวันถัดมา สี่คนพ่อแม่ลูกก็นั่งเครื่องบินส่วนตัวของนัทธีไปต่างประเทศ เพื่อไปดูสุขใจ
จุ๊บแจงเพิ่งรู้จากปากของพนักงานคนอื่นๆ ในตอนที่กินข้าวเที่ยงของวันที่สี่ว่า นัทธีพาภรรยาและลูกๆไปต่างประเทศ
เขาไปต่างประเทศแล้ว ไปต่างประเทศแล้ว!
ไม่น่าล่ะเมื่อวานเธอไปรอที่โรงจอดรถกับลิฟต์ตลอดเวลา ก็ไม่เห็นเงาของเขา และก็ไม่เห็นรถของเขาเลย
ที่แท้เขาก็ไปต่างประเทศ
และยังพาภรรยากับลูกไปอีก!
นึกถึงวารุณี ในใจของจุ๊บแจงก็อิจฉา ไม่รู้สึกอยากกินข้าว
เธอเอาตะเกียบตบลงไปที่โต๊ะ ทำเอาเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆตกใจจนค่อยๆมองไปที่เธอ
“แจง เธอเป็นอะไร?”ป้าที่หวังดีคนหนึ่งถามอย่างห่วงใย
จุ๊บแจงกัดริมฝีปากส่ายหน้า“ฉันไม่เป็นไร ฉันแค่กินไม่ลง ไปก่อนนะ!”
พูดจบ เธอก็ถือจานอาหารออกไปจากที่นั่ง
เธอเพิ่งเดินออกไป จากนั้นที่นั่งของเธอก็ถูกคนมานั่ง ซึ่งก็คือพนักงานฝ่ายบุคคลที่วันนั้นพาจุ๊บแจงเข้ามา
พนักงานมองจุ๊บแจงออกไป ก็เยาะเย้ยอย่างเสียดสี“เธอจะเป็นอะไรได้ล่ะ ก็ได้ยินประธานไปต่างประเทศ ไม่ได้เห็น ก็เลยอารมณ์ไม่ดีไง!”
ประโยคนี้เขาพูดเสียงดัง คนจำนวนมากต่างได้ยิน ตกใจจนทั้งร้านต่างเดือดดาลขึ้นมา
“ไม่มั้ง คราม คุณจะบอกว่า เธอคิดอะไรกับประธานเหรอ?”มีคนถาม
ที่จริงคนที่คิดอะไรกับประธานนั้นมีเยอะ แต่ทุกคนต่างรู้ตัวเองดี รู้ว่าตัวเองไม่มีทางเป็นอะไรกับประธานได้ ดังนั้นถึงจะรู้สึกกับประธาน แต่ก็ซ่อนไว้ในใจ ใครจะเหมือนจุ๊บแจงล่ะ แสดงออกชัดเจนมาก
“ใช่ ผมรู้มาเมื่อหลายวันก่อน ผมได้ยินหัวหน้าพวกเราพูดว่า เหมือนเธอจะช่วยอะไรประธานไว้ ที่จริงประธานจะให้เธอไปที่บริษัทย่อย ให้ตำแหน่งสบายๆแก่เธอ สุดท้ายเธอไม่เอา จะมาสำนักงานใหญ่ให้ได้ เพื่อจะได้เห็นประธานบ่อยๆ ประธานทำอะไรไม่ได้ ก็เลยให้เธอไปแผนกทำความสะอาด สุดท้ายพวกคุณเดาว่าไงล่ะ?”ครามหัวเราะอย่างลึกลับ
ทุกคนแปลกใจมาก มีคนทนไม่ไหวรีบพูดเร่ง “สรุปยังไงคุณก็พูดมาสิ พวกเราจะเดาได้ไง?”
“ใช่”ทุกคนพยักหน้า
ครามหัวเราะอย่างเล่ห์ ในที่สุดก็ไม่พูดล่อให้ดูน่าสนใจ พูดออกไปว่า:“วันนั้นตอนเที่ยงเธอหลบคนมาที่ชั้นบนสุดเพื่อไปหาประธาน จากนั้นผู้ช่วยมารุตก็ไปสั่งสอนหัวหน้าของแผนกทำความสะอาดที่แผนกทำความสะอาดสักพักหนึ่ง”
“ที่แท้ก็แบบนี้เอง ไม่น่าล่ะหัวหน้าดูไม่ถูกชะตากับแจง พวกเรายังแปลกใจว่าตอนเช้ายังอยู่ดีๆ ทำไมพอเที่ยงแล้วถึงได้เป็นแบบนี้ คิดไม่ถึงเลย”จู่ๆคุณผ้าที่เพิ่งห่วงใยจุ๊บแจงก็เข้าใจทันที จากนั้นในใจก็ยิ่งดูถูกจุ๊บแจง
เป็นอีกคนที่คิดเพ้อเจ้ออยากตีสนิทกับคนสูงส่งกว่าอีกแล้ว คนแบบนี้ไปที่ไหนก็มีแต่ทำให้คนไม่ชอบ
ทุกคนในร้านอาหารก็รู้ดีว่าจุ๊บแจงเป็นคนอย่างไร ในแววตาต่างดูถูกเหยียดหยาม
พวกเขาตัดสินใจแล้ว ต่อไปจะอยู่ห่างจากจุ๊บแจง ไม่ไปยุ่งกับคนแบบนี้เด็ดขาด เพื่อไม่ให้ตัวเองแปดเปื้อนไปด้วย
ที่ต่างประเทศ เดินทางโดยเครื่องบินยาวนานถึงสิบชั่วโมง ในที่สุดพวกวารุณีก็มาถึงโรงพยาบาล
วันนี้เชอรีนไม่ต้องเป็นนางแบบของลีน่า อยู่พักที่คฤหาสน์ พอรู้ว่าพวกวารุณีจะมาดูสุขใจ มารุตก็มาด้วย จึงรีบเก็บของไปรอพวกเขาที่โรงพยาบาล
รอไปประธานครึ่งชั่วโมง รอจนได้เจอวารุณี ก็อ้าแขนเข้าไปกอดอย่างดีใจ
“วารุณี ฉันคิดถึงเธอจัง!”เชอรีนอุ้มวารุณีแล้วหมุนรอบหนึ่ง
วารุณีถูกเขาหมุนจนมึนหัว แต่ก็ไม่ได้ให้เธอปล่อยตัวเอง
เพราะวารุณีรู้ว่า เชอรีนเห็นเธอ จึงดีใจมาก!
นัทธีที่อยู่ข้างๆกับมารุตกลับไม่พอใจ
สีหน้านัทธีหม่นลง มารุตก็หึงที่แฟนตัวเองกอดคนอื่น ถึงแม้คนๆนั้นจะเป็นผู้หญิง และเป็นภรรยาของหัวหน้าตัวเอง แต่ในใจเขาก็หึง
ใครให้แฟนสาวไม่เคยกอดเขาอยากอบอุ่นขนาดนี้ล่ะ
เห้อ……
“พอเถอะ กอดแค่นี้ก็พอแล้ว รีบปล่อย!”นัทธีขมวดคิ้ว พูดกับเชอรีนอย่างไม่พอใจ
มารุตก็รีบพยักหน้าเห็นด้วย
เชอรีนเห็นการกระทำของแฟนตัวเอง ก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออกเล็กน้อย
ยังไงเธอก็ไม่เข้าใจ เธอกอดวารุณี ทำให้ผู้ชายสองคนนี้หึงเลยเหรอ
จริงๆเลย แม้แต่ผู้หญิงก็ยังหึง แบบนี้ไม่มีใครอีกแล้ว!
“โอเค ฉันปล่อยละ”เชอรีนรีบปล่อยวารุณี
นัทธีดึงข้อมือของวารุณี เอาเธอมาไว้ข้างๆ จากนั้นส่งสายตาให้มารุตอีกครั้ง สื่อว่าให้มารุตรีบพาเชอรีนไป
ดวงตามารุตเป็นประกาย เข้าใจทันที จับเชอรีนไว้แล้วพูดกับนัทธี:“งั้นประธาน พวกเราขอตัวก่อน มีอะไรโทรหาผมได้ตลอด”
นัทธีตอบอือ
มารุตมองไปที่เชอรีน“พวกเราไปกันเถอะ ไม่รบกวนพวกประธานแล้ว”
เชอรีนก็แทบอยากจะ เธอพยักหน้าไปมา“ไปๆๆ ตอนนี้ไปได้แล้ว รีบไป”
เธอก็ไม่ได้เจอแฟนสุดที่รักมาหลายวันแล้ว และก็อยากอยู่ใกล้ชิดสนิทสนมกับแฟนสุดที่รัก
แป๊บเดียว ทั้งสองก็เข้าใจ แล้วออกไปจากโรงพยาบาล
จนกระทั่งมองไม่เห็น วารุณีจึงยิ้มแล้วพูดกับนัทธี:“สามี คุณจงใจให้ผู้ช่วยมารุตกับเชอรีนออกไปเดทสินะ”
นัทธีไม่พูดอะไร“ประมาณนั้น และก็ไม่อยากให้พวกเขารบกวนพวกเรา โอเค พวกเราเข้าไปเถอะ”
“อือ”วารุณีพยักหน้า
สี่คนพ่อลูกเข้าไปในโรงพยาบาล และเดินไปที่ห้องทารก
นัทธียืนอยู่นอกห้องทารก มองเห็นสุขใจผ่านกระจก ตัวเล็กๆ กลมๆสีแดง เหมือนลิงน้อย น่าเกลียดมาก
แต่ความช็อกของนัทธีนั้น มากเป็นพิเศษ จนทำให้รูม่านตาเขาสั่น
นั่นเป็นลูกของเขา แค่หกเดือน ก็ถูกบังคับให้คลอดออกมา
มือของนัทธีวางไว้ที่กระจก ก็กำแน่นขึ้นมา
วารุณีตระหนักได้ถึงอารมณ์ของเขาที่ผิดปกติ จึงมองสายตาที่เขาจ้องสุขใจ ก็รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไรอยู่
วารุณีกอดนัทธีเบาๆ เอาหัวพิงไปที่ไหล่เขา“โอเคนัทธี ไม่ได้บอกแล้วเหรอ?เรื่องของสุขใจไม่ใช่ความผิดคุณ”
“ผมรู้ แต่เห็นสภาพของสุขใจแล้ว ผมก็อดไม่ได้ที่จะไม่แคร์!”นัทธีพูดด้วยตาแดงก่ำ
เขาโทษนิรุตติ์ และก็โทษจุ๊บแจง
ถ้าตอนนั้นตัวเองไม่ไป นิรุตติ์ก็คงเล่นงานเขาไม่ได้ จุ๊บแจงก็คงไม่มาช่วยเขามั่วๆ ทำให้สุขใจคลอดก่อนกำหนด
แน่นอนว่า เขาโทษตัวเองมากกว่า