วารุณีมองดูชุดแต่งงานที่คุ้นเคยนี้ และยิ้มอย่างสดใสบนใบหน้าอันงดงามของเธอ
อย่าว่าแต่ผู้ชายเลย ผู้หญิงเห็นแล้วยังต้องตะลึง
พวกปาจรีย์สามคนก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน
ในตอนที่วารุณีลุกขึ้นเตรียมเปลี่ยนชุดแต่งงาน ประตูห้องแต่งหน้าก็ถูกคนเคาะขึ้น
“ใครคะ?” เชอรีนเดินไปแง้มประตูออก แล้วมองออกไปด้านนอก
พอเห็นคนด้านนอก ก็อุทานขึ้นอย่างตกใจ “ประธานนัทธี?”
วารุณีได้ยินชื่อนี้แล้ว ก็รีบกลับหลังหันทันที “นัทธีมาเหรอ?”
เชอรีนพยักหน้า จากนั้นก็เปิดประตูออก “ประธานนัทธีมีอะไรหรือเปล่าคะ?”
นัทธีไม่ได้สนใจเธอ แต่กลับเดินผ่านเธอ แล้วตรงเข้าไปหาวารุณีในห้องแต่งหน้า
วารุณีแต่งหน้าจัดเต็ม ทรงผมก็ทำเสร็จแล้ว
แม้บนตัวจะยังไม่ได้เปลี่ยนชุดแต่งงาน แต่ก็ดูสวยมากแล้ว
จินตนาการภาพตอนที่เธอใส่ชุดแต่งงานได้เลยว่า เธอจะต้องสวยมากแน่ๆ
“ฉันมาดูว่าพวกเธอเตรียมตัวไปถึงไหนแล้ว” นัทธีมองวารุณีโดยไม่ละสายตา ลูกกระเดือกขยับ แล้วถามด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง
พวกปาจรีย์สามคนเห็นแล้ว ก็แอบหัวเราะคิกคักกันใหญ่
“ฉันว่านะคะ ประธานนัทธีคงรอไม่ไหว อยากเห็นวารุณีใส่ชุดแต่งงานเต็มทนล่ะสิ” ปาจรีย์พูดหยอก
นัทธีเหลือบตามองเธอ แต่ก็ไม่ได้พูดปฏิเสธใดๆ
ปาจรีย์เห็นแล้ว ก็กวักมือเรียกเชอรีนและลีน่า “ในเมื่อประธานนัทธีมาแล้ว งั้นพวกเราออกไปกันเถอะ ให้เวลาสองคนนี้ได้อยู่ด้วยกัน”
“ได้” ลีน่ากับเชอรีนพยักหน้าพร้อมกัน
จากนั้นสามคนก็เดินออกจากห้องแต่งหน้าไปด้วยรอยยิ้ม
ภายในห้องแต่งหน้าเหลือเพียงนัทธีกับวารุณีสองคน
นัทธีเดินเข้าไปใกล้เธอ
เขาเปลี่ยนชุดเจ้าบ่าวเรียบร้อยแล้ว ทรงผมก็เสยขึ้นไปทั้งหมด เผยให้เห็นหน้าผากใสกิ๊ง ออร่าที่แผ่ซ่านออกมาจากตัวเขาดูเข้มแข็งและเป็นผู้ใหญ่มาก
“งานแต่งจะเริ่มแล้ว นายไม่รอฉันที่ห้องโถง มาที่นี่ทำไม?” วารุณีมองดูชายหนุ่มแล้วพูด
ชายหนุ่มยื่นมือไปกอดเธอเอาไว้ “คิดถึงเธอน่ะสิ ก็เลยมาหาเธอนี่ไง”
วารุณีหัวเราะแล้วพูดว่า “พวกเราห่างกันแค่ไม่กี่ชั่วโมง จำเป็นต้องขนาดนี้เลยเหรอ?”
“จำเป็นสิ” นัทธีพยักหน้า
วารุณีมองบนอย่างหมดคำจะพูด “ก็ได้ แต่ตอนนี้นายก็เห็นแล้ว รีบออกไปเถอะ ฉันจะได้เปลี่ยนชุดแต่งงาน”
“ฉันช่วยเธอเปลี่ยนนะ” ว่าแล้ว นัทธีก็เดินไปยังชุดแต่งงาน เตรียมเอาชุดลงจากหุ่น
วารุณีเห็นท่าทีกระตือรือร้นของเขา ก็อดไม่ได้หรี่ตาลง
เขาคงไม่ได้มาตรงเวลา เพื่อมาเปลี่ยนชุดแต่งงานให้เธอหรอกนะ?
เธอยิ่งดูก็ยิ่งรู้สึกแบบนั้น
แต่ช่างเถอะ เขาอยากทำก็ปล่อยให้เขาทำไปเถอะ
ใครใช้ให้เขาเป็นสามีเธอล่ะ ก็ต้องตามใจไปก่อน
วารุณีหัวเราะแล้วส่ายหน้า จากนั้นก็ก้าวเดินไปหาเขา
ชุดแต่งงานหนักมาก การใส่คนเดียวเป็นเรื่องที่ยากมาก จะต้องมีคนคอยช่วยใส่
ตอนแรกก่อนหน้านี้มีพวกปาจรีย์สามคนช่วยใส่ แต่ตอนนี้มีแค่นัทธีคนเดียว แรงของผู้ชายก็เยอะด้วย แค่เขาคนเดียวก็ช่วยวารุณีใส่ชุดแต่งงานได้แล้ว
ครั้งนี้เธอแต่งหน้าทำผมแบบเจ้าสาว และสวมชุดแต่งงานอีก ดูสวยขึ้นกว่าเดิมเป็นร้อยเท่า สวยกว่าครั้งก่อนอีก
เพราะยังไงครั้งก่อน เธอไม่ได้แต่งหน้าแบบนี้ และไม่ได้ทำทรงผมแบบนี้ด้วย สวยก็จริง แต่ยังไงก็ยังขาดบางอย่างอยู่ดี
ตอนนี้ต่างกัน วารุณีในสายตาของนัทธีแล้ว เป็นเหมือนนางฟ้าลงมาจุติ ทำให้เขาอดไม่ได้อยากกอดรัดเธอไว้ในอ้อมกอดแน่นๆ กอดเอาไว้กลัวเธอจะลอยขึ้นสวรรค์ไป
วารุณีรู้สึกได้ถึงความกังวลของเขา แม้จะไม่รู้ว่าเขากำลังกลัวอะไร แต่เธอก็ไม่ได้ถาม และตบหลังเขาเบาๆ ปลอบใจโดยไร้คำพูด
ผ่านไปสองนาที นัทธีก็ตั้งสติ และเข้าใจว่าผู้หญิงตรงหน้าเป็นภรรยาของเขา เป็นผู้หญิงที่จะอยู่กับเขาไปตลอดชีวิต ไม่มีทางบินหนีไปไหนได้หรอก
เขาปล่อยเธอออกเบาๆ แล้วจ้องมองเธออย่างละเอียด “ยังขาดอะไรไปอย่าง”
“ผ้าคลุมหน้า!” วารุณีพูดเตือนเขาแล้วหัวเราะ
นัทธีได้ยินแล้วก็มองซ้ายมองขวา ตามหาผ้าคลุมหน้า
วารุณีชี้ไปที่โซฟาด้านหลัง นัทธีกลับหลังหันเห็นผ้าคลุมหน้าที่วางอยู่บนโซฟา เขารีบหยิบมันขึ้นมา จากนั้นก็สวมให้เธอภายใต้คำสั่งของวารุณี
ผ้าคลุมหน้ายาวมาก แถมยังเป็นแบบสองชั้นอีก ชั้นแรกสั่นจนถึงเอว ชั้นล่างยาวจนลากพื้น ยาวกว่าชายกระโปรงชุดแต่งงานเสียอีก จนคลุมชายกระโปรงชุดแต่งงานไว้ทั้งหมด
แต่แบบนี้ ภาพที่ออกมาถึงจะดูสวยงามตระการตา
“สวยมาก!” นัทธีถอยหลังไปหนึ่งก้าว แล้วมองเจ้าสาวตรงหน้าด้วยแววตาเปล่งประกายอย่างพึงพอใจ
วารุณีถือช่อดอกไม้ไว้ แล้วยิ้มให้กับเขา “นายก็หล่อเหมือนกัน!”
กำลังพูดอยู่นั้น ประตูห้องแต่งหน้าก็ถูกคนเคาะอีกครั้ง ด้านนอกมีเสียงของปาจรีย์ดังขึ้น “วารุณี ประธานนัทธีคะ ถึงเวลาแล้วค่ะ ออกมากันได้แล้ว!”
วารุณีตอบกลับ “มาแล้วๆ”
พวกเขาแค่จัดงานแต่งธรรมดาๆและไม่เป็นที่สนใจมากนัก ดังนั้นพวกกิจกรรมประตูเงินประตูทองก็ถูกยกเลิกไปทั้งหมด
อย่างแรกเลยคือไม่จำเป็น สองคือคนไม่พอ ให้เจ้าบ่าวมารับเจ้าสาวเลยยังจะดีกว่า จากนั้นก็ค่อยเดินไปที่ห้องโถงด้วยกันเลย
นัทธียื่นมือไปหาวารุณี “ไปกันเถอะ”
วารุณีมองดูมือใหญ่ของเขา เธอยิ้มแล้วเอามือตัวเองวางลงไป
นัทธีจับมือเธอไว้แน่น
มือเธออ่อนนุ่มเหมือนไร้กระดูก นุ่มมากจนอยากจับไปนานๆ
นัทธีจับมือของวารุณีไว้แบบนี้ แล้วเดินออกจากห้องแต่งหน้า
นอกห้องแต่งหน้า มีพวกปาจรีย์สามคน และอารัณกับไอริณสองพี่น้องรออยู่
เห็นคู่บ่าวสาวเดินออกมา ทุกคนที่อยู่ด้านนอกก็ตะลึงอยู่กับที่ นานมากกว่าจะได้สติ
“สวยมากเลย วารุณี เธอสวยจริงๆ!” ปาจรีย์พูดขึ้นอย่างตื่นเต้น
ลีน่าและเชอรีนก็พยักหน้ากัน “ยังไม่ได้ใส่ชุดแต่งงานก็สวยมากแล้ว ตอนนี้พอสวมชุดแต่งงานแล้ว ดูสวยจนน่าตะลึงไปอีก”
“นั่นสิ ประธานนัทธีโชคดีจริงๆเลยนะคะ” เชอรีนยกนิ้วโป้งให้นัทธี
นัทธีอารมณ์ดีและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “โบนัสเดือนนี้เพิ่มเป็นสองเท่านะ!”
“ประธานนัทธีเจ๋งไปเลยค่ะ ขอให้ประธานนัทธีกับวารุณีรักกันตลอดไป มีความสุขตลอดชีพไปเลย!” เชอรีนอวยพรเพิ่มไปอีก
นัทธีก็ยิ้มแล้วพูดว่า “สามเท่าเลย!”
เชอรีนดีใจจนแทบเป็นลม
ปาจรีย์กับลีน่าเห็นแล้วก็หัวเราะแล้วพูดว่า “งั้นประธานนัทธีคะ มีของพวกเราด้วยไหม?”
“มีสิ เดี๋ยวไปหามารุตเลยนะ” นัทธีพยักหน้าตอบ
“เย้ ดีจังเลย ขอบคุณนะคะประธานนัทธี!” สองคนดีใจจนแปะมือกัน
วารุณีเห็นพวกเธอดีใจขนาดนี้ ก็หัวเราะไปด้วย
ไอริณกับอารัณสองคนก็เงยหน้าขึ้น กะพริบตามองวารุณีกับนัทธี
“หม่ามี๊สวยจังเลยค่ะ” ไอริณพูดด้วยแววตาเปล่งประกาย
อารัณก็พูดตาม “พ่อก็หล่อมากเหมือนกัน”
“นั่นสิ เมื่อกี้ตอนที่ประธานนัทธีกับวารุณีออกมา ฉันก็รู้สึกว่าทั้งคู่เป็นเหมือนคู่สร้างคู่สมกันเลย แค่รูปลักษณ์ภายนอก ก็ไม่มีใครเหมาะสมเท่าทั้งคู่แล้วล่ะ” เชอรีนยังคงเอ่ยชมไม่หยุด
วารุณีมองดูเด็กสองคนที่สวมชุดสูทและชุดกระโปรงเจ้าหญิง หัวใจก็แทบละลายกองกับพื้น
ตามด้วยเสียงนาฬิกาที่ดังขึ้น ปาจรีย์ก็รีบหยิบตะกร้าดอกไม้เล็กๆสองใบมาให้เด็กสองคน “เอ้านี่ เด็กๆ เดี๋ยวพ่อแม่จะเข้างานแล้ว พวกหนูก็เดินนำหน้าพ่อแม่เลยนะ แล้วอย่าลืมโปรยดอกไม้ระหว่างทางด้วยล่ะ”
“ครับ แม่บุญธรรม!” เด็กสองคนพยักหน้าอย่างจริงจัง จากนั้นก็เดินตามเชอรีนไป แล้ววิ่งนำหน้าวารุณีกับนัทธีไปสี่ถึงห้าเมตร จากนั้นก็เริ่มโปรยดอกไม้
และวารุณีกับนัทธีก็คล้องแขนกัน เดินเข้าไปในโบสถ์ช้าๆภายใต้ดอกไม้ที่โรยลงมาไม่หยุด
ตอนนี้ภายในโบสถ์มีแขกนั่งกันเต็มไปหมด มีศรัณย์ พงศกร พิชิต รวมไปถึงเพื่อนในวงการของวารุณี ล้วนแต่เป็นนักออกแบบที่ค่อนข้างสนิทกันเล็กน้อย
ส่วนคนอื่นๆ ส่วนใหญ่ก็เป็นพวกนักธุรกิจที่ร่วมงานกับนัทธี
ทุกคนพอเห็นบ่าวสาวเข้างานแล้ว ก็ต่างลุกขึ้นปรบมือกันใหญ่