มองหน้าตาเซ่อๆของผู้ชายแล้ว วารุณีอดขำไม่ได้
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นว่าหน้าตาผู้ชายคนนี้น่ารักขนาดนี้
เสียงหัวเราะของวารุณีทำให้นัทธีดึงสติกลับมาได้
เขามองวารุณีที่หัวเราะจนกุมท้องไว้ ทีนี้จะไม่เข้าใจได้ยังไงว่าเธอกำลังแกล้งหยอกเขาอยู่
“เก่งจริงๆ เดี๋ยวนี้รู้จักเอาสามีตัวเองมาล้อเล่นแล้ว เดี๋ยวงานอนเสิร์ตจบ คอยดูว่าผมจะจัดการคุณยังไง!”นัทธีเขยิบไปที่ข้างหูของวารุณีแล้วพูดจาข่มขู่เสียงต่ำ
เขายังไม่เคยรู้เลยว่าเธอมีด้านนี้ด้วย จะแกล้งปิดบังไอดอลของตัวเอง จากนั้นให้เขาหึง แล้วมาดูตลกของเขา!
วารุณีค่อยๆหยุดเสียงหัวเราะลง จากนั้นได้เช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาจากหางตาพร้อมพูดว่า:“เอาล่ะที่รัก ฉันแค่อยากดูว่าคุณจะมีปฏิกิริยาอะไรเฉยๆ คุณ……”
“ตอนนี้พึงพอใจแล้ว?”นัทธีชายตามองเธอ
วารุณีหัวเราะพร้อมซบอยู่ที่อกเขา “พึงพอใจแล้วค่ะ นึกไม่ถึงเลยว่าเวลาคุณสามีฉันหึงขึ้นมาจะน่ารักขนาดนี้!”
ดูหน้าตาผู้หญิงที่กำลังกระดุกกระดิกไปมาและออดอ้อนอยู่ที่อ้อมกอดตัวเองแล้ว นัทธีทั้งโกรธทั้งขำ สุดท้ายได้ขยี้ผมของเธออย่างจนปัญญา “ถึงพึงพอใจแค่ไหน บทลงโทษที่ช่วงดึกควรจะมีก็ยังมีอยู่ อย่าหวังว่าผมจะปล่อยคุณไปเชียวนะ”
“เชอะ!”วารุณีเบะปาก
ไม่นานก็ได้มาถึงที่อาคารแลนด์มาร์ครูปทรงกลม
ตั๋วของวารุณีกับนัทธีคือตั๋วVIP สามารถเดินช่องVIPเข้าไปโดยตรง ไม่ต้องเบียดไปมาที่ช่องทางธรรมดาเหมือนกับผู้ชมคนอื่นๆ
พอเข้ามาถึงที่อาคารแลนด์มาร์ครูปทรงกลม วารุณีส่งเสียงตะลึงออกมา “ใหญ่จังเลย ก่อนหน้านี้ฉันเคยเห็นแค่ในทีวี ตอนนี้ได้เห็นกับตา ถึงพบว่าใหญ่กว่าที่ฉันจินตนาการเสียอีก”
“สถานที่ๆสามารถจุคนได้หนึ่งแสนคน ทั่วโลกก็มีให้เห็นอยู่แค่ไม่กี่ที่ ไปกันเถอะ โซนVIPอยู่ด้านหน้าสุด”นัทธีจูงมือวารุณีเดินไปยังโซนหน้าด้านหน้าสุดที่ใกล้กับเวที
ปาจรีย์และเพื่อนอีกสองคนกำลังนั่งพูดคุยกันอยู่ที่บนที่นั่ง เห็นทั้งสองมา แล้วได้รีบลุกขึ้น
“วารุณี ทางนี้!” ปาจรีย์โบกมือให้กับวารุณี
วารุณีพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “ปาจรีย์”
หลังจากเธอทักทายกับปาจรีย์แล้ว ก็ได้มองไปที่เชอรีนกับลีน่าแล้วทักทายกันตามลำดับ จากนั้นถึงนั่งลงพร้อมกับนัทธี
คอนเสิร์ตต้องรออีกสักพักถึงจะเริ่ม วารุณีกับปาจรีย์ได้พูดคุยกันขึ้นมา
พอพูดคุยกันได้สักพัก จู่ๆเธอได้ลุกขึ้นมา “ฉันไปเข้าห้องน้ำแป๊บนึงนะ”
“ผมไปเป็นเพื่อนคุณ” ระหว่างที่นัทธีพูดก็จะลุกขึ้น
วารุณีส่ายหัว “ไม่ต้องค่ะ แค่เข้าห้องน้ำเฉยๆไม่ต้องให้คนไปเป็นเพื่อนหรอกค่ะ คุณรอฉันอยู่ที่นี่แหละ เดี๋ยวฉันก็กลับแล้วค่ะ”
พอพูดจบ เธอก็ได้ยกฝีเท้าเดินไปที่ห้องน้ำ
ในห้องน้ำมีคนเยอะมาก ล้วนเป็นแฟนเพลงที่มาดูคอนเสิร์ต แต่ละคนคอยหารือว่าเดี๋ยวนักร้องคนไหนจะขึ้นคอนเสิร์ตร้องเพลงด้วยความตื่นเต้น
วารุณีเข้าห้องน้ำออกมา ยืนล้างมืออยู่หน้าเคาน์เตอร์ล้างมือ คอยฟังเสียงหารือของแฟนเพลงพวกนี้แล้วอดยิ้มไม่ได้
ดีจังเลย มีความรู้สึกเหมือนได้ย้อนกลับไปสมัยเรียนมหาลัยเลย
ถึงแม้เธอไม่เคยคลั่งดาราเลย แต่สมัยเรียนมหาลัย เพื่อนๆก็เคยพูดเรื่องคอนเสิร์ตที่ข้างหูเธอบ่อยครั้งอยู่ ก็เหมือนอย่างตอนนี้เลย
หลังจากวารุณีล้างมือเช็ดมือให้แห้งแล้ว ได้เดินออกมาจากห้องน้ำ และเตรียมกลับไปที่งานคอนเสิร์ต
ในขณะที่เธอใกล้จะเดินไปถึงทางเข้างานคอนเสิร์ต ผู้ชายที่ใส่ชุดทำงานของพนักงานรักษาความปลอดภัยได้เดินมาทางเธอ แล้วเดินชนกับเธอทีนึง
วารุณีถูกชนจนปวดไหล่ ร่างกายก็ได้โซเซด้วย ถอยไปก้าวนึงถึงฝืนยืนทรงตัวได้
พอยืนทรงตัวได้แล้ว เธอกุมไหล่ที่เจ็บปวดไว้พร้อมขมวดคิ้วขึ้น
พนักงานรักษาความปลอดภัยคนนั้นได้ก้มคำนับให้เธอ “ขอโทษครับคุณผู้หญิง คุณเป็นอะไรหรือเปล่าครับ?”
วารุณีส่ายหัว “ไม่เป็นไรค่ะ”
“ต้องขอโทษจริงๆครับ ผมไม่ได้ตั้งใจครับ”พนักงานรักษาความปลอดภัยได้พูดอีก
วารุณีเอามือลงจากบนไหล่ แล้วยิ้มให้เขาทีนึง “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเองก็ผิดเหมือนกัน ที่หลบไม่ทัน”
“เหรอครับ?งั้นก็ดีเลย คุณเป็นคนที่จิตใจดีงามจังเลยครับ” พนักงานรักษาความปลอดภัยก็ยิ้มเหมือนกัน ต่อมาได้หรี่ตาขึ้นมา แล้วพูดด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยการชวนเชื่ออีก:“คุณผู้หญิงที่จิตใจดีงามขนาดนี้ ไม่รู้ว่าคุณจะชอบช่วยอะไรผมหน่อยได้มั้ย?”
“คะ?” วารุณีอึ้งอยู่ครู่นึง “ช่วยเหลือ?”
“ใช่ครับ” พนักงานรักษาความปลอดภัยได้เอามือล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง ล้วงขวดพ่นออกมาขวดนึง
ในขวดพ่นมีของเหลวใสๆอยู่ครึ่งขวด ส่วนรายละเอียดเฉพาะเจาะจงไม่รู้ว่าคือของเหลวอะไร
แต่ตอนที่วารุณีเห็น ในใจได้ค่อยๆกระวนกระวายขึ้นมา โดยเฉพาะหลังจากพนักงานรักษาความปลอดภัยได้เปิดฝาขวดออก ความกระวนกระวายนั้นก็ได้ปะทุออกมาทันที
เธอเริ่มถอยไปด้านหลังหลัง เตรียมจะหันหลังวิ่งหนีไปทันที
แต่เห็นได้ชัดว่าพนักงานรักษาความปลอดภัยดูเจตจำนงของเธอออก ได้ยกขวดพ่นในมือขึ้นแล้วพ่นใส่หน้าของเธอสองที
เธออยากกลั้นหายใจไว้ด้วยจิตใต้สำนึก ไม่ให้ตนเองสูดดมของเหลวพวกนี้เข้าไปในจมูก
แต่แล้วของเหลวพวกนี้กลับมีผลทำให้แสบตา แสบจนตาของวารุณีปวดแสบปวดร้อนไปหมด เธอก็ย่อมไม่มีเวลามากลั้นหายใจ
จากนั้นวารุณีก็ได้กลิ่นฉุนจัดเตะจมูกมา วินาทีต่อมา ความวิงเวียนได้จู่โจมมาจนตรงหน้าเธอมืดมน ร่างกายได้วูบลงไปที่พื้นและสูญเสียการรับรู้
พนักงานรักษาความปลอดภัยเก็บขวดพ่นไว้ จากนั้นได้ก้มหน้ามองเธอ “ก็บอกแล้วว่าให้คุณช่วยผมหน่อย ถ้าคุณฟังผมพูดจบ ไปกับผมดีๆผมก็ไม่ถึงขั้นทำแบบนี้กับคุณแล้ว เฮ้อ……”
พนักงานรักษาความปลอดภัยได้แสร้งถอนหายใจด้วยความเสียใจ จากนั้นได้แบกวารุณีขึ้นมา แล้วเดินเข้าไปในบันไดหนีไฟ
ในงานคอนเสิร์ต ระยะเวลาห่างจากที่วารุณีไปเข้าห้องน้ำประมาณสิบกว่านาทีแล้ว
นัทธีได้ดูนาฬิกาไปหลายครั้ง ทุกครั้งที่ดูก็ได้ขมวดคิ้วแน่นยิ่งขึ้น
ปาจรีย์ที่อยู่ข้างๆเห็นก็รู้เลยว่าเขากำลังกังวลอะไรอยู่ เธอได้เปิดปากพูดว่า:“ประธานนัทธี ป่านนี้วารุณียังไม่กลับมาเลย ฉันลองไปดูที่ห้องน้ำให้มั้ยคะ บางทีคนอาจจะเยอะล่ะ”
สำหรับนัทธีแล้วคำพูดของเธอพูดได้เวลาพอดีเลย เขาพยักหน้า “ได้ครับ”
“โอเคค่ะ” ปาจรีย์ลุกขึ้นแล้วเดินไปที่ห้องน้ำ
มาถึงห้องน้ำ ที่ห้องน้ำคนค่อนข้างเยอะอย่าที่คิดจริงๆ ยังมีคนต่อแถวกันอยู่ด้วย
ปาจรีย์อยู่ด้านนอกมองไม่เห็นวารุณี ได้แต่หยิบมือถือออกมาโทรหาวารุณี ดูซิว่าวารุณีอยู่ในห้องน้ำแต่ละห้องหรือเปล่า
แต่แล้วมือถือของวารุณีกลับโทรไม่ติด แถมยังได้แจ้งเตือนว่าปิดเครื่องด้วย
ปาจรีย์รู้สึกค่อนข้างกระวนกระวายใจขึ้นมา
ทำไมถึงปิดเครื่องได้นะ?
เพราะมือถือแบตหมด?หรือไม่ได้พกติดตัวไว้?
ขมวดคิ้ว คิดแล้วมึนงงสับสน เธอวางมือถือลงและเริ่มเคาะประตูห้องน้ำทีละห้องพร้อมกับเรียกชื่อของวารุณี แต่แล้วประตูห้องน้ำถูกเธอเคาะจนทั่วหมดแล้ว ก็หาวารุณีไม่เจอเลย
ปาจรีย์ใจคอไม่ดีเลย พอรู้ว่าวารุณีไม่อยู่ที่ห้องน้ำแล้ว
เธอไม่รู้ว่าก่อนที่เธอจะมาวารุณีก็ได้กลับไปที่งานคอนเสิร์ตแล้วหรือเปล่า หรือว่าได้ไปเข้าห้องน้ำที่อื่น
แต่ปัญหาตอนนี้คือหาตัวไม่เจอ!
คิดถึงตรงนี้ ปาจรีย์ได้รีบโทรหานัทธี
ไม่นานสายก็โทรติดแล้ว เสียงเย็นชาของนัทธีก้องมา “ฮัลโหล!”
“ประธานนัทธี วารุณีกลับไปหรือยังคะ?” ปาจรีย์รีบถาม
นัทธีได้นั่งตัวตรง จากนั้นได้ดูซ้ายมองดูขวาแล้วตอบด้วยเสียงซีเรียส “เปล่า ทำไมเหรอครับ?วารุณีไม่อยู่ที่ห้องน้ำเหรอ?”
ปาจรีย์พยักหน้ารัวๆ “ใช่ค่ะ ฉันหาจนทั่วห้องน้ำแล้วก็หาวารุณีไม่เจอ แล้วเมื่อครู่ฉันโทรหาวารุณี มือถือของเธอก็ปิดเครื่องด้วย”
“อะไรนะ?”นัทธีสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก พร้อมกับได้ลุกขึ้นมาทันที
เชอรีนกับลีน่ารีบหยุดพูดแล้วมองมาที่เขา
“ประธานนัทธี มีอะไรคะ?” เชอรีนถาม
นัทธีไม่ได้ตอบคำถามเธอ แต่ได้กำมือถือไว้แน่นแล้วพูดกับคนในสายว่า:“ตอนนี้คุณอยู่ไหน?”
“ตอนนี้ฉันอยู่ระหว่างทางกลับ อยากระหว่างทางอยากตามหาวารุณีดูค่ะ” ปาจรีย์พูด
นัทธีก้าวเท้าไปจากงานคอนเสิร์ต “ตอนนี้คุณไปที่ห้องกระจายเสียงด่วนเลย ประกาศตามหาวารุณี”
ส่วนเขาก็จะไปที่ห้องควบคุมกล้องวงจรปิดเที่ยวนึง ใช้กล้องวงจรปิดหาวารุณีให้เจอ
วารุณีไม่มีนิสัยหลงลืมทิศทาง เพราะฉะนั้นเป็นไปไม่ได้ที่เธอจะหลงทางหรือว่าหาทางไม่เจอ
ในเมื่อเธอไม่มีทางที่จะหลงทาง งั้นความเป็นไปได้มากที่สุดก็คือเธอถูกคนลักพาตัวไป
ไม่งั้น ไม่สามารถอธิบายได้ว่าทำไมจู่ๆมือถือของเธอถึงได้ปิดเครื่อง!