“ถ้านี่คือสิ่งที่คุณหมายถึง แน่นอน ผมสามารถช่วยคุณได้” นิรุตติ์มองไปที่เธอ
วารุณีใจสั่น แต่คิดสิ่งที่ตามมาคืออะไร กัดริมฝีปากพร้อมส่ายหัว “ไม่ล่ะ ฉันไม่ต้องการความช่วยเหลือจากคุณ ถ้าฉันขอให้คุณช่วย นายอาจจะต้องทำข้อตกลงกับฉัน ฉันรู้ว่าโลกนี้ไม่มีอะไรได้มาฟรี ๆ ฉันรู้ดีว่าต้องการความช่วยเหลือจากใครซักคน ต้องจ่ายราคา หากเป็นราคาที่สมเหตุสมผล ฉันยินดีจ่าย แต่กับนาย…”
วารุรีเยาะเย้ยถากถาง “สิ่งที่คุณต้องการ ฉันให้ไม่ไหวหรอก ดังนั้นไม่จำเป็นต้องให้คุณช่วยเหลือ”
แน่นอนเขาจะขอให้เธออยู่กับเขาหรือความต้องการอื่น ๆ ที่มากเกินไป
ด้วยวิธีนี้จะดีกว่าที่ไม่ให้เขาช่วย อย่างไรก็ตาม เธอเชื่อว่านัทธีและพงศกรก็จะพบองค์กรและฆาตกรนี้ได้ในไม่ช้าก็เร็ว
นิรุตติ์ฟังคำพูดของวารุณีแล้วถอนหายใจ “วารุณีถ้าคุณคิดแบบนี้กับผม ผมเสียใจมากนะ ในใจคุณผมเป็นคนแบบนี้เหรอ?”
“มันไม่ใช่เหรอ?” วารุณีเหล่มองเธอ
นิรุตติ์ยิ้มอ่อน ๆ “คุณคิดแบบนี้ แม้ผมจะอธิบายว่าผมไม่ใช่คนแบบนั้นคุณก็ไม่เชื่อ งั้นผมไม่มีอะไรจะพูดแล้ว แต่ครั้งนี้ผมไม่เอาของแลกเปลี่ยนอะไรก็ได้ ผมจะช่วยคุณสืบหาเป็นไง?”
วารุณีหรี่ตาลง “ช่วยฉันสืบโดยไม่มีเงื่อนไข?”
“ถูกต้อง”
วารุณีเม้มริมแน่นอย่างระมัดระวัง “คุณใจดีขนาดนั้นเลย?”
ในใจของเธอ นิรุตติ์เป็นคนที่ถ้าคนไหนไม่มีผลประโยชน์ต่อเขา เขาก็ไม่มีทางช่วยแน่
ดังนั้น เขาจะใจดีได้อย่างไร
“ใครบอกว่าผมไม่มีเจตนาดี” นิรุตติ์หันตะเกียบของเขา “ตอนที่เราตกจากหน้าผาด้วยกัน ถ้าไม่ใช่เพราะผมที่เอาตัวรับคุณไว้ ใครหัก คนที่คอและขาหักคือคุณนะ ”
วารุณีเยาะเย้ย “นายยังมีหน้ามาพูดถึงเรื่องนี้อีก! เป็นคุณที่ลักพาตัวฉันและพาฉันตกจากหน้าผาไม่ใช่เหรอ? ทำไมคุณพูดเหมือนเป็นอุบัติเหตุและคุณก็ช่วยชีวิตฉันไว้?”
“เอ่อ…” นิรุตติ์กระตุกที่มุมปากของเขาแล้วหัวเราะออกมา “ เอาเถอะ คำพูดนี้ผมพูไม่ถูก แต่วารุณี ผมพูดจริงนะ ครั้งนี้ผมจะไม่พูดถึง เงื่อนไข คุณไม่ต้องตอบแทนอะไร ผมจะช่วยคุณสืบหา คุณก็รู้ว่าผมรักคุณ เป็นเรื่องที่ต้องสมควรทำให้คนที่รักไม่ใช่เหรอ? ไม่ยากและไม่เสียเปรียบหรอก”
“ที่นายพูดมาไม่ผิดหรอก คำพูดประโยคเดียวสำหรับฉันมันไม่ยากหรอก แต่เรื่องเสียเปรียบ สำหรับนายฉันไม่สามารถวางใจได้ ไม่ว่าคุณจะใจดีหรือมีเป้าหมายอื่น ฉันก็ไม่เชื่อนายหรอก ดังนั้นฉันไม่อยากให้นายช่วยตามสืบ” วารุณีมองเขา พูดจบด้วยความเย็นชา แล้วเดินออกจากห้องอาหารไป
นิรุตติ์เองก็ไม่ได้หยุดเธอไว้ มองดูเธอที่เดินออกไปยังห้องนั่งเล่น แล้วเขาก็ยักไหล่อย่างช่วยไม่ได้ “เฮ้ ความรู้สึกที่ไม่น่าเชื่อนี้มันน่าอึดอัดจริง ๆ”
นิรุตติ์หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วโทร “ตรวจสอบว่ามีบุคคลระดับสูงในองค์กรที่ฆ่าใครซักคนและสูญเสียตราประจำตัวไปเมื่อสิบกว่าปีที่แล้วหรือไม่”
คนระดับสูงที่จะมีป้ายประจำตัว และมีรหัสเป็นของตัวเอง
หากป้ายสูญหาย คุณต้องกลับไปที่องค์กรเพื่อลงทะเบียนและสมัครใหม่เพื่อรับป้ายใหม่ ดังนั้นจึงไม่ยากที่จะรู้ว่ามีตราสัญลักษณ์ระดับสูงหายไปในองค์กร
คนที่อยู่ปลายสายพยักหน้าเมื่อเขาได้ยินคำพูดของนิรุตติ์“ครับนาย”
“ไปเถอะ แต่ต้องสืบหาอย่างลับๆ หลังจากรู้แล้ว ส่งข้อความถึงผมทันที” นิรุตติ์ผลักแว่นตาของเขาและพูดขึ้น
หลังจากที่พูดเสร็จ เขาก็วางมือถือลง นวิยาเดินออกมาจากห้องครัว เห็นว่าในห้องอาหารมีแค่เขาคนเดียว ไม่เห็นวารุณี เธอทำหน้าบูดเบี้ยวและพูด “วารุณีไปแล้ว แล้วคุณไม่ตามปด้วย?”
นิรุตติ์เหลือบมองเธอ “นี่คือที่ของฉัน ฉันจะไปกับเธอหรือไม่ มันก็ไม่ใช่เรื่องของแก”
นวิยาเม้มริมฝีปากของเธอ ดึงเก้าอี้ออกแล้วนั่งลง “นิรุตติ์ คุณบอกฉันมาตามตรง คุณพาวารุณีมาที่นี่ คิดจะวางแผนที่จะอยู่ที่นี่กับเธอตลอดชีวิต?”
นิรุตติ์หลับตาลงเล่นโทรศัพท์มือถือและตอบว่า “ตอนนี้ฉันเบื่อชีวิตที่ต่อสู้เพื่อชื่อเสียงและโชคลาภแล้ว ถ้าเธอเต็มใจที่จะอยู่กับฉัน ถ้าอย่างนั้นก็เป็นไปได้ที่ฉันจะอยู่ที่นี่ตลอดชีวิตและเลิกกังวลกับทุกสิ่งภายนอก”
“คุณนี่มันบ้าจริง ๆ!” สีหน้าของนวิยาเปลี่ยนไป “เพื่อผู้หญิงคนเดียว คุณยอมปล่อยทุกอย่าง คุณไม่ต้องการวันเฮิร์ทแล้ว? คุณต้องการหักหลังองค์กรที่อยู่เบื้องหลังคุณงั้นเหรอ? อย่าลืมว่าคุณไม่สามารถหักหลังได้!
“ไม่ว่าองค์กรที่อยู่เบื้องหลังฉันจะทรยศหรือไม่ ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ” นิรุตติ์มองดูเธออย่างเย็นชา “ วันเฮิร์ทเป็นของอาสะใภ้รองฉันที่เก็บไว้ให้ฉัน แต่อาสะใภ้รองเสียไปแล้ว สัญญาการถ่ายโอนหุ้นส่วนของอาสะใภ้รองก็ไม่ได้โอนให้ฉัน ผมคิดเสมอว่าอาสะใภ้รองต้องมาเสียใจทีหลังและอยากมอบวันเฮิร์ทให้นัทธี ดังนั้นนี่คือเหตุผลที่ฉันเกลียดนัทธีมาก”
ทุกคนคิดว่าเขาเกลียดนัทธี เพราะคุณปู่ของเขามองข้ามพี่คนโต และยกบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ป ให้คนรอง เมื่อคุณอารองและคุณอาสะใภ้รองคนที่สองเสียไป ก็มองข้ามหลานคนโตคนนี้ และยกบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ป ให้กับหลานคนรอง
แต่แท้จริงแล้วไม่ใช่ เขาไม่เคยคิดเรื่องบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ปเลยและไม่สนใจบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ปเลยซักนิด สิ่งเดียวที่เขาต้องการคือวันเฮิร์ท
เขาคิกว่าวันเฮิร์ทตกไปอยู่ในมือของนัทธี ดังนั้นเขาจึงเล็งเป้าหมายไปที่วารุณี หวังทำร้ายนัทธี เพื่อที่จะแย่งวันเฮิร์ทกลับมา แต่ผลลัพธ์กลับแย่งกลับมาไม่ได้ และยังถูกนัทธีเนรเทศไปต่างประเทศเป็นห้าปี
จนกระทั่งเขากลับมาที่ประเทศจีนหลังจากถูกเนรเทศมาห้าปี เขาก็บังเอิญรู้ว่าวันเฮิร์ทไม่ได้อยู่ในมือของนัทธี นัทธีเองยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอาสะใภ้รองเอาวันเฮิร์ทให้กับใคร และตอนนั้นเองที่เขาก็ไรู้ว่าได้เข้าใจนัทธีผิดไป
อย่างไรก็ตาม การจ้องทำร้ายนัทธีถูกกำหนดมาแล้ว บวกกับเรื่องไม่ถูกกันของบ้านคนโตและบ้านคนรอง เขาและนัทธีไม่มีทางลงรอยกันได้
ต่อมาเขายังคงสอบหาต่อไป และในที่สุดก็พบว่าวันเฮิร์ทได้รับการดูแลโดยผู้จัดการตลอดมา และถูกคุณปู่ยึดเก็บไว้ เพราะคุณปู่รู้สึกว่าขงเบ้งเป็นคนทำร้ายคุณอารองคุณอาสะใภ้รอง งั้นพวกเขาก็ไม่สมควรได้รับมรดกของคุณอารองคุณอาสะใภ้รอง
คุณปู่จึงแอบซ่อนวันเฮิร์ทไว้เงียบ ๆ ซ่อนเก็บไว้กับมรดกของเขา ด้วยเหตุนี้ เป็นเหตุผลที่เขาหมกมุ่นอยู่กับการหามรดกของคุณปู่ของเขา ไม่ใช่จะทำลายหลักฐานที่ขงเป็นคนฆ่าคุณอารองคุณอาสะใภ้รอง
และสาเหตุที่เขาหมกมุ่นอยู่กับวันเฮิร์ทก็เป็นเพราะว่าอาสะใภ้รองทิ้งไว้ให้เขา ในใจของเขา อาสะใภ้รองไม่ใช่แค่แม่ของเขา แต่ยังเป็นคนรักของเขาด้วย สำหรับอาสะใภ้รอง ความรู้สึกของเขาซับซ้อนมาก เป็นความรักจากแม่ และยังเป็นความรักแบบผู้หญิง
แต่ด้วยรูปลักษณ์ของวารุณี ความรักที่เขามีต่ออาสะใภ้รองจึงค่อยๆ ส่งต่อไปยังวารุณี
แน่นอนว่าในตอนแรกเขาใช้วารุณีเป็นตัวแทนอาสะใภ้รองของเขา เพราะวารุณีมีดวงตาที่คล้ายกับอาสะใภ้รอง ดังนั้นเมื่อเขาเห็นวารุณี เขาก็สนใจในตัววารุณีมาก แต่เมื่อได้รู้จักวารุณี ก็ค้นพบว่านอกจากดวงตาแล้วอย่างอื่นเธอแทบจะไม่มีความคล้ายคลึงกันเลย อาสะใภ้รองเปรียบเสมือนดอกฝอยไหมที่ให้ความอบอุ่น แต่วารุณีคือดอกลูกพลัมฤดูหนาวที่เบ่งบาน
แม้ว่าดอกฝอยไหมจะสวยงาม แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ยังด้อยกว่าพลัมฤดูหนาวที่เย่อหยิ่ง ดังนั้นความรู้สึกของเขาที่มีต่ออาสะใภ้รองจึงเปลี่ยนไปที่วารุณี